ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) – ตอนที่ 49 ไปเมืองหลวง
บทที่ 49
ไปเมืองหลวง
ตั้งแต่ปาร์ตี้วันเกิดวันนั้นมู่หรงเสวี่ยก็พยายามที่จะหลบหน้าหยางเฟิง ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจแต่ไม่รู้ว่าจะทำท่ายังไง ก่อนหน้านี้เธอปฏิเสธหยางเฟิงไปแต่ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในคืนงานปาร์ตี้ ตอนนี้ข้างตัวเธอมีแต่เรื่องร้ายๆหรือไง! จะมีอะไรอีกล่ะ เธอไม่อยากที่จะก้าวเข้าไปอยู่ในความรู้สึกแบบนี้เลย
ถ้าถามว่าเธอสนใจหรือเปล่าเหรอ?! เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นน่ะเหรอ?! อันที่จริง มีพวกผู้หญิงที่ไม่สนใจแต่เธอไม่อยากที่จะตาย ยังไงซะเธอก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาแล้วในชีวิตที่แล้ว เธอไม่ใช่มู่หรงเสวี่ยที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ถึงแม้เธอจะคิดว่าตัวเองมีนิสัยที่ค่อนข้างจะขัดแย้งก็ตาม
วันนี้มู่หรงเสวี่ยตัดสินใจว่าจะไปที่สำนักวิชาการเพื่อคุยเรื่องอะไรบางอย่าง เธอไม่อยากเสียเวลาในโรงเรียน ถึงแม้ชีวิตในวัยเรียนจะเป็นวัยที่สวยงามก็ตามแต่มันก็ไม่เหมาะกับเธอ นอกจากนี้ยิ่งเธอรู้จักกับชางกวนโม่มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเด็กมากขึ้นเท่านั้น เธอไม่คิดว่าจะอยู่กับชางกวนโม่ไปตลอดชีวิต เธอไม่อยากอยู่กับผู้ชาย เธออยากที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองและไปจากชางกวนโม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากเลิกเรียนเธอไปที่สำนักวิชาการ มู่หรงเสวี่ยพบกับหัวหน้าอาจารย์ของเธอ คุณฮวงและอธิบายว่าเธออยากที่จะขอพักเรียน
คุณฮวงจ้องเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขม็งผ่านแว่นที่ปลายจมูก มู่หรงเสวี่ยเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรง ไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้ ถ้านึกถึงผลการเรียนช่วงหลังๆของมู่หรงเสวี่ยซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก มู่หรงเสวี่ยที่เคยเป็นเพียงนักเรียนระดับกลางๆ แต่อยู่ดีๆก็ขึ้นมาเป็นที่หนึ่งของทั้งระดับชั้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้น คะแนนในทุกวิชาของมู่หรงเสวี่ยก็แทบจะเต็มทั้งหมดและแทบจะทำคะแนนได้เป็นสองเท่าในทุกการสอบ อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ทุกครั้ง แต่ตระกูลมู่หรงอาจจะจ้างติวเตอร์มาสอนเธอก็ได้
“เธออยากที่จะพักการเรียนงั้นเหรอ?!! นักเรียนมู่หรง ช่วงหลังมานี้เกรดของเธอเป็นที่น่าพอใจอย่างมากเลยนะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่เธออยากที่จะพักการเรียน” คุณฮวงถามพร้อมมือที่กอดอก นั่งหลังพิงและมองมาที่มู่หรงเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับความก้าวหน้าของนักเรียนมากแต่ก็ไม่อยากให้นักเรียนเหลิงเกินไปซึ่งจะมีผลกับมุมมองของพวกเขาในอนาคต
“คุณฮวง ฉันเรียนวิชาทั้งหมดทั้งสามปีของชั้นมัธยมด้วยตัวเองหมดแล้ว อย่างที่คุณรู้ ฉันไม่มีเวลาอยู่ที่โรงเรียนมากนักแต่ฉันรับรองกับคุณได้เลยว่าคะแนนของฉันจะไม่ตกเกินกว่าอันดับที่สิบแน่นอนค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างมั่นใจ ต้องขอบคุณมิติลับ ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากน้ำแห่งจิตวิญญาณ เธอรู้สึกว่าสมองของเธอปลอดโปร่งขึ้นมาก
“เธออ่านบทเรียนของชั้นมัธยมทั้งสามปีจบหมดแล้วงั้นเหรอ?” ถึงแม้จะจ้างติวเตอร์ แต่ก็ไม่น่าที่จะเรียนจบหมดได้เร็วขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?! ถ้าเป็นเพราะความฉลาด แล้วทำไมก่อนหน้านี้ไม่เป็นแบบนี้ล่ะ พูดตามตรงเขาไม่อยากที่จะเชื่อเลย เขาคิดว่าเธอพูดแบบนี้เพื่อเป็นข้ออ้างในการพักการเรียน
ไม่น่าเชื่องั้นเหรอ?! ถ้าคุณฮวงไม่เชื่อก็คงจะเป็นปัญหานิดหน่อย ยังไงซะเขาก็เป็นหัวหน้าอาจารย์ เขาจะต้องเซ็นอนุญาตซะก่อน “คุณฮวง ให้ฉันลองทำข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยดูก่อนก็ได้นะคะ ถ้าฉันทำได้คะแนนสูงคุณค่อยเซ็นอนุญาตให้ฉันก็ได้!” ทันใดนั้นดวงตาของคุณฮวงก็เปล่งประกายขึ้นทันที เป็นความคิดที่ดี เขาก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเรื่องที่เธอพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า เขาพยายามเก็บอาการให้นิ่งและพูดออกมาสบายๆว่า
“งั้นฉันจะสุ่มออกข้อสอบมหาวิทยาลัยของแต่ละวิชามาให้เธอลองทำดู สอบที่นี่ในออฟฟิศของฉันเอง! แล้วฉันจะเป็นคนตรวจข้อสอบเองด้วย!”
คุณฮวงเข้าไปในห้องเก็บข้อสอบแล้วสุ่มหยิบข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกมายื่นให้มู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยอ่านข้อสอบอย่างคร่าวๆ โชคดีที่เธอเคยเห็นทั้งหมดมาแล้วจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและหยิบปากกาออกมาเพื่อที่จะเริ่มทำข้อสอบ
มู่หรงเสวี่ยเขียนคำตอบด้วยความรวดเร็วจนทำให้คุณฮวงถึงกับตะลึงไปชั่วครู่และสงสัยว่าเธอตอบแบบลวกๆหรือเปล่า อย่างไรก็ตามคุณฮวงมองไปที่คำตอบที่มู่หรงเสวี่ยเขียนและพบว่ามันถูกทุกข้อ ในตอนนี้เขาเชื่อสิ่งที่มู่หรงเสวี่ยพูดหมดหัวใจ ดูเหมือนว่ามู่หรงเสวี่ยจะเรียนที่บ้านอย่างหนักจริงๆและรู้สึกสบายใจอย่างมากว่าเธอไม่ได้ขอพักการเรียนแค่เพราะความขี้เกียจ แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอได้รับการสอนมาอย่างดีแล้วนั่นเอง!
สองชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ทำข้อสอบทั้งสี่หน้าเสร็จเรียบร้อยและในแต่ละหน้าก็ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น คุณฮวงหยิบกระดาษคำตอบขึ้นมาและแกล้งทำเป็นสงบนิ่งพร้อมทั้งพูดออกมาว่า “นักเรียนมู่หรง หลังจากที่ฉันตรวจข้อสอบพวกนี้เรียบร้อย ฉันจะช่วยเขียนคำร้องและส่งให้อาจารย์ใหญ่ เธอสบายใจได้เลย”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกสบายใจกับความสำเร็จนี้และรู้สึกว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะคุณฮวง งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญเลย” ช่างฉลาดอะไรขนาดนี้ เขาไม่มีคำอื่นที่จะพูดเลยจริงๆ
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่โรงเรียนที่ไร้ผู้คน เธออยู่ในที่จอดรถพร้อมที่จะขับกลับบ้าน อย่างไรก็ตามร่างหนึ่งที่อยู่ข้างรถก็ทำให้เธอต้องหยุดเดิน เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นและพยายามที่จะหาที่ซ่อน โชคไม่ดีที่เมื่อมองไปรอบๆกลับไม่มีที่ให้เธอซ่อนตัวได้เลย เธอหงุดหงิดอย่างมาก รู้งี้เธอเดินกลับดีกว่า ทำไมต้องมาที่นี่ด้วยนะ
เมื่อได้เห็นดวงตาที่สดใสของหยางเฟิง เธอก็ส่ายหัวและเดินตรงไป มันไม่ใช่ความผิดของหยางเฟิงนิ ใช่ไหม?!!
“เสี่ยวเสวี่ย ในที่สุดก็ได้เจอเธอซะที” เขายิ้มกว้างมากขึ้นจนมู่หรงเสวี่ยรู้สึกละอายใจ!
มู่หรงเสวี่ยแทบจะไม่ได้ยิ้มเลยด้วยซ้ำ “รุ่นพี่หยาง ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?” มารออยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วเนี่ย? นี่ก็เลิกเรียนมาสองชั่วโมงแล้วนะ
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเสี่ยวเสวี่ย หยางเฟิงก็รีบตอบออกมาทันที “เสี่ยวเสวี่ยนี่เธอพยายามหลบหน้าฉัน เธอ…เธอโกรธฉันงั้นเหรอ…”ไม่แปลกเลยที่เดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยเจอหน้าเธอเลย เมื่อคิดว่าเธอโกรธเขาเรื่องที่ทำกับเธอในวันนั้น เพียงแค่นี้หัวใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นมาทันที
เธอสิคือคนที่ต้องทรมานแต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นเธอก็มองเขาเหมือนเพื่อนทั่วไปอีกไม่ได้ เธอทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ นอกจากนี้หยางเฟิงยังชอบเธออีกด้วย เธอรู้
“ฉันไม่ได้โกรธ…”
“งั้นเธอหลบหน้าฉันทำไม? ฉันรู้ว่าคืนนั้นฉันทำผิดแต่ฉันจะรับผิดชอบเอง อย่าหลบหน้าฉันเลยโอเคไหม?” ถึงแม้เธอจะไม่ชอบเขาแต่ก็อย่าหลบหน้าเขาเลย เมื่อไม่เจอเธอหัวใจของเขาเจ็บปวด
เธอเปิดปากและอย่างที่จะตอบไปว่าไม่ได้แต่… “หยางเฟิง ฉันจำได้ว่าบอกนายไปแล้วว่าฉันมีแฟนแล้วนะ!”
หยางเฟิงนึกถึงชายคนนั้นในคืนนั้น เป็นเขางั้นเหรอ?! “เป็นชายที่พาตัวเธอไปคืนนั้นแต่เราเพิ่งจะ…” หยางเฟิงพูดออกมาอย่างกระหาย คืนนั้นเสี่ยวเสวี่ยกำลังนอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ตัวเขา เขาเห็นกับตาตัวเองว่าชายคนนั้นไม่สนใจเลย
มู่หรงเสวี่ยแสยะ “ใช่ เป็นเขา งั้นนายก็ลืมเรื่องคืนนั้นไปได้แล้วนะหยางเฟิง! แล้วต่อไปก็เจอกันให้น้อยลงด้วย!” ในเมื่อเธอไม่ได้มีแผนที่จะคบกับหยางเฟิงอยู่แล้ว งั้นก็อย่าให้ความหวังเขาดีกว่า
ลืมงั้นเหรอ?! เขาจะลืมได้ยังไง…นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเขาเลยนะ…มองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ทำตัวรังเกียจจนอยากที่จะออกให้ห่างเขา หัวใจของเขาเจ็บปวดจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและจับเธอที่ไหล่พร้อมดึงเธอเข้ามาจูบซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่อย่างมาก
มู่หรงเสวี่ยตกตะลึงอย่างที่สุดพร้อมทั้งรู้สึกถึงริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของตัวเองและลิ้นที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ในปากของเธอ
เวลาผ่านไปสักพักเธอก็เริ่มที่จะขัดขืนอย่างแรง เธอไม่ได้เกลียดหยางเฟิงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอได้ เพียงแต่ความแข็งแรงที่ต่างกันของผู้ชายและผู้หญิง เธอดิ้นไม่หลุดอยู่นานจนต้องกัดเข้าที่ลิ้นของเขา ความเจ็บปวดและรสชาติของเลือดในปากยิ่งทำให้เขาคลั่งมากขึ้นไปอีก เธอเป็นของเขา!!! ถึงแม้กำลังของอีกฝ่ายจะแรงแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ นอกจากนี้ด้วยตัวตนของเขา เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอีกฝ่ายแต่นี่อาจจะทำให้ตระกูลหยางต้องเสียใจแต่ยังไงซะเขาก็ไม่ยอมแพ้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาไม่เจอเสี่ยวเสวี่ยเลย แค่นี้หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นแล้วเขาจะทนการที่จะไม่ได้เจอเธออีกต่อไปได้ยังไง เวลาผ่านไปนานกว่าที่หยางเฟิงจะปล่อยเธอ
เมื่อหลุดมาได้มู่หรงเสวี่ยก็ตบเขาเข้าอย่างจังจนเสียงดัง “เปี๊ยะ” พวกเขายังอยู่ที่โรงเรียนแต่เขากลับมาจูบเธอแบบนั้น โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่โรงเรียนแล้ว
หยางเฟิงยกมือขึ้นมาจับบริเวณที่โดนตบแล้วมองมาเห็นเสี่ยวเสวี่ยที่กำลังโกรธซึ่งสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป หัวใจของเขาเต้นรัว “เสี่ยวเสวี่ย…ฉันขอโทษ…แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครฉันก็จะไม่ยอมแพ้ ฉันรักเธอ!”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดหัว ถึงแม้เธอจะโกรธที่เขาจูบเธอแต่เธอก็ไม่ได้เกลียดเขามากมาย เธอไม่อยากให้เขาต้องเผชิญหน้ากับชางกวนโม่จึงแกล้งที่จะพูดไม่ดีออกไป
“แต่ฉันไม่ชอบนาย ฉันเกลียดที่ต้องเห็นหน้านาย อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราไม่น่าที่จะรู้จักกันเลย”
ตาของหยางเฟิงแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เขารักเธอจริงๆ 18 ปีที่ผ่านมานี่เป็นรักแรกของเขา
“ฉันไม่เชื่อ เธอโกหก” เขากลัวว่าจะได้ยินอะไรที่เจ็บปวดมากกว่านี้จากเธอ อย่าทำกับเขาแบบนี้ ถึงแม้เธอจะไม่ได้รักเขาก็อย่าบอกว่าเกลียดเขา
มู่หรงเสวี่ยยืนอยู่ที่เดิม ถอนหายใจ หยางเฟิงเป็นผู้ชายที่ดีแต่เขาไม่เหมาะกับเธอ ถ้าเธอเลือกที่จะคบกับหยางเฟิง เธอสาบานได้เลยว่าพรุ่งนี้จะต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือดแน่ๆ ผู้ชายแบบชางกวนโม่จะยอมเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน
2-3 วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็ไม่เจอหยางเฟิงอีกเลย เธอรู้สึกโล่งอกแต่ก็เศร้าอยู่นิดหน่อย ถ้าในชีวิตที่แล้วเธอไม่ได้คบกับฟางฉีฮัวมันก็คงจะดีกว่านี้มาก
เมื่อคิดถึงฟางฉีฮัว มู่หรงเสวี่ยไม่เห็นเขามาเรียนหลายวันแล้ว คุณฮวงบอกว่าเขาป่วยแต่เธอไม่เชื่อ เธอขอให้ชางกวนโม่สอนบทเรียนให้เขา
ฮ่าฮ่าฮ่า! นายสมควรโดนแล้ว! ในชีวิตที่แล้วเขาทอดทิ้งเธอ มู่หรงเสวี่ยแวบประกายความเกลียดขึ้นมา! แต่แล้วก็เกิดความกังวลขึ้นมา! ดูสิว่าตอนนี้เธอโหดร้ายมากแค่ไหน เธอทำกับพวกศัตรูในชีวิตที่แล้วของเธอและอยากที่จะให้พวกเขาได้ลิ้มรสชาติของความเจ็บปวด มู่หรงเสวี่ยจะหันหลังกลับไปไม่ได้และเธอก็ไม่อยากที่จะต้องกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ราคาของความโง่มันช่างหนักหนาสาหัสมากและมันทำให้เธอไม่กล้าที่จะรักอีกครั้ง
คุณฮวงส่งใบคำร้องของมู่หรงเสวี่ยและอธิบายเรื่องผลการสอบของเธอ อาจารย์ใหญ่ไม่ได้ปฏิเสธแต่มีเงื่อนไข เงื่อนไขคือมู่หรงเสวี่ยจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสร้างเกียรติยศให้โรงเรียนและต้องกลับมาพร้อมรางวัลด้วย
หลังจากที่ฟังเงื่อนไขนี้แล้ว มู่หรงเสวี่ยก็เหล่ตามองไปที่คุณฮวงที่มีท่าทางอายๆ เขาพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนล่ะ อาจารย์ใหญ่เป็นพวกหัวโบราณ
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ต้องอธิบายยืดยาวกับโม่อ้ายลี่ พร้อมทั้งสัญญากับเธอว่าจะแวะไปหาเธอที่บ้านโม่บ่อยๆเพื่อพาเธอออกไปทานอาหารอร่อยๆ
การประชุมหินการพนันระหว่างประเทศที่เมืองหลวงกำลังจะมาถึง เธอพร้อมที่จะไปเมืองหลวงแล้ว เธอโกหกที่บ้านว่าเธอจะไปเที่ยวพักผ่อน พ่อแม่เธอไม่ได้ว่าอะไรมากนัก เป็นเรื่องดีที่คนหนุ่มสาวจะหาเวลาออกไปท่องเที่ยวบ้าง
มีเพียงชางกวนโม่เท่านั้นที่บอกว่าจะไปกับเธอด้วย โอ๊ย จะกำจัดปีศาจตัวนี้ยังไงดีเนี่ย
ก่อนที่จะไป มู่หรงเสวี่ยก็แวะที่บริษัทด้วยเพื่อดูความเรียบร้อย แน่นอนว่าลั่วเฉิงเฟยเดินหน้าแก้ไขนโยบายอะไรมากมายและผลที่ได้ก็ออกมาดี
แล้วเธอก็ยังเอายาทุกประเภทที่เธอค้นคว้าในมิติลับออกมาด้วย ตอนนี้มีเพียงยาไทฟอยด์ทั่วไปเท่านั้นที่ถูกผลิต อย่างแรกต้องทดสอบผลข้างเคียงก่อนเพื่อดูผลลัพธ์ของการผลิตแล้วค่อยใส่ยาตัวอื่นเข้าไปเพิ่มอีก เธออธิบายเรื่องใบสั่งยาให้พี่กู่จากนั้นจึงบอกห้ามไม่ให้ใบสั่งยาแก้ลูกจ้างคนอื่นๆ ระหว่างการผลิตคนมากมายหลายส่วนแยกกันไปเพื่อปรุงสมุนไพรที่แตกต่างกันแล้วสังเคราะห์เพื่อป้องกันการรั่วไหลของใบสั่งยา
นอกจากนี้ยังมีพวกทหารผ่านศึกที่อยู่ในการดูแลของโม่จื่อเหวินในแผนกรักษาความปลอดภัยอีก เธออยากที่จะเห็นและจัดการให้ดีที่สุด และโม่จื่อเหวินก็ยังรวมองค์กรต่างๆของจังหวัดเข้ามาด้วยและตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำของจังหวัดไปแล้วด้วย โม่จื่อเหวินบอกเธอตรงๆเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยไม่ปิดบังอะไร มู่หรงเสวี่ยเลย พร้อมทั้งบอกความตั้งใจที่เขาอยากจะรวมแก๊งโม่เข้ามาอยู่ในทีมด้วย
แต่มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกว่าโม่แก๊งไม่ดี แต่เพราะเธอไม่อยากที่จะเอาเปรียบผลงานของพี่เหวิน เธอกังวลว่าเขาจะช่วยไม่ได้ ถึงแม้เธอจะไม่อยากเสียหุ้นส่วนอย่าง โม่จื่อเหวินไปแต่ยังไงซะเขาก็ต้องไปจากเจวี๋ยลี่ เจวี๋ยลี่ไม่ได้สำคัญกับเขามากเหมือนแก๊งโม่
เขาไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ อย่างไรก็ตามโม่จื่อเหวินโกรธมากและพูดออกไปว่าถ้าเขาต้องไปจากเจวี๋ยลี่ เขาก็คงจะยอมแพ้กับแก๊งโม่ด้วย น้ำเสียงของเขารุนแรงมาก!
มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจแล้วก็คิดถึงโม่จื่อหลิน เดาว่าพี่จื่อเหวินคงอยากที่จะตอบแทนเธอ เป็นเรื่องของเขาที่จะคิดแบบนั้น
นอกจากนี้มู่หรงเสวี่ยก็ขอให้พี่กู่ดูแลการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อีกฝั่งของตงหวนลู่ด้วย แล้วเธอก็ยังตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปไว้ที่นั่น หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็จะย้ายบริษัทไปอยู่ในพื้นที่นั้นด้วย ตั้งแต่เริ่มต้นบริษัทปล่อยให้ลั่วเฉิงเฟยตัดสินใจ ในตอนนี้กู่หมิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมากนัก ยังไงซะถึงแม้ลั่วเฉิงเฟยจะยังเด็ก แต่เขาก็ทำงานได้ดีมาก
ตอนแรกที่มู่หรงเสวี่ยติดต่อไปหาลั่วเฉิงเฟย เธอบอกไว้แล้วว่าเขาสามารถกลับไปเรียนต่อได้ เขาเองก็ยังประหลาดใจอยู่นิดหน่อยแต่เพราะบริษัทกำลังยุ่งมากเขาเลยยังไม่ได้กลับไปเรียนต่อ
หลังจากที่อธิบายทุกอย่างเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยและ ชางกวนโม่ก็บินไปที่เมืองหลวง
หลังจากที่ชางกวนโม่พามู่หรงเสวี่ยไปที่วิลล่าส่วนตัวของเขาแล้วเขาก็หายตัวไป มู่หรงเสวี่ยเดาว่าเขาคงจะยุ่ง เดิมทีเธอประหลาดใจมากที่ได้รู้ว่าบ้านของชางกวนโม่อยู่ที่เมืองหลวงและบริษัทหลักทั้งหมดก็อยู่ที่เมืองหลวงด้วยเหมือนกัน ในจังหวัดอื่นๆก็แค่สาขาของเขาเท่านั้น แล้วเขาไปที่จังหวัด เอ ทำไมกัน?! อย่างไรก็ตาม เธอไม่โง่พอที่จะถามเขาหรอก เพียงแค่เดาเองอยู่ในใจ
คอมเม้นต์