บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 54 ให้เธอไม่สามารถพลิกตัวได้อีก
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ เวินหนิงรู้สึกนับถือหนังหหน้าของยวี๋เฟยหมิงนี่หนาจริงๆ
เขาไปเอาความเชื่อมั่นมาจะไหนถึงได้พูดว่าลู่จิ้นยวนนั้นเป็นชายแก่หัวล้านและขี้เเหร่
แม้ยวี๋เฟยหมิงนั้นก็ถือว่าเป็นหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับลู่จิ้นยวนแล้วมันเทียบกันไม่ได้จริงๆ แค่เศษแก้วจะไปเทียบกับเพชรพลอยได้อย่างไร
“ เวินหลานรู้เรื่องพวกนี้หรือเปล่า นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงอย่างฉันไม่คู่ควรกับนาย แล้วตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่”
เวินหนิงรู้สึกรำคาญมากอยากกำจัดเขาออกไปไกลๆ แต่ยวี๋เฟยหมิงยังไม่ยอมปล่อยตัวเธอ
“ไหนๆเธอก็ขึ้นเตียงของชายแก่มาแล้ว ยังจะมาแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อีก มันให้เธอเท่าไหร่ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่มีปัญญาจ่าย”
“สมองนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า … ” เวินหนิงสลัดมือที่ถูกเขาดึงเอาไว้ออก กำลังจะจากไป แต่จู่ๆยวี๋เฟยหมิงก็ใช้วิธีชั่วๆเพื่อที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหุบปากได้เร็วที่สุดก็คือ จูบเธอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวินหนิงปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความปรารถนาที่จะพิชิตที่ซ่อนเร้นของยวี๋เฟยหมิงก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา ตอนนี้เขาแค่ต้องการมห้ผู้หญิงคนนี้ยอมเขา
ยวี๋เฟยหมิงกดไหล่ของเวินหนิงไว้แน่น ทำท่ากำลังจะจูบลงไป
เวินหนิงเบิกตากว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายวี๋เฟยหมิงจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ เธอกำลังจะเอื้อมมือไปตบเขา ทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่ไกล “พี่เฟยหมิง พี่สาว”
เวินหลานรีบร้อนวิ่งออกมาจากสตูดิโอไปที่โรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ แต่กลับไม่เห็นตัวของยวี๋เฟยหมิง หลังจากที่ถามอยู่ครู่ใหญ่ๆ ถึงรู้ว่าเขาออกมานานเป็นครึ่งค่อนวันแล้ว โทรโทรศัพท์ก็ไม่มีคนรับ
ประหลาดใจ อยู่ๆเวินหลานก็นึกถึงคำพูดที่เขาพูดตรงหน้าประตูห้องผู้ป้วยของเวินหนิงในวันนั้น ดังนั้นจึงได้ตรงมาหาถึงที่นี้ โดยไม่คาดคิดว่าเธอจะเห็นฉากนี้
“ หลานหลาน” เมื่อยวี๋เฟยหมิงเห็นเวินหลานปรากฏตัว ความตกใจของเขาได้ทำให้ความคิดชั่วๆในใจของเขานั้นสลายไปทันที
กับเวินหนิงแล้ว แม้ว่าเขาจะสนใจเธออยู่บ้าง แต่เขาแค่อยากเล่นๆสนุกๆเท่านั้น เพื่อแก้แค้นเธอที่ช่วงนี้ทำให้เขาอับอายต่างๆนาๆ ถ้าหากเขาจะต้องสูญเสียเวินหลานแฟนตัวจริงที่ฐานะครอบครัวดีและยังเป็นถึงดาราดังแนวหน้าแล้วล่ะก็ มันจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องสูญเสียไปเลย
“เป็นเพราะเขามายั่วยวนพี่เอง” ยวี๋เฟยหมิงปล่อยมือแล้วยังผลักเวินหนิงออกไปอย่างเต็มแรง เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของเขา
เวินหนิงไม่ทันได้ตั้งตัว เกือบโดนเขาผลักจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น เธอก้าวถอยหลังไปสองสอมก้าว แล้วนวดข้อมือแดงๆที่ถูกผู้ชายคนนี้หยิกจนเจ็บ “ยวี๋เฟยหมิง นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนนั้นเธอจะตาบอดได้แค่ไหนกัน ถึงได้มองไม่ออกแม้แต่นิดเลยว่ายวี๋เฟยหมิงนั้นเป็นแค่หญ้าอ่อนที่น่าขยะแขยงที่สุด
“เวินหนิง” เวินหลานก้าวเท้าใหญ่เดินเข้าไปพร้อมกับยกมือขึ้นจะตบเธอ “นี่แกยังคงหน้าด้านไม่มียางอายมายุ่งวุ่นวายกับพี่เฟยหมิงอีกเหรอ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนให้แกรู้หน่อยแล้ว”
เวินหนิงเหลือบมองเธออย่างเย็นชา ยืนมือไปคว้าข้อมือของเวินหลานไว้ทันที ทำให้เธอลงมือไม่ได้ “นี่เธอคิดว่าตอนนี้ฉันยังจะยอมให้เธอตบตีด่าว่าได้ตามสบายใจชอบเหรอ ตอนนี้เป็นคู่หมั้นของเธอต่างหากที่มาดันรอฉันที่หน้าประตูบริษัท ยังมายุ่งวุ่นวายกับฉัน นี่เธอไม่ไปจับตาเฝ้าดูผู้ชายของเธอดีๆ ยังจะกลับมาสั่งสอนฉันอีกเหรอ ”
คำพูดของเวินหนิงแต่ละคำแต่ละประโยค ไม่ได้ไว้หน้าหรือเกรงใจทั้งสองคนแม้แต่น้อย เมื่อพวกเขาหาความสุขจะการดูถูกดูหมิ่นเธอ แล้วทำไมเธอต้องใจดีกับพวกเขาด้วย
เวินหลานหายใจลึกๆแรงๆกับคำพูดของเวินหนิง ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ แต่เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีเธอเลยต้องระงับความโกรธเอาไว้ และเลือกที่จะเอาความโกธรทั้งหมดนี้ลงที่เวินหนิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะระงับมันได้อีก
“ หลานหลาน มันไม่ใช่อย่างนั้น … ฉัน … ”
ยวี๋เฟยหมิงอยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดอธิบายอะไรได้ เพราะว่า เขาเป็นคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทเวินหนิง ไม่ใช่ว่าเวินหนิงไปหาเขาถึงบ้าน
เวินหลานยิ่งดูยิ่งโกรธมากขึ้น ในท้ายที่สุดเธอแทบจะไม่สามารถยับยั้งความอ่อนโยนความเป็นกุลสตรีของเธอไว้ได้อีก ได้จ้องมองเวินหนิงอย่างดุร้าย“ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต่อไปแกอย่ามายั่วพี่เฟยหมิงอีก เขาเป็นน้องเขยแกนะ ไม่ว่าแกจะขาดแคลนผู้ชายแค่ไหนก็ตาม ก็อย่าได้คิดเป็นอันขาด”
เวินหนิงหัวเราะคิกคิกอยู่สองที “เอาเวลาที่มาพูดป้านกับฉัน ไปสั่งสอนเขาให้รู้จักคำว่าซื่อสัตย์ยังจะดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เวินหนิงก็ไม่อย่ายุ่งเกี่ยวกับสองคนนี้อีก จึงก้าวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเวินหลานเห็นการเดินจากไปของเธอ มันเป็นรู้สึกครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเธอนั้นได้พ่ายแพ้ให้กับเวินหนิง เธอเหลือบมองไปที่ยวี๋เฟยหมิงที่อยู่ข้างๆ เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาแสร้งทำดีกับเขาอีกต่อไป “ ฉันยังมีหนังที่ต้องถ่ายทำอีก ยังไม่อยากพูดอะไรกับพี่ ”
ยวี๋เฟยหมิงยืนดูเธอจากไปด้วยความโกรธ อยากวิ่งตามไป แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีหน้าจะตามไป
…
เวินหลานขึ้นไปนั่งในรถของพี่เลี้ยง ใบหน้าที่สวยงามของเธอตอนนี้บิดเบี้ยวจนน่ากลัว เธอมักจะคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งมาตลอด แต่สุดท้ายเธอก็ต้องมาสะดุดตรงเวินหนิงที่เธอดูหมิ่นดูถูกมากที่สุด และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ซึ้งจะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร
“เวินหนิงต่ำทรามคนนี้ ทำไมเธอถึงต่อคอยมาเป็นศัตรูกับฉันตลอด เธอมีอะไรดี”
“หลานหลาน อย่าพึ่งกังวลไป ดูสินี่คืออะไร”
จางหยาหลินมองไปที่ท่าทางโกรธของลูกสาว ปลอบใจเธอด้วยความทุกข์ทรมาณใจ ในเวลาเดียวกันก็หยิบวิดีโอที่เธอเพิ่งถ่ายตอนอยู่ในรถออกมา
ภาพในวิดีโอดูวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถเห็นใบหน้าชัดเจนว่าเกิดขึ้น และยังได้ยินเสียงที่พวกเขาพูดคุยกันเมื่อกี้
“หลานหลาน หนูยังคงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้ หนูไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อเสียงกับคนอย่างเขา ถ้าเราตัดต่อวิดีโอนี้นิดหน่อยแล้วปล่อยมันออกไป … ”
ในภาพคือ ยวี๋เฟยหมิงกับเวินหนิงนั้นอยู่ติดชิดกันมาก แต่จากมุมมองนี้มันดูเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังจูบกันอยู่ มันสามารถทำให้คนอื่นเขาคิดไปในทางนั้นได้ง่ายๆ
“ตอนนี้ที่เวินหนิงกล้าทำตัวเก่งหยิ่งมากขนาดนี้ ก็เพราะอาศัยอำนาจความเป็นเสือเจ้าถิ่นของลู่จิ้นยวนคอกกะลาหัวอยู่”
“ ถ้าอย่างนั้น ถ้ามีข่าวแพร่ออกไปว่าเธอออกไปยั่วยวนผู้ชายลับหลังเขา ลู่จิ้นยวนยังจะช่วยเหลือเธออีกไหม ไม่เล่นงานเธอจนตายก็ถือว่าเป็นบุญมากโถแล้ว จะมีผู้ชายคนไหนสามารถทนได้ที่ผู้หญิงของตัวเองไปมีชู้ โดนเฉพาะคนอย่างลู่จิ้นยวน ”
“คุณแม่พูดถูกค่ะ” เวินหลานดูภาพถ่ายเหล่านั้นแล้ว จากนั้นก็เช็ดน้ำตาที่อยู่หางตาออก แล้วหยิบเครื่องสำอางที่อยู่ในกระเป๋าออกมาเติมที่แก้มอย่างช้าๆสบายใจ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กลับมาสวยสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม อย่างเวินหลานที่ทุกๆคนรู้จัก.
แต่ว่า ในสายตาของเธอกลับมีแต่ความชั่วร้าย ซึ่งมันทำให้ความงามของเธอดูลดลง
ครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมให้เวินหนิงสามารถพลิกตัวได้อีก
…
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเวินหนิงก็รีบกลับเข้าไปที่บริษัท อาจเป็นเพราะตอนเที่ยงได้ต่อว่าคนน่ารำคาญทั้งสองคนนั้น อารมณ์ของเธอค่อนข้างดี เวลาเดินก็รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้้น
เมื่อกลับไปถึงที่ทำงานที่ชั้นบนสุด เวินหนิงมองเห็นจากระยะไกลว่าลู่จิ้นยวนกลับมาแล้ว ภาพหลังที่ยื่นอกตรงของผู้ชายนั้นดูสง่าหล่อเหลากับแสงยามบ่ายที่ดูอบอุ่น ทำให้คนเขาไม่สามารถละสายตาจากความสมบูรณ์แบบนี้ได้
หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะอย่างอธิบายไม่ถูก ถึงอย่างนั้นเวินหนิงก็ทำสีหน้าให้เหมือนปกติ แสร้งทำเป็นเดินผ่านไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เดินใกล้เข้าไป เธอถึงเห็นว่าข้างๆของลู่จิ้นยวนนั้นยังมีผู้ชายอีกคนยืนอยู่ ซึ่งกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับเขาอย่างจริงจัง “ นี่เป็นพิธีจบการศึกษาของเยียนหราน นายจะไม่ไปจริงๆหรือ เธอจะมีการแสดงโชว์บนเวทีในพิธีนี้ด้วย มันเป็นช่วงเวลาสำคัญหนึ่งของชีวิตเลยนะ ถ้านายพลาดมันไปก็อาจจะไม่มีวันได้ย้อนกลับไปดูมันอีก ”
ลู่จิ้นยวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่่อสังเกตเห็นว่าเวินหนิงที่กำลังเดินมาจากที่ไม่ไกลนัก ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ไปพูดกันที่ห้องทำงานของฉันดีกว่า”
คอมเม้นต์