มู่หนานจือ – บทที่ 46 ทางออก
เจียงเจิ้นหยวนมองหลานสาวของตนเองที่ยังอายุไม่ถึงสิบห้าปีอย่างประหลาดใจมาก
เขาเข้าใจมาตลอดว่านางเป็นแค่เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูในวังและไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่านางกลับมีความคิดเห็นเช่นนี้
เจียงเจิ้นหยวนรู้สึกเป็นเกียรติและโชคดีทันที จึงเอ่ยอย่างสบายใจว่า “เป่าหนิง เจ้าสมกับที่เป็นลูกของตระกูลเจียงของพวกเรา แม้จะเติบโตในมือของผู้หญิง แต่กลับมีความสามารถเทียบเท่าบุรุษ”
เจียงเซี่ยนละอายใจ
ทว่าเจียงเจิ้นหยวนกลับคิดว่าในเมื่อหลานสาวมีความคิดเห็นเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อบีบบังคับคนสกุลฟาง…ด้วยความสามารถของนาง ตัวนางเองก็สามารถจัดการคนสกุลฟางได้อยู่แล้ว จึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องปิดล้อมเฉาไทเฮากับตนเอง
เพียงแต่เสียดายที่เจียงเซี่ยนไม่ใช่ผู้ชาย
หากเจียงเซี่ยนเป็นผู้ชาย ก็สามารถประคับประคองตระกูลเจียงขึ้นมาร่วมกับเจียงลวี่ได้แล้ว
กฎของตระกูลเจียงเข้มงวด ผู้ชายอายุสี่สิบห้ามรับอนุภรรยา และยิ่งไม่อนุญาตให้มีพวกเมียบ่าว กฎของตระกูลแบบนี้มีข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน
ข้อดีคือจะได้ตั้งใจอบรมเลี้ยงดูลูกหลานทุกคน มรดกของตระกูลไม่รั่วไหล ความประพฤติและความสามารถของพวกเด็กๆ ล้วนเป็นผลผลิตชั้นดีจากตระกูลเจียง
ข้อเสียคือจำนวนคนน้อยเกินไป หากมีภัยที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง จะรักษาตระกูลไว้ได้ยากมาก
ดังนั้นเด็กของตระกูลเจียงทุกคนจึงล้วนมีค่า
พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเจิ้นหยวนก็สนใจการมาเยือนของเจียงเซี่ยนเป็นอย่างมาก
เขายิ้มและถามเจียงเซี่ยน “เจ้าตัดสินใจได้นานแล้วหรือ?”
เจียงเซี่ยนพยักหน้า แล้วถึงเอ่ยจุดประสงค์ที่มาที่นี่ในครั้งนี้ออกมา “พวกเราช่วยให้ฝ่าบาทว่าราชการด้วยตนเอง แต่จะปล่อยเรื่องเฉาไทเฮาให้ฝ่าบาทจัดการไม่ได้”
เจียงเจิ้นหยวนเป็นคนที่ผ่านความยากลำบากในราชสำนักมานาน จึงเข้าใจความคิดของเจียงเซี่ยนทันที
อยากให้เฉาไทเฮามอบอำนาจคืนให้ ก็จำเป็นต้องคุมขังเฉาไทเฮา แต่เฉาไทเฮาที่ถูกคุมขังก็เหมือนนกที่ปีกหักแล้ว ฮ่องเต้เป็นผู้ควบคุมความเป็นความตาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไทเฮาที่ถูกคุมขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทเฮาที่เคยสำเร็จราชการแทน ก็ไม่มีฮ่องเต้คนไหนปล่อยให้นางได้มีชีวิตอยู่นาน
ความคิดของเจียงเซี่ยนคือต้องเก็บเฉาไทเฮาไว้ ให้เฉาไทเฮาสู้กับฮ่องเต้ต่อไป ตระกูลเจียงจะทำอะไรก็ราบรื่นทุกอย่าง และได้ประโยชน์จากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อของทั้งสองฝ่าย
เรื่องแบบนี้พูดง่าย แต่ทำยาก
ก็เหมือนเดินอยู่บนโซ่เหล็กกลางอากาศ มีลมพัดให้หญ้าไหวเพียงนิดเดียวก็อาจจะตกลงมาตายได้
ยิ่งกว่านั้นเฉาไทเฮานั่นเป็นคนเข้ากับคนง่ายงั้นหรือ?
ถึงเวลานั้นอย่าอยากอวดฉลาด จนกลายเป็นทำเรื่องโง่ลงไปแทน ทำให้เฉาไทเฮากับฮ่องเต้ร่วมมือกันกำจัดตระกูลเจียง นั่นต่างหากที่จะเป็นเรื่องตลก!
เจียงเจิ้นหยวนคิดทบทวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
เจียงเซี่ยนรออย่างอดทน
นางไม่อยากแต่งงานกับจ้าวอี้ และอยากฆ่าจ้าวอี้ด้วย จึงจำเป็นต้องเก็บเฉาไทเฮาไว้
ขอเพียงมีเฉาไทเฮาอยู่ จ้าวสี่ก็อย่าได้คิดที่จะมาเป็นลูกชายคนโตของฮ่องเต้อย่างบริสุทธิ์ไร้ราคีเลย!
คนสกุลฟางก็เลิกคิดที่จะเป็นฮูหยินเฟิ่งเซิ่งที่ผู้คนพากันยกยอเหมือนชาติก่อนเช่นกัน!
ทำไมนางจะต้องทำให้มือของตนเองแปดเปื้อนด้วย!
ฆ่าคนเพื่อจ้าวอี้ ครั้งเดียวก็พอแล้ว
ไม่จำเป็นต้องทำอีกครั้ง
เจียงเซี่ยนคิดว่าพอจ้าวอี้ตาย นางก็ย้ายเข้าไปในห้องอุ่นตะวันออกที่ท่านยายเคยอยู่ที่วังฉือหนิง ในใจก็รู้สึกทรมานจนยากที่จะทนได้ และอดที่จะแอบบอกตนเองไม่ได้ว่า ‘ข้าอยากใช้ชีวิตของตนเอง แต่งงาน มีลูก อบรมเลี้ยงดูลูกของตนเองอย่างดี ดูพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่งงานมีลูก ตอนตาย หลานเหลนล้อมอยู่รอบกายตนเองจนเต็มห้อง รอแบ่งเงินส่วนตัวของตนเองและเครื่องประดับที่เป็นมรดกตกทอดในตระกูล’
นั่นต้องสนุกมากแน่!
เพียงแต่พอคิดเช่นนี้ สายตานางก็เริ่มพร่าเลือนขึ้นมาเล็กน้อย
นางถามเจียงเจิ้นหยวน “ท่านรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมหรือ?”
เจียงเจิ้นหยวนพึมพำว่า “เฉาไทเฮาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ข้ากลัวว่าหลังจากนางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจะร่วมมือกับฝ่าบาท”
เจียงเซี่ยนใช้นิ้วมือลูบปากถ้วยชาอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า “ข้ากำลังคิดว่า หากข้าเป็นเฉาไทเฮา รู้ว่าฝ่าบาทจะกำจัดข้าเช่นนี้ จะทำอย่างไร?”
เจียงเจิ้นหยวนคิดไม่ถึงว่านางจะพูดแบบนี้ จึงรู้สึกสนใจมากทันที และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นเจ้าลองว่ามา หากเจ้าเป็นเฉาไทเฮา เจ้าจะทำอย่างไร?”
เจียงเซี่ยนเอ่ยว่า “ข้าจะรอโอกาส ปล่อยให้ฝ่าบาทมีองค์ชาย แล้วคิดหาทางวางยาปลงพระชนม์ฝ่าบาท สนับสนุนให้องค์รัชทายาทที่ยังเยาว์วัยขึ้นครองราชย์ และว่าราชการหลังม่านอีกครั้ง”
เสียงนางนุ่มนวล มีเหตุผล และเฉื่อยชา ทว่ากลับทำให้คนรู้สึกหนาว
เจียงเจิ้นหยวนหรี่ตาเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังและเคร่งขรึมขึ้นมา บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดไปด้วย
เจียงเซี่ยนยิ้มให้ลุงของนางเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “หากฝ่าบาทรู้ว่าเฉาไทเฮาคิดเช่นนี้ ท่านว่า…ฝ่าบาทจะร่วมมือกับเฉาไทเฮากำจัดตระกูลเจียงหรือ? ฮ่องเต้ที่ไม่มีตระกูลเจียง ยังเป็นฮ่องเต้หรือ? หากเฉาไทเฮารู้ว่าฝ่าบาทจะกักขังไทเฮาเพื่อให้ลูกของฝ่าบาทกับแม่นมได้เป็นลูกชายคนโตของฝ่าบาท ท่านว่า…เฉาไทเฮายังจะร่วมมือกับฝ่าบาทหรือ?”
เจียงเจิ้นหยวนฝืนอดทนไว้ถึงได้ไม่ปรบมือชื่นชม ทว่าเขาก็ยังอดที่จะลุกขึ้นยืนไม่ได้ แล้วเดินกลับไปกลับมาในห้องสองรอบ และเอ่ยว่า “เจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย…เฉาไทเฮาไม่มีทางที่จะเกลียดฝ่าบาทเพราะฝ่าบาทอยากให้ลูกชายที่คนสกุลฟางให้กำเนิดเป็นองค์ชาย แต่ฝ่าบาทกลับจะเกลียดเฉาไทเฮาเพราะเฉาไทเฮาอยากแต่งตั้งฮ่องเต้ที่อายุยังน้อยอีกครั้ง นี่อาจจะเป็นจุดที่ฝ่าบาทสู้ฮองไทเฮาไม่ได้ เจ้าคิดได้ดี! ข้ารู้ว่าควรจะทำอย่างไรแล้ว”
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับยิ้มตาหยีและเตือนเขา “ดังนั้นแม่นมฟางสำคัญมาก!”
เจียงเจิ้นหยวนไม่เข้าใจไปชั่วขณะ
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “หากเวลานี้เฉาไทเฮารู้เรื่องของฝ่าบาทกับแม่นมฟางแล้ว ไทเฮาจะต้องอดทนไว้อย่างแน่นอน เพราะอีกไม่นานก็เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาแล้ว วันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาไม่ได้จัดขึ้นเพื่อให้คนมาอวยพรวันเกิดไทเฮา แต่อยากใช้โอกาสนี้แตะต้องทางตะวันออกเฉียงใต้สักหน่อย ดังนั้นมีแต่ต้องยื่นมือออกมาหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาแล้ว ถึงจะไปจัดการนางได้ แต่รอหลังวันเฉลิมพระชนมพรรษาของไทเฮาก็เกรงว่าจะไม่สามารถไปแตะต้องแม่นมฟางได้แล้ว พวกเราก็ต้องช่วยเฉาไทเฮาสักครั้ง พอเฉาไทเฮาคิดได้และคิดว่าเด็กในท้องของนางมีค่ามากแล้ว ก็จะคิดหาทุกวิถีทางให้แม่นมฟางมาอยู่ข้างกายตนเอง พอเด็กคนนี้คลอดออกมา ก็บันทึกชื่อไว้ใต้ชื่อของนางในคนไหนสักคน และค่อยๆ เลี้ยง หากฝ่าบาทแต่งตั้งฮองเฮาแล้วมีลูกชาย ลูกชายคนนี้ก็เป็นองค์รัชทายาท ต่อไปองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ฮองเฮาก็เป็นฮองไทเฮาแล้ว”
“ในเมื่อเฉาไทเฮาว่าราชการหลังม่านได้ งั้นแม่แท้ๆ ขององค์รัชทายาทคนนี้ก็ต้องว่าราชการหลังม่านได้เช่นกัน”
“ดังนั้นตระกูลของฮองเฮาคนนี้จะสูงมากไม่ได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เฉาไทเฮาต้องทุ่มเทอย่างสุดชีวิตก็ไม่มีทางให้จ้าวอี้แต่งงานกับนางอย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนเอ่ยต่อว่า “หากสนมในวังหลังยังไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ อำนาจของฝ่าบาทมีเสถียรภาพแล้ว จะกำจัดเฉาไทเฮา เช่นนั้นเด็กที่แม่นมฟางให้กำเนิดนี้เป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากสนม ก็น่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท”
“เฉาไทเฮามีไพ่ตายแล้วก็อดทนได้”
“เวลายิ่งนานก็ยิ่งเป็นผลดีต่อเฉาไทเฮา”
“หากเด็กคนนี้เหมาะสมดี ฉลาดหลักแหลม สุขภาพแข็งแรง และร่าเริง งั้นต่อให้เด็กคนนี้มาจากตระกูลต่ำต้อย เหล่าขุนนางเห็นแล้วก็ชอบเหมือนกัน”
“แต่ฝ่าบาทกลับไม่เหมือนกัน”
“หากฝ่าบาทรู้ว่าเฉาไทเฮาอยากให้ลูกชายของเขาแทนที่เขา ท่านว่า…ฝ่าบาทจะทำอะไร?”
“ข้าว่า…ฝ่าบาทคงจะต้องไม่กล้ามีองค์ชายแน่?”
“ไม่เพียงแต่ไม่กล้ามีองค์ชาย ยังอาจจะคิดสังหารเด็กที่แม่นมฟางให้กำเนิดด้วยกระมัง?”
“เมื่อฝ่าบาทกับเฉาไทเฮาเป็นเช่นนี้ ยังจะมีกะจิตกะใจมาสนใจตระกูลเจียงของพวกเราที่ไหนกัน”
“ขอเพียงอดทนผ่านสี่ห้าปีแรกไปได้ ตระกูลเจียงของพวกเราก็น่าจะสามารถปกป้องตนเองได้แล้ว”
“แล้วยังมีอ๋องเหลียวทางตะวันออกกับจิ้งไห่โหวทางใต้อีก! คนอื่นลำบาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอสักสี่ห้าปีอย่างสงบได้หรือไม่ หากพวกเขารอไม่ไหว ตระกูลเจียงของพวกเราก็อดทนจนผ่านพ้นไปได้แล้วไม่ใช่หรือ!”
ชาติก่อน เพราะมีหลี่เชียน ทั้งสองตระกูลถึงไม่เคลื่อนไหว
ชาตินี้ ไม่มีหลี่เชียนแล้ว จ้าวอี้กับจ้าวเซี่ยวยังจะว่านอนสอนง่ายขนาดนั้นหรือ?
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะทำไม่สำเร็จ
ทำไมตระกูลเจียงต้องทุ่มเททำงานอย่างสุดกำลังเพื่อตระกูลจ้าวด้วย!
———————————–
คอมเม้นต์