ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) – ตอนที่ 30 การลักพาตัว
บทที่ 30
การลักพาตัว
หลังจากเลิกเรียน มู่หรงเสวี่ยเดินไปตามถนนใกล้ๆกับประตูโรงเรียนเพื่อรอโม่จื่อเหวิน แต่เธอกลับเจอร่างที่ดูคุ้นเคยอย่างมากที่ห่างตา
แม้แต่เมฆจากสวรรค์ก็มาช่วยปกปิดความเกลียดที่เธอมีไม่ได้ ร่างของมู่หรงเสวี่ยสั่นเทิ้ม กลุ่มคนที่อยู่ตรงมุมถนนเฝ้าแต่มองมาทางเธอ เธอไม่มีวันลืมรอยแผลเป็นที่หน้าของชายคนนั้นได้
ในชีวิตที่แล้ว เป็นวันที่มีเรียน วันนั้นคนขับรถของตระกูลมู่หรงถูกขอให้กลับไปก่อน แล้วเสี่ยวเข่อลี่ก็มาบอกว่าเธอมีนัดกับเพื่อนเลยปล่อยให้เธอกลับเองคนเดียว
เธอกำลังเดินอยู่ริมถนนและกำลังจะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านตอนที่เธอถูกกระชากเข้าไปในรถสีดำ
หลังจากนั้นก็พอนึกภาพออกว่าเธอถูกพาไปที่โกดังเก่าโดยกลุ่มโจรพวกนี้ หนึ่งในชายวัยกลางคนที่มีรอยแผลเป็นยาวที่ใบหน้าจับเธอแก้ผ้าและถ่ายรูปโป๊เธอไว้เพื่อจะทำให้อับอาย
วันต่อมา รูปโป๊พวกนั้นก็ถูกติดไว้ทั่วโรงเรียนจนถึงขนาดได้ออกรายการข่าวชื่อดังด้วย พ่อเธอโกรธมากจึงรีบสั่งให้คนไปจัดการเรื่องรูปทันที เธอกลายเป็นตัวตลกในกลุ่มคนชั้นสูงไปเลย ในเวลานั้นฟางฉีฮัวเห็นอกเห็นใจและสุภาพกับเธอมากขึ้นไปอีก เขาเข้ามาปลอบใจเธอบอกว่าทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของเธอ บอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้และอื่นๆอีก แล้วแบบนี้เธอจะใจแข็งกับเขาอยู่ได้ยังไง? เธอยกหัวใจดวงเดียวให้กับเขา ถึงขนาดพอต่อมาเขาไม่สนใจเธอแล้วแต่เธอก็ยังรักเขาจนกระทั่งเสี่ยวเข่อลี่มาบอกความจริงกับเธอ
เมื่อโม่จื่อเหวินมารับมู่หรงเสวี่ย เขาก็รู้สึกว่ามู่หรงเสวี่ยมีบางอย่างผิดปกติไป เขารู้สึกได้ว่าเธอมีสีหน้าที่ซีดเผือดอย่างมากและรูม่านตาก็ขยายใหญ่มากจากการเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
ท่าทางของเธอมีทั้งเศร้าและไม่พอใจ เธอเหมือนกำลังดิ้นรนอยู่ในนรกเลย
“เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไรหรือเปล่า?” ใบหน้าที่หล่อเหลาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง มู่หรงเสวี่ยสะดุ้งราวกับว่าเพิ่งจะกลับมาได้สติ ดวงตาของนกฟีนิกซ์จับจ้องอยู่ที่เขา เป็นเวลาสักพักเลยกว่าที่ท่าทางเปล่าเปลี่ยวนั้นจะหายไปแล้วกลายเป็นไม่แยแส แข็งกระด้างมากขึ้นกว่าเดิม
เธอคิดผิดแล้ว
ผิดอย่างมากเลย
เธอคิดว่าทุกคนจะมีจิตสำนึกแต่เปล่าเลย
เธอคิดว่าตราบใดที่เธอรักเขาอย่างหมดหัวใจ สักวันเขาก็จะหันกลับมามองเธอบ้าง เธอคิดว่าตราบใดที่เธออยู่ห่างๆ ตราบใดที่เธอไม่เข้าไปยุ่ง พวกนั้นก็จะไม่มาทำร้ายเธออีก
ผิดแล้ว! เธอนี่น่าขำจริงๆ!!!!
ความใจอ่อนของเธอมีแต่จะทำให้พวกศัตรูได้ใจแล้วก็ยิ่งแผลงฤทธิ์กันมากขึ้น และมีแต่จะทำให้อะไรๆแย่ลง
ความอ่อนแอของเธอมีแต่จะทำร้ายครอบครัวของเธอเอง!!!
เธอจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่!!!
ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยมีประกายไฟลุกโชน เสี่ยวเข่อลี่ในเมื่อเธอเรียกร้องเอง งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน
สุดท้ายเมื่อมู่หรงเสวี่ยได้สติ เธอก็เงยหน้ามองไปที่ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแล้วจึงเข้าไปใกล้ๆหูของโม่จื่อเหวินแล้วกระซิบบอกเขาอย่างระวัง และทันทีที่ได้ฟังคำพูดของมู่หรงเสวี่ยจบลง สายตาที่มองกลับมายิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก
“ไม่ ผมไม่เห็นด้วย! ผมจะปล่อยให้คุณหนูเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงได้ยังไง”
มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอแต่เธอวางแผนไว้แล้ว “พี่จื่อเหวิน ไม่ต้องห่วงนะ ฉันดูแลตัวเองได้ อย่าลืมเตรียมคนไว้อย่างที่ฉันบอกด้วยล่ะ”
“ไม่มีทาง ผมไม่เห็นด้วยเลยสักนิด” โม่จื่อเหวินจะเห็นด้วยกับการที่มู่หรงเสวี่ยอยากจะเอาตัวเองไปเป็นเหยื่อล่อได้ยังไง? เธอไม่เข้าใจพวกโจรหรอก พวกมันทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน นี่ยังไม่รวมที่เขาเป็นบอดี้การ์ดอีก ต่อให้เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเขาก็ยังไม่ยอมให้เธอเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้อยู่ดี
“พี่จื่อเหวิน นี่เป็นคำสั่ง ถ้าพี่เป็นห่วงฉันจริงๆ พี่ต้องเตรียมทุกอย่างอย่างที่ฉันบอก ฉันไม่ใช่คนโง่นะ ฉันจะยอมให้ตัวเองต้องเจ็บตัวได้ยังไงล่ะ?! รีบจัดการให้เร็วด้วยไม่งั้นอาจจะสายเกินไป”
โม่จื่อเหวินมองใบหน้าที่มั่นอกมั่นใจของเธอ ในหัวใจของเขาไม่สบายใจเอาซะเลย เขาแอบกัดฟันกรอด “เสี่ยวเสวี่ย ผมจะเชื่อคุณสักครั้ง ถ้าเกิดเรื่องอะไรกับคุณ ผมจะไม่ออกห่างคุณเลยแม้แต่ก้าวเดียวแม้จะต้องตามไปนรกด้วยผมก็ยอม!” เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังกลับและขับรถออกไปด้วยความเร็ว เขาต้องการที่จะเร่งมือ
มู่หรงเห็นพี่จื่อเหวินที่ถูกเธอพูดโน้มน้าวจากไปด้วยความโล่งใจ เดิมทีเธอคิดว่าถ้าเธอโน้มน้าวเขาไม่สำเร็จ เธอก็คงจะต้องหาโอกาสอื่นลงมือแทน เธอแอบเปิดเครื่องบันทึกเสียงและเดินไปรอที่ถนนให้พวกโจรเห็นเหมือนอย่างชีวิตที่แล้ว
ไม่ผิดอย่างที่คิด อีกสักพักเธอก็ถูกจับโยนขึ้นรถ ปิดประตูอย่างรวดเร็วและขับออกไป
นอกจากมู่หรงเสวี่ยแล้วในรถก็มีชายอีกสามคน หนึ่งในนั้นคือชายที่มีรอยแผลเป็น ภายในรถสกปรกมากมีแต่กลิ่นเหงื่อเต็มไปหมดจนมู่หรงเสวี่ยเกือบที่จะอ้วกออกมา
มู่หรงไม่กลัวที่จะต้องถูกจับโยนขึ้นรถจึงพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังชัดเจน “พวกนายรู้ว่าฉันเป็นใครใช่ไหม?! ยังกล้าที่จะจับฉันมาอีกเหรอ? จะฆ่าฉันงั้นเหรอ?”
ชายที่อยู่ในรถเหมือนกับเพิ่งได้ฟังเรื่องตลกจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง “แม่หนู เรารู้ว่าเธอเป็นใครก่อนที่จะจับเธอมาอีกนะ”
ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยมีประกายความเย็นชา “พวกนายไม่กลัวอำนาจของตระกูลมู่หรงงั้นเหรอ?”
“พวกเราอยู่แก๊งเดสเปอราโด้ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว” ชายพร้อมรอยแผลเป็นพูดด้วยรอยยิ้ม
มู่หรงเสวี่ยแสยะ “พวกนายไม่มีอะไรที่ต้องกลัว แต่ก็ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวของพวกนายจะทนได้หรือเปล่านะ!”
สีหน้าของชายที่มีรอยแผลเป็นเปลี่ยนไปแต่แล้วก็รีบพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันมันแก่แล้ว อย่าเสียแรงเปล่าเลยฉันไม่อยากให้เธอเหนื่อยเปล่า น่าเสียดายหน้าสวยๆและหุ่นบางๆนี่จริงๆ”
“ทำไมไม่บอกมาล่ะว่าใครสั่งให้พวกนายมาจับฉัน?! แล้วถ้าฉันเพิ่มเงินให้เป็นสองเท่าล่ะ? พวกนายก็สนใจแค่เรื่องเงิน…” สายตาคู่หนึ่งหันกลับมาพร้อมพูดออกมาอย่างจริงจัง
“หัวหน้า เพิ่มเงินเป็นสองเท่าเหรอ?” ชายที่นั่งข้างๆชายหน้าบากพูดถาม
“เงียบไปเลย ต่อให้พวกเราทำพลาดก็ห้ามปากโป้งไม่งั้นต่อไปใครจะกล้ามาจ้างพวกเราอีกล่ะ” ชายหน้าบากจ้องไปที่ชายผมทองที่เพิ่งถามออกมา
แล้วเขาก็หันกลับมาที่มู่หรงเสวี่ยอย่างไม่พอใจและพูดว่า “คุณหนูมู่หรงอย่าเสียเวลาเลย พูดไปก็ไร้ประโยชน์”
เมื่อรู้ว่าโน้มน้าวพวกนั้นไม่สำเร็จ มู่หรงเสวี่ยก็เลิกพูดไร้สาระอีก เธอหลับตาลงและทำใจให้สงบ เดี๋ยวพวกนี้จะได้รู้กัน
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าที่จะถึงตึกโกดังเก่าที่อยู่บนยอดเขา รอบๆไม่มีอะไรเลย โกดังเดิมกับคนกลุ่มเดิมกับในชีวิตที่แล้ว “ลงมาจากรถ” ชายหน้าบากดึงมู่หรงเสวี่ยออกมาจากรถ
มู่หรงสะดุดเกือบจะล้มลง โชคดีที่ทรงตัวได้ทัน
ทันทีที่ชายหน้าบากเห็นใบหน้าสงบนิ่งของมู่หรงเสวี่ย เขาก็ประหลาดใจ คุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรงช่างกล้าหาญที่ไม่ร้องไห้หรือสร้างปัญหา แต่พูดตามตรงเขาก็กลัวเล็กน้อยเหมือนกันเพราะตระกูลมู่หรงรับมือไม่ได้ง่ายๆเลย เขาเลยจัดการซื้อตั๋วเดินทางรอบเช้าและเตรียมบินหนีทันทีหลังจากที่ปล่อยคลิปวิดีโอคืนนี้ เขาอยากที่จะใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาของตระกูลมู่หรงเพื่อที่จะบินหนีออกนอกประเทศเพื่อที่คนอื่นจะได้ตามหาเขาไม่เจอ แค่คิดเขาก็โล่งใจแล้ว
โกดังใหญ่มากจริงๆและมีเพียงท่อเหล็กเก่าๆถูกวางทิ้งไว้ซึ่งขึ้นสนิมไปนานแล้ว แล้วก็มีขยะจากกล่องอาหารถูกทิ้งไว้ทั่ว
“กล้องอยู่ไหน? พวกนายสองคนจับหล่อนแก้ผ้าซะ” ชายหน้าบากสั่ง
ชายพร้อมใบหน้าหื่นกามรีบวิ่งเข้ามา “หัวหน้า เราลงมือกับแม่หนูนี่ได้ไหม บ้าเอ่ย แม่หนูนี่สวยมากจริงๆ…” ดวงตาหื่นกามจ้องมาที่ร่างของมู่หรงเสวี่ย
ชายหน้าบากเตะเข้าที่ก้น “ออกไปเลย เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ รีบจัดการตามที่สั่งซะ ถ้ากล้าทำอย่างอื่นนะฉันจะฆ่าแกซะ”
“ครับๆหัวหน้า ผมไปแล้วครับ” ชายหน้าหื่นคิด ถึงแม้เขาจะลงมือไม่ได้แต่อย่างน้อยใช้สายตามองเอาก็ได้ อีกอย่างได้แตะนิดหน่อยก็คงจะดี มือไม้มันอดไม่ได้จริงๆ
“คนสวยพี่มาแล้ว…เฮ้, เฮ้…” ชายหน้าหื่นยื่นมือออกมาจะจับเข้าที่หน้าอก
หน้าไม่อาย มู่หรงเสวี่ยหลบมือที่น่ารังเกียจนั่นและสังเกตจากซ้ายไปขวา ตอนนี้มีเพียงชายหน้าบากและชายหน้าหื่นเท่านั้น และอีกสามคนอยู่ที่อีกฝั่ง ถ้าเธอหมดสติไปตอนนี้มันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ
มู่หรงเสวี่ยมีแผนที่จะเรียกชายสามคนนั้นมาตรงนี้ พยายามที่จะให้ทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกัน
“คนสวยหนีไปไหนไม่ได้หรอกนะ…” ชายหน้าหื่นเห็น มู่หรงเสวี่ยที่พยายามหลบหลีก เขาอยู่ห่างจากเธอไปแค่นิดเดียวยังไงซะเธอก็หนีไม่พ้น เขาชอบที่จะแกล้งหยอกเธออย่างช้าๆ ชายหน้าบากมองมาที่มู่หรงเสวี่ยขณะที่เธอกำลังหนี แต่สีหน้าเธอกลับไม่มีความหวาดกลัวเลย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกขอบคุณความสงบนิ่งของตัวเองในตอนนี้อย่างมาก เมื่อได้เห็นชายหน้าหื่นแกล้งหยอกเธอไม่ยอมหยุดแต่เขาก็ไม่ช่วยอะไร เธอเป็นเพียงเด็กสาว ไม่ว่าเธอจะสงบยังไงเธอก็หนีไปไหนไม่ได้หรอกงั้นก็ให้เป็นไปตามแผน
หลังจากนั้นสักพัก ชาย 5 คนก็มายืนล้อมรอบเธอไว้ แต่ละคนมีรอยยิ้มหื่นกาม มองแล้วน่าคลื่นไส้จริงๆ
ตอนนี้เลย!
จิตของมู่หรงเสวี่ยขยับ เธอหยิบผงแป้งมาจากมิติลับ โยนมันขึ้นอากาศและรีบกลืนยาต้านเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตุบ!
เยี่ยม! ชายทั้งห้าล้มลงบนพื้นและสลบไป
ยานี่ช่างทรงพลังจริงๆ!!!
แม้แต่มู่หรงเองที่ปรุงมันขึ้นมายังต้องประหลาดใจ เธอคิดว่าอย่างมากก็ทำให้พวกเขาอ่อนแรงลง ไม่ได้คิดว่าจะทำให้ถึงกับสลบ เธอกลัวว่าประสิทธิภาพมันจะไม่พอก็เลยโยนไปทั้งถุงเลย
คนพวกนี้ได้รับยาไปในปริมาณมากจึงไม่แปลกใจที่จะถึงกับหมดสติ! เดิมทีการได้รับยาแค่นิดเดียวก็ทำให้หมดสติได้แล้ว
ในเวลานี้มีเสียงดังเกิดขึ้นที่ประตู มู่หรงเสวี่ยกำลังคิดเรื่องการซ่อนตัวในมิติลับแต่แล้วก็เห็นโม่จื่อเหวินรีบวิ่งเข้ามา
“เสี่ยวเสวี่ยเป็นอะไรไหม?” เขาเหยียบโจรที่นอนกองอยู่ที่พื้นโดยตรง โชคดีที่เขาหมดสติไม่งั้นคงจะเจ็บน่าดูเลย
“พี่จื่อเหวิน ฉันไม่เป็นไร” ร่างกายโม่จื่อเหวินยังเปียกโชกและเม็ดเหงื่อก็ไหลลงมาจากใบหน้าหล่อเหลาราวกับเม็ดฝนพร้อมหอบหายใจ เพียงแค่แวบเดียวเธอก็รู้ได้เลยว่าเขารีบวิ่งมาที่นี่ โม่จื่อเหวินเห็นว่ามู่หรงปลอดภัย หัวใจที่เต้นรัวจนจะเป็นบ้าก็ค่อยๆสงบลงนิดหน่อย เมื่อมองไปที่โจรห้าคนที่นอนกองอยู่กับพื้น ประกายความโหดเหี้ยมก็แวบขึ้นมาในตาเขา “พวกมัน…นี่พวกมันสลบงั้นเหรอ?!”
“แน่นอน ฉันบอกแล้วไง! ฉันปกป้องตัวเองได้ ฉันใช้ยาเพื่อทำพวกนั้นสลบ ฉันเก่งไหม! ฉันเก่งไหม!
ช่างน่ารักจริงๆ!
เขายื่นแขนออกไปเพื่อกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขาเดินเขยิบเข้าไปใกล้พวกโจรบนพื้นอีกนิดแล้วถามออกมาอย่างสงสัย “คิดว่าจะทำยังไงกับคนพวกนี้?”
คอมเม้นต์