ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 – ตอนที่ 4 สวยเหลือเกิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 ตอนที่ 4 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ลมฤดูร้อนโชยมา ทำให้กระโปรงสั้นของเธอเปิดขึ้น

เสียงหมาเห่าดังมาจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ทำให้สัตว์ในป่าซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรพลอยส่งเสียงคำรามตามไปด้วย

แตงซึ่งสุกเต็มที่ในสวนส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล

แววตาคมกริบเยียบเย็นของชายหนุ่มจ้องหน้ากู้จิ้งเขม็งด้วยความโกรธ

เขาส่งเสียงคำรามแหบต่ำออกมาจากลำคอ จากนั้นก็กล่าวคำพูดออกมาประโยคหนึ่ง

กู้จิ้งฟังไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ว่าคราวนี้ตัวเองคงไม่มีทางรอดแล้ว ไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ

เธอหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ นิ้วของชายหนุ่มที่กุมรอบลำคอของเธอเอาไว้ก็แข็งค้างอยู่กับที่

กู้จิ้งสังเกตเห็นทันที พอลืมตามองด้วยความประหลาดใจ เธอก็พบว่าเขากำลังมองท้องฟ้าด้วยสายตาแปลกประหลาด

เธอเงยหน้าขึ้นมองบ้าง

บนท้องฟ้ามืดมิดนั้นมีพระจันทร์สีเลือดลอยเด่น

จันทรุปราคาเต็มดวงสีเลือด?

สีหน้าของกู้จิ้งเปลี่ยนไปทันที

 

ตอนที่เซียวเถี่ยเฟิงค่อยๆ เดินตรงไปหาปีศาจสาวทีละก้าวๆ

เขารู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงบรรเลงเพลง ‘สายลมพัดผ่าน แม่น้ำอี้สุ่ยเย็นยะเยือก[1]’ ดังขึ้นตรงข้างหู ทั้งที่รู้ว่าตรงหน้าคือปีศาจสาว ทั้งที่รู้ว่านางมีเจตนาไม่ดี แต่เขาก็ยังคงเดินตรงไปหานาง

ทั้งหมดเป็นเพราะแววตาของนางที่มองเขา มันเยือกเย็นเหมือนแสงจันทร์ น่าหลงใหลเหมือนสุรารสร้อนแรง เพียงมองแวบเดียว เขาก็ถอนตัวไม่ได้อีก

เขาเดินช้ามาก มากจนเหมือนกับกำลังเดินไปสู่จุดจบของชีวิต

ท้ายที่สุดเมื่อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง เขาก็เห็นปีศาจสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสำรวจตรวจตรา

นางเป็นปีศาจที่แปลกประหลาดเอามากๆ ทั้งที่ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้ม แถมรอยยิ้มนั้นยังงดงามจนทำให้ผู้คนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้ร่างที่แข็งแกร่งปานเหล็กของเขาอ่อนปวกเปียก แต่แววตาของนางกลับยังคงเยือกเย็น

นางมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง ความหมายของสายตานั้น เซียวเถี่ยเฟิงพอจะเดาได้บ้าง นางคงกำลังประเมินเนื้อบนร่างของเขาว่าชิ้นไหนอร่อย ชิ้นไหนไม่อร่อยสินะ?

หรือไม่ก็คงกำลังประเมินไอหยางบนร่างของเขาว่าคุ้มค่าพอที่จะลงมือหรือไม่?

ปีศาจสาวประเมินอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยื่นมือออกมา

แขนขาวผ่องทั้งสองข้างซึ่งไม่มีผ้าปกปิดสักนิดยื่นตรงมาหาเขา ดูท่าคงอยากให้เขาอุ้ม? นางคิดว่าเขามีไอหยางมากพอ?

ร่างของเซียวเถี่ยเฟิงแข็งเกร็งเหมือนธนูที่ถูกเหนี่ยวจนสุดสาย เกร็งจนเขาคิดว่าร่างของตัวเองกำลังจะระเบิด

เขาสูดหายใจลึกพลางพยายามควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นแรงสุดความสามารถ จากนั้นจึงก้มลงอุ้มปีศาจสาวขึ้นมาด้วยท่าทางเกร็งๆ

ร่างของปีศาจสาวอ่อนนุ่มมาก ซ้ำยังร้อนผ่าว ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาอีก

แต่เขารู้ว่าในเวลาเช่นนี้จะต้องควบคุมตัวเองให้ได้ จะปล่อยให้มีอะไรผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด

เขาตั้งท่าจะอุ้มนางกลับไปที่เพิง เพราะในเพิงมีเสื่ออยู่ผืนหนึ่ง

เสื่อผืนนั้นจะเป็นสนามรักของเขากับนางในคืนนี้ และคงเป็นสถานที่ที่เขาต้องจบชีวิตลงด้วย

เขารู้ดีว่ากินอาหารมื้อนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ไม่มีมื้อต่อไป แต่ยังอาจไม่มีชีวิตเหลืออยู่อีกด้วย

เขาก้มลงมองปีศาจสาวในอ้อมกอดนิ่งพลางใช้ท่อนแขนแข็งเกร็งกอดกระชับร่างนางให้แน่นขึ้น จากนั้นจึงเดินย้อนกลับไปที่เพิงทีละก้าวๆ

เขายังคงเดินด้วยฝีเท้าที่ช้ามากๆ มากจนเหมือนกำลังเดินไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิต

เขาบอกตัวเองไม่ให้มองปีศาจสาว สายตาของเขามองตรงไปข้างหน้า แต่กลับใช้กล้ามเนื้อทุกมัดบนแผงอกท่อนแขนและหน้าท้องสัมผัสถึงตัวตนของนาง

ปีศาจสาวหอมมาก

ปีศาจสาวนุ่มมาก

ปีศาจสาว…เปล่าเปลือย

ความคิดทั้งหมดในหัวใจในดวงตาในร่างกายในเส้นผมในเส้นเลือดของเขาล้วนมีแต่ปีศาจสาวเท่านั้น

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ปีศาจสาวที่นิ่งเงียบมาตลอดก็ขยับ

เขาก้มลงมอง

ปีศาจสาวชี้อะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้น

เขามองไปก็พบว่าเป็นถุงหนังสีดำใบหนึ่ง

เขาจำได้แล้ว ปีศาจสาวคลานออกมาจากถุงหนังสีดำใบนี้

ดังนั้น นางเป็น…ปีศาจงู? แถมยังเป็นปีศาจงูดำ?

ปีศาจสาวเอ่ยปากพูดภาษาปีศาจที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

เขาจ้องถุงหนังสีดำตาเขม็งก่อนจะหันไปมองปีศาจสาว

นาง…อยากได้หนังงูของตัวเองอย่างนั้นรึ?

ปีศาจสาวเริ่มหงุดหงิด จากนั้นก็เริ่มพูดภาษาปีศาจอีกรอบพลางบิดตัวไปมา

พอนางขยับ เขาก็ทนไม่ได้อีก

เซียวเถี่ยเฟิงส่งเสียงครางแหบต่ำอย่างสิ้นความอดทน เขากัดฟันแน่นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพลางออกแรงกอดปีศาจสาวแน่นขึ้น จากนั้น เขาก็ใช้เท้าเกี่ยวถุงหนังสีดำใบนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ

ในตอนนั้นเอง ปีศาจสาวในอ้อมกอดก็เริ่มลงมือ

นางแย่งถุงสีดำในมือเขาไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะนั้น ในสมองของเขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น จะปล่อยให้ปีศาจสาวมุดกลับเข้าไปในหนังงูของนางไม่ได้เด็ดขาด!

มือเนียนนุ่มของปีศาจสาวล้วงเข้าไปในถุงหนัง เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว หางตาก็เหลือบไปเห็นประกายคมปลาบเยียบเย็นของอะไรบางอย่าง

นี่คือ?

เซียวเถี่ยเฟิงตั้งท่าจะเอื้อมมือไปจับมือนางไว้ แต่นางเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก

ทันใดนั้นคมมีดก็แทงเข้าใส่ข้อมือของเขา ทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด

ปีศาจสาว…จะฆ่าเขา?

เลือดร้อนระอุในร่างของเซียวเถี่ยเฟิงค่อยๆ เย็นลง สมองซึ่งมึนงงไปเพราะถูกความปรารถนาครอบงำเริ่มตั้งสติได้ มือเท้าแข็งเกร็งกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

ปีศาจสาวไม่ได้คิดจะดูดไอหยางของเขา ไม่อยากดื่มเลือดของเขา นางแค่อยากปลิดชีวิตของเขาเท่านั้น

ความเสียใจผุดขึ้นในอกของเซียวเถี่ยเฟิง แต่หลังจากนั้น ความโกรธแค้นที่ถูกหลอกก็เข้ามาแทนที่

ชีวิตนี้ เขาได้พบเห็นจิตใจที่น่าชิงชังของมนุษย์มาไม่น้อย ทั้งยังเคยประสบพบเจอเหตุการณ์ที่น่ารังเกียจมาก็มาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ถึงความคับแค้นใจเพราะถูกหลอก ได้รับรู้ถึงอันตรายและความโหดร้ายบนโลก

นางหลอกเขา จริงๆ แล้วนางไม่ได้คิดจะทำเรื่องนั้นสักนิด!

ความโกรธแค้นนี้ทำให้ในใจเขาคิดเพียงแค่ว่า จะปล่อยให้นางหนีไปไม่ได้

เขารัดร่างปีศาจสาวไว้แน่น

เขากลัวนางจะหนีไป

แต่ปีศาจสาวก็คือปีศาจสาว เพราะนางใช้มีดเล่มนั้นแทงเขาอีกรอบจากมุมที่คาดไม่ถึง

พอเห็นเลือด เขาก็กลายสภาพไปเป็นเสือดาวบาดเจ็บซึ่งกำลังโกรธแค้นสุดขีด

เขายังไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำว่าควรทำอะไรต่อไป มือที่แข็งแรงปานคีมเหล็กเพราะผ่านการฝึกฝนมานานก็ยื่นออกไปแย่งมีดของนางมาแล้วกุมลำคอของนางเอาไว้แน่น

ลำคอบอบบางของปีศาจสาวตกอยู่ใต้อุ้งมือของเขา เซียวเถี่ยเฟิงหอบหายใจหนักก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “นางปีศาจ วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปทำร้ายใครอีกแน่!”

สิ้นเสียงคำรามต่ำ ความโกรธแค้นของเขาก็เหมือนจะเลือนหายไปในชั่วพริบตา เขาสูดหายใจลึกติดๆ กันหลายครั้ง พยายามบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง

ในสวนแตงเงียบสงัด เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงถี่กระชั้นของเขาเท่านั้น

หมาสีเหลืองตัวใหญ่ของบ้านหวังซานเริ่มส่งเสียงเห่าขึ้นมาอีก หมาป่าในป่าลึกก็พลอยส่งเสียงหอนตามไปด้วย

เส้นผมงดงามของนางปลิวสยายอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืน ผ้าบางๆ บนร่างเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าท่อนล่างยิ่งไม่อาจบดบังอะไรได้อีก

เซียวเถี่ยเฟิงก้มลงมองปีศาจสาวซึ่งตกอยู่ในกำมือของตัวเอง หัวใจเริ่มหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

ปีศาจสาวสวยเหลือเกิน

ปีศาจสาวที่สวยเช่นนี้ เขาควรฆ่าหรือไม่ควรฆ่า?

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทันใดนั้น เขาก็ได้เห็นภาพที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

พระจันทร์สีเลือด

 

พอกู้จิ้งเงยหน้าขึ้นเห็นพระจันทร์สีเลือดบนท้องฟ้า สมองของเธอเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัย

เธอถึงกับเริ่มสงสัยว่า ตัวเองจำอะไรผิดไปหรือเปล่า?

จำได้ชัดๆ ว่าตอนอยู่ที่บ้าน เธอได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องดังขึ้นที่ด้านนอก จากนั้นก็เห็นพระจันทร์สีเลือดที่นอกหน้าต่าง เธอคิดจะลุกไปดู แต่จู่ๆ ก็เดินสะดุดหน้าคว่ำลงไปในกระเป๋า แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก

จากการคาดเดา เธอคิดว่าตัวเองน่าจะถูกจับมาเรียกค่าไถ่หรือไม่ก็ถูกจับมาขายที่เขตภูเขาห่างไกลล้าหลังแห่งนี้

แต่หากเป็นแบบนี้ วันที่เกิดจันทรุปราคาสีเลือดก็น่าจะผ่านไปหลายวันแล้ว

พระจันทร์สีเลือดแบบนี้ไม่ใช่วันนี้มีพรุ่งนี้ก็จะมีเสียหน่อย มันเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่หลายร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง

ถ้าอย่างนั้น พระจันทร์สีเลือดที่เธอเห็นในตอนนี้เป็นดวงเดียวกับที่เธอเห็นก่อนจะถูกจับตัวมาหรือเปล่า? ถ้าเป็นดวงเดียวกัน อยู่ดีๆ เธอมาโผล่ที่ชนบทห่างไกลรกร้างแบบนี้ภายในชั่วพริบตาเดียวได้อย่างไร?

แต่ถ้าไม่ใช่ดวงเดียวกัน เวลานี้ห่างจากวันที่เธอถูกจับตัวมากี่วันแล้วกันแน่?

หรือว่า…นักดาราศาสตร์เข้าใจผิด จริงๆ แล้วพระจันทร์สีเลือดมีฝาแฝด วันนี้มี อีกไม่กี่วันก็จะมีอีกรอบ?

ในขณะที่กู้จิ้งกำลังงุนงงอยู่นั้นเอง จู่ๆ ผู้ชายที่บีบคอเธอเอาไว้ก็ปล่อยมือเสียเฉยๆ

เธอไอติดๆ กันหลายครั้งก่อนจะทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง

จริงๆ แล้วพระจันทร์สีเลือดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอสักนิด จะมีพระจันทร์สีเลือดดวงเดียวหรือสองดวงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นสำคัญคือเธอจะหนีให้พ้นเงื้อมมือผู้ชายบ้านนอกหยาบกร้านท่าทางโหดเหี้ยมคนนี้ได้อย่างไรต่างหาก

 

—————————————————-

[1] เป็นลำนำที่จิงเคอเอื้อนเอ่ยก่อนจะไปลอบสังหารจิ๋นซีฮ่องเต้ ประโยคเต็มคือ สายลมพัดผ่าน แม่น้ำอี้สุ่ยเย็นยะเยือก ผู้กล้าไปแล้วไม่หวนคืน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด