สามีข้า คือพรานป่า – ตอนที่ 102 ลอบสอดแนม
สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 102 ลอบสอดแนม
หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ใช่! ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงใจดํานัก!”
หลังกล่าวจบนางคิดไตร่ตรองเรื่องราวอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะคิดอยากสืบว่าเหตุใดหลินชวนฮวาจึงเข้าเมืองบ่อยนัก หากคนในหมู่บ้านรู้เข้าจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ล่ะ?
หยุนเถียนเถียนจึงกล่าวเปิดประเด็นขึ้น “หลินชวนฮวาแต่งตัวงามงดทุกวันเพื่อเข้าเมือง ไม่รู้เหตุใดจึงต้องไปทุกวัน เพราะเหตุนี้นางจึงทิ้งเด็กชายไว้ที่บ้านอย่างไม่ สนใจจะดูแล!”
หลี่เสี่ยวเหอได้ยินอย่างนั้นก็พลันอยากจะนินทาด้วย นางจึงดึงเถียนเถียนเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบเสียงแผ่ว “ข้าบอกแล้ว หลินชวนฮวามิใช่สตรีผู้เพียบพร้อมเรียบร้อยดังผ้าพับไว้ ตอนนี้ข้าสงสัยว่านางคงจะเข้าเมืองเพื่อไปหาใครสักคน!”
ส่วนหยุนเถียนเถียนก็พอจะคาดเดาได้ หญิงสาวในหมู่บ้านก็คิดเช่นเดียวกับนาง มีเพียงเฉินผิงอันเท่านั้นที่ไม่เคยรู้เรื่องราวใด นี่เขาเชื่อใจภรรยาหรือว่าโง่เง่ากันแน่?
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็นางมีครอบครัวแล้ว…”
หลี่เสี่ยวเหอหันซ้ายขวาเพื่อตรวจสอบคนรอบข้าง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังปกตินางจึงกระซิบกระซาบอีกครั้ง “เจ้าไม่รู้จริง ๆ งั้นหรือ! ถึงหลินชวนฮวาจะบอกว่าสามีเก่าตาย ตกไปแล้ว แต่ตอนที่ข้าเข้าเมืองกับพ่อแม่ก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างเหมือนกัน!”
“เขาลือกันว่าสามีเก่าของนางเคยทะเลาะวิวาทในซ่อง และพลั้งมือสังหารโสเภณีนางหนึ่งทางการออกหมายจับแต่ ไม่รู้ว่าเขาหนีไปไหน หลินชวนฮวาจึงกล่าวอ้างว่าเขาตายแล้ว จากนั้นก็ตบแต่งกับเฉินผิงอันไงล่ะ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหยุนเถียนเถียนถึงกับตกตะลึงสัญชาตญาณตํารวจครอบงํานางอีกครั้ง เรื่องนี้มันมีเงื่อนงํา!
“พี่สาวเสี่ยวเหอ ท่านจะบอกว่าฆาตกรยังอยู่ในเมืองงั้นหรือ? แล้วทุกครั้งที่นางเข้าเมืองก็คือการไปพบสามีเก่า!”
หลี่เสี่ยวเหอยกนิ้วจรดริมฝีปาก “ชู่! รู้แล้วเหยียบไว้ก่อนล่ะ ข้าเพียงคาดเดาแต่ยังไม่เคยเห็นกับตา… แต่ก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงยิ่ง”
“แล้วเฉินผังอันไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
“ฮ่าฮ่า! ก่อนหน้าข้าเคยได้ยินจากแม่สามีว่าเฉินผิงอันเป็นชายชาญฉลาด มิฉะนั้นแม่ของเจ้าที่ถูกชายมากมายหมายปองจะมาแต่งงานกับเขาได้อย่างไร? แต่หลังจากแม่เจ้าตาย ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจึงมาหลงรักสตรีดั่งเช่นหลินชวนฮวา!”
“ตอนนั้นหลังจากแม่ของเจ้าตายตกไป ก็มีสาวหม้ายคนหนึ่งถูกจับให้แต่งงานกับเฉินผิงอัน แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่เหมาะสม! โดยที่ก่อนหน้านี้เขายังยอมแต่งงานกับ แม่ของเจ้าอย่างไม่บิดพลิ้วยังไงซะเรื่องนั้นก็ถูกลืมเลือนไป จนเขามาพบกับหลินชวนฮวาและนางก็เป็นหม้าย เขาแต่งกับนางอย่างเต็มใจ จากนั้นเฉินผิงอันก็กลายเป็นคนโง่…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เถียนเถียนไม่อยากจะฟังนักอย่างไร ซะหลี่เสี่ยวเหอก็ไม่ได้พูดมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่นางสงสัยคือเฉินผิงอันรักหลินชวนฮวาอย่างแท้จริงงั้นหรือ?
อย่างไรซะมันก็ไม่สําคัญ
ทั้งหมดพิสูจน์ได้แล้วว่าหยุนจิงเอ๋อไม่ได้สําคัญอะไรกับเขาเลย ส่วนหลินชวนฮวาก็เพียงแค่หลอกใช้เขาเท่านั้น
แต่ถ้าทั้งหมดเป็นความจริง นี่คงเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยม หากทําให้เด็กชายหลุดพ้นจากพ่อแม่ที่น่ารังเกียจ
หยุนเถียนเถียนไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบเชียบ ส่วนหลี่เสี่ยวเหอที่นั่งข้าง ๆ เห็นอีกฝ่ายกําลังคิดบางอย่างจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
“ว่าไปแล้ว… เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเลย เหตุใดเจ้าจึงต้องเข้าไปยุ่งกับเด็กชายคนนั้นด้วยล่ะ?”
หยุนเถียนเถียนตอบกลับจริงจัง “เด็กน้อยคือผ้าขาว! หากข้าไม่ช่วยเขา แล้วผู้ใดจะช่วยเหลือเขาได้อีก? เด็กดีไม่ควรถูกทารุณจนตาย! ข้ายังจดจําสิ่งที่พวกเขาทํากับ ข้าได้ดี เช่นนี้ข้าจึงจะช่วยเหลือเขาให้ได้!”
หลี่เสี่ยวเหอมองหยุนเถียนเถียนพร้อมกล่าวออกอย่างอ่อนใจ “เจ้าใจดีเกินไปแล้ว หากหลินชวนฮวาฆ่าลูกชายของตัวเอง ในอนาคตนางจะต้องเสียใจแน่ แต่ถ้าหากเจ้าตั้งมั่น เช่นนั้น ก็เอาเถิด”
“แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะช่วยเขาไม่ได้ ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่กัน? เพียงแค่เลี้ยงดูตนเองยังยากลําบากอีกฝ่ายชั่วร้ายและ ยังเป็นบิดามารดาที่แท้จริงท้ายที่สุดเด็กคนนั้นก็จะหนีจากครอบครัวไม่พ้น…เจ้าจะช่วยเขาอย่างไร?”
หยุนเถียนเถียนได้ฟังก็เผยสีหน้าขมขืน “นิดหน่อยก็ยังดี! หากให้ข้ายืนมองเขาตายไปต่อหน้าคงจะไม่ได้อย่างไรเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายข้า!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมั่นใจแน่วแน่แล้ว หลี่เสี่ยวเหอจึงไม่กล่าวอะไรอีก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงอีกฝ่าย
“เฮ้อ ดูอย่างข้าสิ แต่งงานมาตั้งสามปีแต่ให้กําเนิดเพียงลูกสาว โชคดีที่แม่สามีใจดียังรักใคร่ข้าจึงไม่เดือดร้อนนัก แต่ไม่ว่าใครก็ย่อมอยากได้ลูกชายเท่านั้น หลินชวนฮวาให้กําเนิดลูกชายได้ แต่กลับไม่รู้จักดูแล!”
“หากเด็กคนนั้นยังอยู่ในบ้านหลังนั้น คงจะมีชีวิตที่ไม่สงบสุข เด็กน้อยอายุตั้งเจ็ดขวบแต่กลับเตี้ยแคระกว่าเด็กห้าขวบเพราะนางเอาแต่ใช้ให้เขาทํางานและไม่ยอมให้กิน ข้าว”
หยุนเถียนเถียนพอจะเข้าใจสิ่งที่หลี่เสี่ยวเหอจะสื่อ
นางไม่ได้เห็นด้วยที่หลินชวนฮวาทารุณลูกชาย แต่ที่นางคัดค้านก่อนหน้าเพราะกลัวตนจะถูกลากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ เรื่องราววุ่นวายนี้
อย่างไรเสีย แม้ว่าจะยุ่งยากในการช่วยเหลือเด็กชาย แต่ตราบใดที่เถียนเถียนมีเสี่ยวเถาในมือนางย่อมช่วยเหลืออีกฝ่ายได้แน่!
ทั้งสองนั่งคุยกันมาตลอดทางจนในที่สุดก็มาถึงตลาด
คราวนี้หยุนเถียนเถียนยังไม่ทันตะโกนขาย คนที่เห็นก็เข้ามารุมล้อมเพื่อซื้อปิ่นปักผมผีเสื้อในตะกร้าอย่างเร่งรีบ
หากมีใครมาถามหาแบบเก่า นางจะชี้ไปที่แผงของหลี่เสี่ยวเหอ เช่นนี้หลี่เสี่ยวเหอจึงขายได้เช่นกัน แต่ก็มีคนลอกเลียนแบบสินค้ามากขึ้นทําให้ราคาของมันหายไปกว่า ครึ่ง! แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีคนต้องการซื้อมันอยู่
หยุนเถียนเถียนยกยิ้มอย่างพอใจ นางใช้ปิ่นปักผมเหล่านี้ เพื่อเข้าไปสนิทสนมกับสาวขี้นินทาในหมู่บ้าน แม้จะมีใครพูดถึงนางในแง่ร้าย แต่คนส่วนใหญ่ย่อมเลือกที่จะปกป้องนางแน่นอน
ไม่นาน ทั้งสองก็ขายของหมดจากนั้นจึงพากันเดินเล่น บนถนนซึ่งหนทางนี้เป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเดินนัก จึงไม่พลุกพล่านเท่าไหร่
หยุนเถียนเถียนเดินไปตามทาง ซึ่งเส้นทางนี้นางเคยพบเจอกับหลินชวนฮวาในตรอกแคบหากคราวนี้ทั้งสองได้พบ
หลินชวนฮวากับชายคนนั้น แน่นอนว่าหลี่เสี่ยวเหอจะต้องนำไปปาวประกาศให้คนในหมู่บ้านรับรู้ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์ของเถียนเถียน!
แม้ว่าหลินชวนฮวาจะระมัดระวังตัวเพียงใดแต่ก็ไม่อาจหลบพ้นสายตาได้นาน เพราะคนในหมู่บ้านมากมายมาขายของที่ตลาดแห่งนี้ เรื่องทั้งหมดเพียงรอวันถูกค้นพบเท่า
นั้น!
คอมเม้นต์