นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 11 กำหนดมาตรฐาน
ตอนที่ 11 กำหนดมาตรฐาน
ซวนลี่รัชสมัยที่แปดเดือนห้าวันที่สิบแปด หลังจากที่ฟู่ต้ากวนได้พาฟู่เสี่ยวกวนไปเยี่ยมชมอาณาเขตที่ดินของตระกูลแล้ว ก็กลับไปยังหลินเจียง
การเดินทางครั้งนี้ฟู่เสี่ยวกวนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่ดินของตระกูลตนเองอย่างคร่าว ๆ ในโลกนี้ ตัวเขาได้สร้างผลงานชิ้นแรกในนามของตนเองขึ้นมา นั่นก็คือยอดสุราซีซาน ทั้งยังเก็บพี่ชาย ไป๋ยู่เหลียน มาได้ นอกจากนี้ก็ได้วางแผนอนาคตเบื้องต้นสำหรับเรือนซีซานไว้แล้ว ต้นแบบของการพัฒนาและการวิจัยนั้นได้เกิดเค้าโครงขึ้นมาในหัวของเขาอย่างช้า ๆ
ต่อจากนี้ก็เป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ แน่นอน อย่างแรกต้องเข้าใจหลินเจียงเสียก่อน จนถึงวันนี้เขายังไม่เคยออกไปเดินเล่นที่หลินเจียง
ในอดีตการเดินเล่นเยี่ยงนี้คือสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ตอนนี้เขากลับมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะเป็นเวลาผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ดังนั้นในเช้าวันถัดมา เมื่อออกกำลังกายไปจนถึงทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็พาไป๋ยู่เหลียนและชุนซิ่วออกมาโดยรถม้า ไป๋ยู่เหลียนรับหน้าที่เป็นคนขับรถของเขาไปแล้ว
“ซิ่วเอ๋อร์ ข้าต้องการทำขวดแก้ว เจ้าพอจะรู้จักแหล่งบ้างหรือไม่ ? ”
“ขวดแก้วหรือเจ้าคะ บ่าวมิเคยได้ยินมาก่อน แต่แก้วนั้นมีอยู่เจ้าค่ะ”
“โอ้ แก้วก็พอแล้ว”
“ที่ซีฝางนั้นมีอยู่ จะไปดูตอนนี้เลยไหมเจ้าคะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนค้นหาความทรงจำอยู่ชั่วครู่ ซีฝางนั้นเป็นตลาดนัด แต่ที่ตั้งของมันค่อนข้างไกล “ไปหยู๋ฝูจี้ก่อน”
“ที่ซีฝางมีเครื่องปั้นดินเผาหรือไม่?”
“มีเจ้าค่ะ”
“อือ ยอดเยี่ยม”
ชุนซิ่วไม่รู้ว่าคุณชายต้องการของเหล่านี้ไปเพื่อการใด แก้วนั้นราคาแพงมาก ที่จวนฟู่ก็มีชุดแก้วสุรา 1 ชุด ไว้ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษ
ส่วนเครื่องปั้นดินเผานั้นราคาถูก ทุกครัวเรือนต่างก็ต้องใช้
ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้ถามอีก เขามองออกไปข้างนอกรถม้า
บ้านแต่ละหลังเรียงกันเป็นแถวคล้ายเกล็ดปลา มีลานที่เรียบง่ายและสง่างาม ถนนถูกปูด้วยพื้นหิน และมีศาลาที่สวยงามโผล่มาเป็นครั้งคราว
หน้าต่างชั้นสองของบ้านบางหลังถูกเปิดออก มีเด็กสาวยื่นหน้ามองลงมา โดยที่ไม้ไผ่ค้ำหน้าต่างไม่ร่วงลงมา
ร้านค้าข้างทางทยอยเปิดประตู ป้ายและธงต่าง ๆ ของร้านค้าพลิ้วไหวไปตามสายลมในยามเช้า พ่อค้าแผงข้างทาง พ่อค้ารถเข็นล้อเดียวหรือพ่อค้าหาบเร่ต่างก็ตะโกนไปตลอดทาง
เมืองหลินเจียงตื่นขึ้นมาในยามเช้าแล้ว
มองข้างทางไปเยี่ยงนั้น ครึ่งชั่วยามให้หลัง รถม้าก็ได้มาถึงหน้าประตูหยู๋ฝูจี้
ถนนสายนี้เรียกว่า ตรอกฉือปาหลี่ ยังมิถือว่าเป็นถนนที่เจริญที่สุดในหลินเจียง แต่ที่ตั้งทำเลไม่เลวนัก ถ้าพูดตามคำพูดของโลกก่อนหน้านี้ ที่นี่คือท่าเรือระดับที่สอง
ฟู่เสี่ยวกวนมองไปรอบด้าน แม้จะเคยเห็นจากความทรงจำ แต่เมื่อได้มองด้วยตาของตนเอง กลับสมจริงยิ่งกว่า
ประตูใหญ่ของหยู๋ฝูจี้ได้เปิดออก เพียงแค่ไม่มีลูกค้า อย่างไรเสียที่นี่ก็คือร้ายขายสุรา คนมาดื่มสุราในช่วงเช้าตรู่เยี่ยงนี้คงมีไม่มากนัก
ฉ้ายซี หลงจู๊เก่าแก่ของหยู๋ฝูจี้กำลังมองสมุดบัญชีพลางคิ้วขมวด หลังจากนั้นก็ถอนหายใจและส่ายหน้า
หลายปีมานี้ยอดขายของหยู๋ฝูจี้แย่ลงเรื่อย ๆ เดือนเมษานี้ยิ่งย่ำแย่จนดูไม่ได้ ยอดขายตลอดทั้งเดือนคือ 120 ชั่ง เป็นเงินทั้งหมด 600 อีแปะ ได้กำไร 120 อีแปะ… ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นที่ของฮูหยิน แต่เมื่อตัดค่าเช่าที่ออกไป ก็ยังต้องหักค่าใช้จ่ายส่วนอื่นอยู่ดี สุดท้ายผลลัพธ์ก็ยังคงขาดทุน
เขาปิดสมุดบัญชี แล้วใคร่ครวญคิดหาวิธี ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจกิจการนี้ แต่ร้านนี้ฮูหยินก็เก็บไว้ให้คุณชาย ดังนั้นผลลัพธ์เยี่ยงนี้ จึงทำให้เขารู้สึกละอายใจยิ่งนัก
สุราของหยู๋ฝูจี้มีเพียงชนิดเดียว และสุราที่เรือนซีชานผลิตได้นั้นก็ธรรมดาที่สุด ไม่มีแม้แต่นาม
ไม่มีความหลากหลายทั้งยังธรรมดา เดิมทีก็แทบไม่มีแรงแข่งขันอันใด หากไม่ใช่ลูกค้าที่มาประจำ น่ากลัวว่ากิจการคงล่มไปแล้ว
ในอดีตร้านสุราชีชื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นกิจการไม่ค่อยดี แต่ตั้งแต่ที่ชีหยวนหมิงคุณชายของชีชื่อตั้งนามของสุราว่าเหยาชุน กิจการร้านสุราของชีชื่อก็รุ่งโรจน์ขึ้นมา
เขาเคยซื้อสุราเหยาชุน รสชาติของมันย่ำแย่กว่าสุราเทียนเซียงของเมืองหลวงมาก แต่ก็ดีกว่าสุราของตระกูลเขาเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังมิอาจหาที่มาของสุรานี้ได้ จนเริ่มหมดหนทาง
เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นคุณชายเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามอีก 2 คน
สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจ จนถึงกับต้องขยี้ตา ไม่ผิดจริง ๆ ด้วย เป็นคุณชายจริง ๆ
ฉ้ายซีรีบออกไปต้อนรับ เมื่อเห็นฟู่เสี่ยวกวนคำนับเขาอย่างเคารพ ฉ้ายซีก็ตื่นตกใจ และรีบคำนับให้ “คุณชาย นี่มันเกินกว่าที่บ่าวจะรับไว้ได้ ! “
ฉ้ายซีคือบ่าวรับใช้ของสวี่หยุนชิง ตอนที่สวี่หยุนชิงสมรสกับฟู่ต้ากวน เขาเองก็ติดตามมา และกลายเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลฟู่ แน่นอนว่าย่อมเป็นบ่าวรับใช้ของคุณชาย
“ผู้อาวุโสฉ้ายคู่ควรรับการคำนับนี้ไว้อย่างยิ่ง ตั้งแต่ที่มารดาจากไป หยู๋ฝูจี้ก็ได้ผู้อาวุโสฉ้ายคอยดูแล แม้จะไม่มีชื่อเสียงแต่ก็ยังต้องทำงานหนัก ฉะนั้นอย่าตกใจไปกับการคำนับของข้า”
ฉ้ายซีกลับตื่นตระหนก “ชายชราผู้นี้ไร้ความสามารถ ไม่เคยทำกิจการของฮูหยินให้ได้ดี คุณชายโปรดลงทัณฑ์ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือ “นี่มิใช่ปัญหาของเจ้า นี่เป็นปัญหาของข้า”
ขณะพูด ฟู่เสี่ยวกวนก็มองไปรอบ ๆ ร้านนี้มีขนาดใหญ่มาก แต่การตกแต่งกลับเรียบง่ายยิ่งนัก
ตรงกลางมีโต๊ะแปดเซียน 3 ตัว ผนังทั้งสามด้านก็แขวนไหสุราไว้เรียงราย ที่โต๊ะต้อนรับก็มีเพียงลูกคิดและจอกสุราหลายใบ… นอกจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น
ฟู่เสี่ยวกวนถูจมูก และยิ้มเจื่อน นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉ้ายซีอย่างแท้จริง
“ฉ้ายหลงจู๊ เรียกคนสองคนมาเอาสุราที่อยู่ในรถม้าข้าลงมาเถิด”
ในรถม้านั้นมีสุรา 2 ไห หนัก 180 ชั่ง ไหหนึ่งในนั้นเป็นสุราที่บ่มจากข้าวสาลีและข้าวฟ่าง มีดีกรีประมาณ 30 ดีกรี
ส่วนอีกไหนั้นเป็นสุราทั่วไปที่เพิ่มข้าวลงไปบ่มด้วย มีดีกรีประมาณ 40 ดีกรี
เมื่อเทียบกับสุราที่เคยดื่มที่เรือนซีซาน เหล้าพวกนี้ดีกรีต่ำกว่าเล็กน้อย แต่อัตราการผลิตสูงกว่าเป็น 2 เท่า
และต้นทุนก็อยู่ที่ประมาณ 1 ตำลึง 7 อีแปะ
สุรา 2 ไหวางลงบนโต๊ะ ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงตามอำเภอใจ และกล่าวกับฉ้ายซีว่า “ฉ้ายหลงจู๊ลองลิ้มรส”
ฉ้ายซีหยิบกระบวยสุรา แล้วเปิดฝาไหของหนึ่งในนั้น กลิ่นหอม ๆ ของสุราก็โชยออกมา เขาชะงักไปอึดใจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาเป็นประกาย “สุราดี ! ”
ที่เขาเปิดนั้นคือไหสุรา 30 ดีกรี ซึ่งสูงกว่าสุราดั้งเดิมอย่างน้อย 10 ดีกรี
เขาตักอย่างระมัดระวัง และเทลงในจอกเล็กน้อย ก่อนจะนำขึ้นมาถึงปลายจมูกเพื่อรับกลิ่น จิบไปหนึ่งคำ รับรสอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันศีรษะไปกล่าวกับเสี่ยวเอ้อที่อยู่ด้านหลัง “ไปนำสุราเหยาชุนมา”
จากนั้นเขาก็เปิดไหอีกใบออก กลิ่นสุราที่เข้มข้นทำให้เขาต้องตกตะลึง นี่มัน… รสชาติของเทียนเซียง !
ตอนไปทำธุระให้ฮูหยินที่เมืองหลวงในปีนั้น เขาได้มีโอกาสดื่มสุราเทียนเซียง และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
เขามองคุณชายด้วยความสงสัย หรือว่าอาจารย์หูจะบอกสูตรลับของเทียนเซียงให้แก่คุณชายผู้นี้กัน ?
เขาหยิบสุราขึ้นมาชิมอีกครา… ไม่ต่างจากเทียนเซียงสักนิด!
“เทียนเซียงรึ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนส่ายหน้า
“สุรานี้มาได้เยี่ยงไร ? ”
“เมื่อหลายวันก่อนข้าติดตามบิดาไปยังเรือนซีซาน ไปดูโรงกลั่นสุรา และได้ทำสิ่งนี้ออกมาอย่างง่ายดาย”
ฟู่เสี่ยวกวนมีท่าทีสบาย ๆ แต่ฉ้ายซีกลับยากที่จะเชื่อได้ลง
หากไม่พูดถึงเรื่องไร้สาระที่คุณชายเคยทำลงไป ตัวเขาเองคลุกคลีอยู่กับสิ่งนี้มานับสิบปี ย่อมรู้ประวัติศาสตร์การพัฒนาของมัน หากคุณชายมีสูตรลับของสุราเทียนเซียง นั่นไม่น่าแปลกใจอันใด แต่หากเป็นคุณชายที่คิดค้นขึ้นมา… นั่นเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว
ในตลาดสุรา เทียนเซียงเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่ผลผลิตของเทียนเซียงนั้นต่ำอย่างมาก แม้แต่ในเมืองหลวง ก็มีขุนนางระดับสูงน้อยคนนักที่จะได้ลิ้มรส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงด้านนอกเมืองหลวงเลย มันไม่มีขายเลยแม้แต่น้อย
มันไม่ได้ถูกวัดด้วยเงินอีกต่อไป แต่ใช้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสถานะ
หากคุณชายเป็นผู้คิดค้นสูตรลับนี้ขึ้นมาได้อย่างแท้จริง จะกลายเป็นการทำลายตำนานของเทียนเซียงลง ทั้งยังสามารถทำให้ชาวบ้านสามัญชนนั้นเข้าถึงได้… นี่เป็นตลาดที่ใหญ่ !
เสี่ยวเอ้อหยิบสุราเหยาชุนมา ฉ้ายซีตั้งจอกสุราไว้ 3 อัน
หนึ่งจอกเทเหยาชุน หนึ่งจอกเทสุรา 30 ดีกรี และอีกหนึ่งจอกเทสุรา 40 ดีกรีลงไป
”
“สุรานี้เป็นของชีชื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นามว่าเหยาชุน ขายในราคา 1 ตำลึง 15 อีแปะ คุณชายลองชิมขอรับ”
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบจอกนั้นขึ้นมาดมและวางลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “สุรานี้สูงถึง 20 ดีกรี”
“….20 ดีกรีหมายความว่าเยี่ยงไรขอรับ ? ”
“คือความเข้มข้นของสุรา พวกเราต้องกำหนดมาตรฐานขึ้นมา ต่อจากนี้สุราของตระกูลพวกเราจะมีแค่ตัวเลขดีกรีกำหนด เช่น ไหนี้ 32 ดีกรี ส่วนไหนี้ 42 ดีกรี”
“นี่มัน… จะตรวจสอบได้เยี่ยงไร ? ”
“ดื่มสิ ยึดตามรสสัมผัส ใช้ไห 42 ดีกรีนี้เป็นตัวตั้งต้น สุราที่แรงกว่าจะมีระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ”
ดวงตาของไป๋ยู่เหลียนเป็นประกาย วิธีนี้ใช้ได้ เยี่ยงนั้นสุราที่ดื่มที่เรือนซีซาน ก็ควรจะต้องเป็น 50 ดีกรีแล้ว
ฉ้ายซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมา แต่เขาคงคาดไม่ถึงว่าการกำหนดมาตรฐานนี้ขึ้นมา จะเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุราประเภทต่าง ๆ ในภายภาคหน้า
ในยามนี้เขากำลังลิ้มลองสุรา เริ่มตั้งแต่เหยาชุน ดื่มไปทั้งสิ้น 3 จอก และพยักหน้า
สุรา 30 ดีกรีได้แซงหน้าเหยาชุนไปมากโข ยิ่งไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับไหที่เทียบเท่ากับเทียนเซียงนั่นเลย
บางทีอาจจะเป็นเพราะสุรานี้ เขาถึงได้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ใบหน้าที่หย่อนคล้อยแดงระเรื่อขึ้นมา “คุณชายมีสุรา 2 ชนิดนี้ หยู๋ฝูจี้ต้องโด่งดังไปทั่วทั้งใต้หล้าเป็นแน่ ! ”
เขามิได้กล่าวว่าโด่งดังในหลินเจียง เพราะถ้าหากผลิตสุรา 42 ดีกรีขึ้นไป จะต้องโด่งดังไปทั่วทั้งใต้หล้า
“ขอเอ่ยถามคุณชาย ปริมาณการผลิตของสุราสองชนิดนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
“โรงกลั่นสุราหลังใหม่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง แต่ถึงจะสร้างเสร็จดีแล้ว ผลผลิตสุรานั้นก็ยังไม่สูง ข้าคาดการณ์ไว้ว่าหนึ่งวัน… เจ้า 42 ดีกรีนี้ น่าจะได้เพียง 30 ชั่ง ส่วน 32 ดีกรีจะได้มากกว่าเล็กน้อย คาดว่าอยู่ที่ 70 – 80 ชั่ง”
ผลผลิตต่ำมาก ฉ้ายซีผิดหวังเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม “คุณชายกำหนดราคาของสุราทั้งสองไว้เท่าใดกัน?”
“ชนิดนี้” ฟู่เสี่ยวกวนชี้ไปยังไหที่ 32 ดีกรี “นามว่าซีชานเซียงเฉวียน ส่วนชนิดนี้มีนามว่าซีชานเทียนฉุน สุราเซียงเฉวียนราคา 1 ตำลึง 50 อีแปะ ส่วนราคาของเทียนฉุนนั้น… 1 ตำลึง 300 อีแปะ”
ไป๋ยู่เหลียนตกตะลึง และจ้องมองฟู่เสี่ยวกวน เจ้าช่างคว้าเงินได้ยอดเยี่ยมนัก !
เขารู้ว่าสุราทั้งสองชนิดนี้ ต้นทุนของเซียงเฉวียนไม่ถึง 7 อีแปะ ส่วนต้นทุนของเทียนฉุนก็ไม่เกิน 9 อีแปะ กำไรเพิ่มขึ้นเป็นกี่เท่ากัน !
ฉ้ายซีเองก็ตื่นตะลึงเช่น นี่มัน… “มิใช่ว่าแพงเกินไปรึ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวยิ้ม ๆ “เจ้าบอกสิว่า สุราเซียงเฉวียนนี้ มีในตลาดแล้วหรือยัง ? ”
ฉ้ายซีส่ายหน้า สิ่งนี้ยังมิมีจริง ๆ
“เจ้ากล่าวว่าเทียนฉุนสามารถเทียบเคียงกับเทียนเซียงได้ แล้วเทียนเซียงนั้นสามารถหาซื้อในตลาดได้หรือไม่ ? ”
ฉ้ายซีส่ายหน้าอีกครา
“ดังนั้น พวกเราที่ทำธุรกิจนี้แต่เพียงผู้เดียว อยากขายเท่าใดก็ขายเท่านั้น นอกจากนี้ ยามที่ขายยังต้องจำกัดจำนวนอีกด้วย เรื่องนี้ข้าจำต้องบอกเจ้าให้ทราบล่วงหน้า ทุกคน ทุกวัน อย่างมากที่สุดเซียงเฉวียนขายได้ 5 ตำลึง ส่วนเทียนฉุนอย่างมากที่สุดสามารถขายได้เพียง 3 ตำลึงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เจ้าจงจำเอาไว้ให้มั่น”
ยังมีเหตุผลอันใดที่เปิดร้านแล้วจะมิทำธุรกิจ ?
ฉ้ายซีไม่เข้าใจ ไป๋ยู่เหลียนและชุนซิ่วก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็ไม่ได้อธิบาย เขาเอ่ยย้ำเพียงครั้งเดียวว่า ให้ทำตามที่เขาบอกก็เพียงพอแล้ว
“สำหรับเวลาจัดจำหน่าย รอกระทั่งข้าแจ้งเจ้าให้ทราบ หลังจากนั้นจึงปล่อยข่าวออกไปได้ แต่ห้ามไม่ให้ผู้ใดลองลิ้มรสทั้งนั้น”
คอมเม้นต์