World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 80 การรับเข้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง World’s Best Martial Artist ตอนที่ 80 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

ตอนที่ 80 การรับเข้า

 

วันที่ 18 มิถุนายน วันสมัครมหาลัย

 

จนกระทั่งวันนี้ฟางผิงถึงรู้ผลสอบของหยางเจี้ยนกับ พวกเพื่อนๆ

หยางเจี้ยนทําข้อสอบวัฒนธรรมศึกษาได้ไม่เลว แต่มันไม่ผ่านเกณฑ์ต่ําสุด 605 คะแนนเขาได้ 597 คะแนน

 

เมื่อเทียบกับผลสอบปกติของหยางเจี้ยน มันถือว่าไม่เลวแล้ว

 

เนื่องจากเขาขาดตั้ง 8 คะแนน และปราณและเลือดก็เกือบไม่ผ่านเกณฑ์ หยางเจี้ยนจึงสมัครมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง

 

ไม่ได้

 

หลิวรั่วฉีก็เหมือนกัน เธอทําคะแนนสอบวัฒนธรรมได้ดีพอควรเลย เธอได้ 653 คะแนนซึ่งมากกว่าอู่จือเห่าถึง 8 คะแนนเลยทีเดียว

 

เช่นเดียวกับหยางเจี้ยน เธอเข้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่ได้

 

เนื่องจากทั้งสองต่ํากว่าเกณฑ์เพียงเล็กน้อย ฟางผิงจึงกลัวว่าพวกเขาจะผิดหวังหนัก

 

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางผิงมาถึงโรงเรียน เขาก็ตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้ผิดหวัง พวกเขาอารมณ์ดีไม่เลวเลย

 

หยางเจี้ยนไม่รอให้ฟางผิงถาม เขาอธิบายอย่างตื่นเต้น“ตอนผลสอบออกมา ฉันถึงกับหมดหวังเลยหลังเห็นเกณฑ์รับเข้าของมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง!”

 

“ฉันขาด 8 คะแนนเท่านั้น! ชีวิตฉันเกือบจบสิ้น!”

 

“ฉันถึงกับเลิกหามหาลัยอื่นเลยทีเดียว เพราะปกติแล้วมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงจะมีเกณฑ์รับเข้าต่ําสุดในมณฑลมาเสมอ”

 

“แต่แล้วรั่วฉีก็โทรมา…”

 

หลิวรั่วฉีเข้ามาแจมโดยอัตโนมัติ สีหน้านิ่งปกติของเธอมีรอยยิ้มผุดขึ้น

 

“ฉันโทรหาหยางเจี้ยน เพราะฉันพึ่งเห็นประกาศเกณฑ์รับเข้าของมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน”

 

“ปีนี้มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเปิดรับนักเรียนจํานวนมาก เกณฑ์จึงต่ําลงมาก!”

 

“คนที่มีปราณและเลือด 115แคลและคะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษา 595 คะแนนจะสมัครเข้าได้!”

 

“ฉันถึง 115แคล และผลสอบวัฒนธรรมศึกษาของฉันก็ค่อนข้างดีเลย ถ้าฉันสมัครมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานโอกาสเข้าได้สูงมาก”

 

ขณะที่เธอพูด เธอก็สงบสติอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ เธอเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

 

หญิงสาวคนนี้ไม่ได้หน้าตาแย่ เธอฝึกฝนเป็นประจํา รูปร่างเธอจึงดูดีมาก รอยยิ้มของเธอทําให้ผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบๆจ้องมองมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

 

หลังตระหนักว่าทุกคนเงียบไป หลิวรั่วฉีก็กวาดตามองรอบๆแล้วพูดอย่างเคืองๆ ” พอ!”

 

อู่จื้อเห่าหยุดจ้องเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ “เธอสวยมากตอนเธอยิ้ม ถ้าฉันรู้มาก่อน ฉันคงจีบเธอไปแล้ว”

 

“ตอนนี้เป็นพวกโง่ที่มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไป!”

 

มันเป็นแค่คําพูดกึ่งล้อเล่น มีนักศึกษาหญิงไม่มากนักที่มหาลัยวิชายุทธ ต่อให้มี ส่วนใหญ่ก็หน้าตาบ้านๆ

 

ผู้หญิงที่เก่งทั้งวัฒนธรรมศึกษาและวิชายุทธ แถมยังหน้าตาดีอีก หาได้ยากมาก!

 

ปกติหลิวรั่วฉีเป็นคนเงียบๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนสนใจเธอ แต่บุคลิคของเธอทําให้พวกเขาหวาดหวัน

 

ใครจะไปรู้ล่ะว่าเมื่อเธอหายกดดัน บุคลิคของเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

 

น่าเสียดายที่ทุกคนเรียนจบแล้ว พวกเขาจะแยกย้ายกันไปคนละที่ ความสัมพันธ์ทางไกลไม่ใช่เรื่องง่าย

 

หลังอู่จื้อเห่าพูดจบ หยางเจี้ยนก็หัวเราะ “ฉันจะสมัครมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเหมือนกัน แม้ว่าวัฒนธรรมศึกษาของฉันจะไม่ค่อยดี ผ่านเกณฑ์มาแค่สองคะแนน แต่ปราณและเลือดฉันสูงกว่าเกณฑ์ 1แคล ฉันจึงมีโอกาสสูงเหมือนกัน”

 

“ถ้าฉันเข้ามหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นคนดูแลรั่วให้เอง…”

 

ไอ้เวรเอ้ย!

 

พวกเขาแอบด่าในใจ พวกเขาลืมหยางเจี้ยนไปเลย

 

หลิวรั่วฉีไม่รู้จะตอบยังไงและไม่ได้ร่วมบทสนทนาต่อ

 

พวกเขากําลังอารมณ์ดี ฟางผิงก็มีความสุขกับพวกเขาเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามมีคนนึงที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วมุ่น เขาลังเลอยู่พักนึงก่อนจะพูดขึ้นมา “รั่วฉี หยางเจี้ยน มหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน…”

 

คนที่พูดขึ้นมา เป็นคนเดียวกับที่บอกตอนคืนวันสอบเสร็จว่า เพื่อนบ้านที่บ้านปู่เป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธและเสียชีวิตไป

 

เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมาสนใจตนเอง เขาจึงคิดอยู่ครู่นึงแล้วพูดต่อ

”ฉันก็เห็นประกาศรับนักศึกษาจํานวนมากของมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเหมือนกัน”

 

“ดูเหมือนเธอจะเห็นประกาศนี้ แต่ไม่เห็นข่าวอื่น”

“หือ?”

 

หยางเจี้ยนถามอย่างรวดเร็ว เขากําลังหลงอยู่ในห้วงความสุข เขาจึงไม่มีเวลาไปดูอย่างอื่น

 

“การรับเข้าของมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานครั้งนี้ และที่เขาลดเกณฑ์รับเข้าลง ฉันได้ยินว่ามันเป็นเพราะมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานได้จัดกลุ่มนักศึกษาไปช่วยเหลือตอนเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งก่อน”

 

“เพราะเหตุการณ์นั้น นักศึกษาจํานวนมากจึงเสียชีวิตระหว่างแผ่นดินไหว…”

 

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเปิดรับคนจํานวนมาก!”

 

” พวกนายก็รู้ว่าฉันให้ความสนใจกับเรื่องแนวนี้เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งก่อน ฉันยังให้ความสนใจกับขาวนักศึกษามหาลัยวิชายุทธเสียชีวิตอีกด้วย”

 

“มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานอันตรายมาก ทุกๆปีมักจะมี เหตุการณ์นักศึกษาเสียชีวิตอยู่เสมอ”

 

” ห้าปีก่อน มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานก็เปิดรับนักศึกษาจํานวนมากเหมือนกัน และมันก็เป็นเพราะนักศึกษาจํานวนมากเสียชีวิตไป”

 

“ปีนี้ก็เหมือนกันอีก…”

 

ขณะที่เขาพูด น้ําเสียงเขาก็เบาลง “ฉันสงสัยว่ามันไม่ใช่แค่เพราะปัญหาตอนฝึกฝน มันต้องมีอันตรายอย่างอื่นที่ทําให้อัตราเสียชีวิตสูงแบบนี้”

 

“อีกอย่าง มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานอันตรายกว่ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงเสียอีก”

 

“นอกจากมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน มีมหาลัยวิชายุทธอีกหลายแห่งที่มีอัตราเสียชีวิตสูงแบบนี้”

 

เมื่อเขาพูดจบ บรรยากาศที่คึกคักก็สงบลงทันที

 

เรื่องบางอย่างใช่ว่าทุกคนจะให้ความสนใจ เพราะยังไงเสียมหาลัยเหล่านั้นก็อยู่ห่างจากโรงเรียนพวกเขามากทุกคนให้ความสนใจแค่มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงเท่านั้น

 

ยิ่งกว่านั้นขาวแบบนี้ยังไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการมันมักจะหมุนเวียนอยู่ในช่องทางออนไลน์เล็กๆเท่านั้น

เว้นแต่จะเป็นคนที่ให้ความสนใจกับมันจริงๆ คนปกติไม่ค่อยเจอข่าวแบบนี้เท่าไหร่

 

นักเรียนคนนี้คือหลิวเทา ที่เขาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ก็เป็นเพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเขา

 

เมื่อเขาพบว่าหลิวรั่วฉีกับหยางเจี้ยนจะสมัครมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน แม้ว่าเขาจะลังเลเล็กน้อย แต่หลิ่วเทาก็ยังแบ่งปันข้อมูลให้กับเพื่อน

 

“หลิ่วเทา นายหมายความว่าไงอันตรายอย่างอื่น?”

 

อู่จื้อเห่ารีบถาม ในห้องมีนักเรียนสอบวิชายุทธไม่กี่คนเท่านั้นดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันดี

 

ตอนนี้หลิวรั่วฉีกับหยางเจี้ยนจะสมัครมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน ถ้ามันอันตรายจริงๆ งั้นพวกเขาก็ควรคิดให้รอบคอบ

 

หลิ่วเทาส่ายหน้า “ฉันแค่เดา ไม่ว่ามันจะมีเหตุผลอื่นหรือไม่ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน”

 

“อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีมานี้มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานสูญเสียนักศึกษาไปค่อนข้างมากเลย”

 

“รั่วฉี หยางเจี้ยน…”

 

ก่อนที่อู่จื้อเห่าจะพูดจบ หลิวรั่วฉีก็ขัดจังหวะขึ้นมาทันที“อย่าห้ามฉัน! มันหายากมากที่มหาลัยวิชายุทธจะเปิดรับนักเรียนจํานวนมาก ไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน ฉันก็ไม่ยอมแพ้!”

 

“เพราะยังไงผู้ฝึกยุทธต้องสู้อยู่แล้ว!”

 

“ฉันไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดหายไปต่อหน้าต่อตาเด็ดขาด!”

 

หยางเจี้ยนที่ชอบแสร้งโง่ทําหน้าจริงจังเช่นกัน “รั่วฉีพูดถูกโอกาสอยู่ตรงหน้า ถ้าเราไม่คว้าเอาไว้ เราจะเสียใจไปตลอดชีวิต!”

 

ฟางผิงที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้พูดเตือนพวกเขา แต่เขามีความคิดอื่นอยู่ในหัว

 

มันเป็นเพราะภารกิจยากเกินไปจนทําให้มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานมีอัตราเสียชีวิตสูง หรือเป็นเพราะนักศึกษาแข็งแกร่งไม่พอ?

 

หรือเป็นเพราะ

 

มีคนเสียสติเหมือนกับคนที่มาโจมตีเขาครั้งก่อน?

 

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาอยู่กรมสืบสวนเมืองรุ่ยหยาง เขาได้ยินคนของกรมบอกว่าแหล่งกบดานของคนบ้าคลั่งพวกนี้ไม่ได้อยู่หนานเจียง แต่อยู่ที่อื่น

 

ถ้าแหล่งกบดานของคนพวกนี้อยู่เทียนหนาน มันก็อธิบายได้ว่าทําไมถึงมีอัตราเสียชีวิตสูง

 

มหาลัยวิชายุทธอื่นที่หลิวเทาพูดถึงก็มีอัตราเสียชีวิตสูงเช่นกัน มหาลัยเหล่านี้อาจมีสถานการณ์ที่คล้ายกัน

 

จากที่หวังจินหยางบอก สองมหาลัยดังก็อันตรายเหมือนกันแต่เพราะนักศึกษา อาจารย์และผู้มีอํานาจของมหาลัยมีความ แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ต่อให้มันอันตรายความอันตรายก็ อาจถูกมองข้ามหรือถูกแก้ไขไปแล้ว

 

หลิ่วเทาไม่ได้พูดถึงสองมหาลัยดัง ฟางผิงไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะข้อมูลถูกปกปิดหรือว่าอัตราการเสียชีวิตของสองมหาลัยดังไม่สูงเท่ามหาลัยวิชายุทธอื่นก็ไม่ทราบได้

 

เมื่อสังเกตว่าคนอื่นไม่ได้พูดอะไรอีก ฟางผิงจึงเผยรอยยิ้มออกมา “อันตรายมีอยู่ทุกที่ เราไม่ควรกังวลจนเกินไป”

 

“ตราบใดที่เราแข็งแกร่งพอ เราก็รับมือกับอันตรายได้”

 

“ดังนั้นสิ่งที่เราควรทําคือการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้มีความสามารถที่จะเผชิญกับอันตรายเหล่านี้”

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลิวรั่วฉีกับหยางเจี้ยนจะได้รับโอกาสแบบนี้ พวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร?

 

ถ้าฟางผิงเป็นพวกเขา เขาก็คงคว้าฟางเส้นสุดท้ายเช่นกันขนาดเขาเคยเห็นคนตายมากับตา เขาก็ยังไม่ยอมแพ้จะให้เขายอมแพ้เพราะได้ยินเรื่องนี้ได้ไง?

 

หลิวเทาไม่ได้พูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น

 

ในหมู่นักเรียนสอบวิชายุทธไม่กี่คน ฟางผิงสมัครเข้ามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เป็นตัวเลือกแรก และมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงเป็นตัวเลือกที่สอง

 

เนื่องจากคําเตือนครั้งสุดท้ายของหวังจินหยาง อู่จื้อเห่าจึงสมัครเข้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียง และมหาลัยเพื่อเลือกของเขาคือมหาลัยวิชายุทธธรรมดาๆในเซี่ยงไฮ้

 

หลิวรั่วฉีและหยางเจี้ยนสมัครเข้ามหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน มหาลัยเพื่อเลือกของพวกเขาคือมหาลัยวัฒนธรรมศึกษา

 

เพราะคนอื่นไม่ผ่านเกณฑ์มหาลัย พวกเขาจึงสมัครเข้ามหาลัยวัฒนธรรมศึกษา

 

สหายโต๊ะติดกันของฟางผิง เฉินฝานก็สอบได้ไม่เลวเขาได้ คะแนน 632 คะแนน ซึ่งสูงกว่าฟางผิงถึง 5 คะแนน ตัวเลือกแรกของเขาคือมหาลัยครุศาสตร์หัวตง และเลือกมหาลัยหนานเจียงเป็นตัวเลือกที่สอง

 

ทั้งสองมหาลัยมีคณะวิชายุทธ

 

มหาลัยครุศาสตร์หัวตงยังตั้งอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้อีกด้วย ตัวเลือกแรกของนักเรียนหลายคนต่างก็เป็นมหาลัยในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง

 

ขณะที่พวกเขากรอกแบบฟอร์ม อาจารย์ประจําชั้นหลิวอันถั่วก็ยิ้มกว้างราวกับดอกไม้บาน!

 

เขาเป็นอาจารย์ประจําชั้นห้องธรรมดา แต่ผลลัพธ์ปีนี้น่าตกใจมาก!

 

แม้แต่ตัวเขาเองก็ช็อค!

 

ฟางผิงสมัครหนึ่งในสองมหาลัยวิชายุทธชั้นนําของประเทศมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ง อู่จื้อเห่าสมัครมหาลัยวิชายุทธหนานเจียง และมีอีกสองคนที่สมัครมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน

 

รวมทั้งหมดแล้ว มี 4 คนที่จะเข้ามหาลัยวิชายุทธ!

 

ปีก่อน มีนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองหยางเฉิงเพียง 5 คนเท่านั้นที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้

 

ในทางกลับกัน ปีนี้มัธยมปลายปีสามห้องสื่ธรรมดาๆมีนักเรียนถึง 4 คนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธ แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นสองมหาลัยดัง หลิวอันถั่วมีความสุขกว่านี้ไม่ได้แล้ว

 

นักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองหยางเฉิงที่มีชื่อเสียงที่สุดคนก่อน โจวปิน มีปราณและเลือดไม่ถึง 130แคลและไม่มีชะตากับสองมหาลัยดัง เขาจึงทําได้แต่ลงสมัครมหาลัยวิชายุทธแห่งอื่น

 

ผลของห้องหนึ่งไม่ดีเท่าห้องสี่

 

ผลของห้องสองยังถือว่าไม่เลว เพราะมีพี่น้องกานอยู่และมีอีกไม่กี่คนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้

 

หลังคํานวณดูแล้ว ถ้าโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งโชคดีพอ พวกเขาจะมีนักเรียนถึง 10 คนเลยทีเดียวที่เข้ามหาลัยวิชายุทธ!

 

บางที่อาจมากกว่า 10 ด้วยซ้ํา!

 

เนื่องจากมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเพิ่มจํานวนรับเข้าทําให้มีนักเรียนไม่น้อยเลยที่ไม่ผ่านเกณฑ์เดิมลงสมัครกับมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน

 

ถ้าอัตรารับเข้าสูง อาจมีนักเรียนถึงสิบสองสิบสามคนเลยทีเดียว

 

ถ้าเป็นปีก่อน นี่เป็นตัวเลขที่ไม่อาจจินตนาการได้เลย

 

หลังกรอกแบบฟอร์มสมัครเข้ามหาลัยเสร็จก็เป็นการรอการตอบกลับ

 

แต่ถึงกระนั้น สมัยนี้กระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากผลลัพธ์จะถูกประกาศปลายเดือนมิถุนายน

 

ทุกคนเลี้ยงฉลองกันครั้งนึ่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้นัดกันอีก เมื่อพวกเขาได้รับการตอบกลับ พวกเขาก็แจ้งให้กันทราบและแยกย้ายไปตามทางของตนเอง

สิ้นเดือนมิถุนายน

 

ฟางยิ่งได้รับจดหมายประกาศผ่านจากมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้

 

แม้ว่าทั่วไปศึกษาของเขาจะไม่ผ่านเกณฑ์ไปเล็กน้อย แต่ปราณและเลือดเขาสูงถึง 149แคล ดังนั้นเขาจึงผ่านการตอบ

 

ในขณะเดียวกัน อู่จื้อเห่ากับสหายคนอื่นก็ได้รับจดหมายแล้วเช่นกัน

 

อู่จื้อเห่า พี่น้องถาน โจวปินและเฉินเจียต่างก็ได้เข้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียง

 

หลิวรั่วฉี หยางเจี้ยนและนักเรียนอีกสามคนจากห้องอื่นได้เข้ามหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน ครั้งนี้มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานเปิดรับนักเรียนจํานวนมาก มันเกินความคาดหมายของฟางยิ่งไปหน่อย

 

โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองหยางเฉิงมีนักเรียนทั้งหมด 11 คนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้ ทั้งเมืองหยางเฉิงถึงกับช็อค!

 

นอกจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองหยางเฉิง โรงเรียนอื่นก็มีนักเรียนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธเช่นกัน ซึ่งมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงและมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานมีนักเรียนที่เข้าได้มากที่สุดรวมแล้วถึง 8 คนเลยทีเดียว

 

เมืองหยางเฉิงมีนักเรียนทั้งหมด 19 คนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธ! มันเป็นจํานวนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

 

เหตุผลส่วนใหญ่ต้องขอบคุณมหาลัยวิชายุทธเทียนหนานที่ ยอมรับนักเรียนของเมืองหยางเฉิงไปถึง 8 คน ไม่งั้นคงไม่มีจํานวนมากมายขนาดนี้!

 

อิงจากตัวเลขนี้ มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานอาจยอมรับนักเรียนจากมณฑลหนานเจียงประมาณ 300 คนเลยทีเดียว!

 

จํานวนการรับเข้าจากทั่วประเทศอาจสูงกว่านี้อีก ซึ่งทําให้หลายคนประหลาดใจ

 

เมื่อฟางผังรู้เรื่องนี้ เขาก็อดคิดไม่ได้ พวกเขาคงไม่ถูกใช้เป็นโล่มนุษย์” หรอกใช่ไหม?

 

“มหาลัยเปิดรับคนจํานวนมากในครั้งเดียว มหาลัยวิชายุทธเทียนหนานมีทรัพยากรมากพอดูแลพวกเขาเหรอ?”

 

หรืออาจเป็นเพราะจํานวนนักศึกษาที่พวกเขาสูญเสียไปตอนแผ่นดินไหวครั้งก่อนสูงกว่าที่หลิวเทาพูดไว้?”

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะมีนักศึกษาตายมากเกินไป ทําไมพวกเขาต้องเปิดรับคนมากขนาดนี้ล่ะ?”

 

ฟางผิงเต็มไปด้วยข้อสงสัย เขาแอบตั้งข้อสังเกตมหาลัยวิชายุทธเทียนหนาน เพราะยังไงหลิวรั่วฉีกับหยางเจี้ยนก็เข้ามหาลัยนี้

 

ฟางผิงเตรียมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเหล่าหวัง ถ้ามันมีอันตรายจริง เขาจะได้ไปเตือนพวกหยางเจี้ยน

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด