มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี The Great Mage Returns After 4000 Years – บทที่ 83 โอดิน (3)
“ คุณแน่ใจหรือว่าไอริสจับมือกับพวกเดมิกอดส์? ”
[นั่นคือสิ่งที่ฉันเห็น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไอริสอัญเชิญตัวฉันแต่ในที่สุดเมื่อฉันมาถึงฉันก็พบกับความประหลาดใจลอร์ดแห่งเดมิก็อดกำลังยืนอยู่ข้างๆเธอ]
“ …”
ที่เขาเห็นเธอยืนอยู่มิใช่ใครอื่นนอกจากลอร์ด
เฟรย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับความจริง
[ไม่ใช่แค่ฉัน บาร์บารอสและเซเปอร์ก็อยู่ที่นั่นด้วย คุคุ! เป็นเรื่องหายากที่อาร์คดยุกสามคนจะมารวมกันในที่เดียว มีเพียงไอริสผู้มีพรสวรรค์ชนิดหนึ่งในพันปีเท่านั้นที่สามารถทำได้… แต่]
“ เธอไม่เคยเรียกคุณมาเพื่อสู้ ”
[ใช่ เนื่องจากพลังของเรามีจำกัดในทวีป ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังสงครามแต่ฉันคิดว่าไอริสทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับลอร์ด]
“ ข้อตกลง? ตกลงอะไร?”
[ฉันก็ไม่แน่ใจแต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องการต่อสู้ในศึกที่รู้ว่าตัวเองต้องพ่ายแพ้ดังนั้นเธอจึงเจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่านี้กับลอร์ด]
“ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? ”
[ไม่นานหลังจากที่นายหายตัวไปประมาณ 4,000 ปีก่อน]
“ …”
ไอริสไม่สิ
ชไวเซอร์และเพื่อนคนอื่นๆของเขาก็ดูเหมือนจะเดาได้ว่าลอร์ดเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของเขา
ลอร์ดไม่ได้ทิ้งร่องรอยการกระทำของเขาแต่ในความจริงแล้วความจริงที่ว่าการไม่มีร่องรอยใดๆกลับเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด
สิ่งที่อาชูร่าพูดถึงเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่เฟรย์ถูกขังอยู่ในขุมนรก
ชไวเซอร์คิดว่าตอนนั้นไอริสซ่อนตัวอยู่เพราะเธอไม่สามารถรับเรื่องการตายของลูคัสได้
แต่นั่นไม่เป็นเช่นนั้น
ดูเหมือนว่าไอริสกำลังเคลื่อนไหวเพียงลำพังเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง
[ไอริสเปลี่ยนไปมากตั้งแต่นายหายไป สมัยก่อนมันก็ยากที่จะคาดเดาสิ่งที่เธอคิดแต่ในครั้งนี่มันเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้บ้าแน่นอน ฉันเคยเห็นมนุษย์บ้ามามากพอที่จะบอกความแตกต่างได้]
“ …”
[อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอทำข้อตกลงกับลอร์ดเธอก็เริ่มทำงานกับเดมิก็อด]
“ เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะควบคุมจิตใจของเธอ? หรือข่มขู่เธอ”
[ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรืองที่เธอถูกขู่ แต่เธอไม่ได้ถูกควบคุมแน่ ฉันไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรที่สามารถสยบจิตของเธอได้ตั้งแต่แรก]
เฟรย์เห็นด้วย
ไม่ว่าเดมิก็อดจะทรงพลังแค่ไหนแต่พลังทางจิตวิญญาณของไอริสก็ไม่ใช่เรื่องขี้ปะติ๋ว
ฮีโร่ทั้งห้ารวมถึงเฟรย์เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตนซึ่งหมายความว่าสภาพจิตใจของพวกเขาอยู่ไกลเกินความสามารถของมนุษย์ทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอริสที่เป็นแม่มดที่เชี่ยวชาญในการทำสัญญาปีศาจดังนั้นความต้านทานต่อการโจมตีทางจิตของเธอจึงแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆมาก
[เมื่อเวลาผ่านไปความถี่ที่เธอเรียกฉันออกมาก็เริ่มน้อยลงและทันใดนั้นเธอก็ยุติสัญญาลงเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนโดยไม่มีคำอธิบายแม้แต่น้อย ฉันได้ยินสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับบาร์บาโตสและเซเปอร์]
ริมฝีปากของอาชูร่าโค้งขึ้น
[เซเปอร์รู้สึกขุ่นเคืองอย่างมากกับเรื่องนี้และเขาไม่ยอมเซ็นสัญญาใดๆกับมนุษย์ตั้งแต่นั้นมา เขาค่อนข้างใจแคบ]
“ …นั่นคือทั้งหมดที่คุณรู้หรือ”
[ถูกตัอง…ไม่สิมีอีกนิดหนึ่ง]
อาชูร่าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปาก
[ไอริส…ดูเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง]
“กำลังมองหาบางสิ่ง? เช่นอะไร?”
[มนุษย์คนนั้นคนที่มีผมสีขาวและดวงตาสีทองชื่อของเขาคือ…]
“ ชไวเซอร์สโตร์ว”
อาชูร่าพยักหน้าขณะที่เฟรย์เอ่ยชื่อให้เขา
[ใช่ นั่นคือชื่อของคนที่ถูกเรียกว่ามหานักปราชญ์ดูเหมือนว่าไอริสกำลังมองหามรดกของเขา]
“ มรดกของชไวเซอร์?”
[ใช่ ฉันได้ยินเธอพึมพำเกี่ยวกับการหา “แกนพลังงาน” หรืออะไรบางอย่าง]
“ …!”
แกนพลังงาน
สิ่งเดียวที่เฟรย์คิดได้ในขณะนั้นคืออนาสตาเซียผลงานชิ้นโบแดงของชไวเซอร์
แกนโกเลมที่มีพลังงาน 1 ล้าน ME
‘ไอริสรู้เกี่ยวกับอนาสตาเซียด้วยหรือเปล่า?’
เขาไม่รู้ว่าทำไมไอริสถึงมองหาแกนพลังงาน อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถสร้างอนาสตาเซียได้สำเร็จเขารู้สึกว่าเขาจะเข้าใจว่าเพราะอะไร
อนาสตาเซียน่าจะมีคำตอบสำหรับคำถามส่วนใหญ่ของเขา
“เวลาของฉันใกล้จะหมดแล้ว”
เฟรย์ตระหนักอีกครั้งว่าเขาไม่มีเวลาให้ชิลและสนุกกับการก้าวเดินอย่างช้าๆ
[นั่นคือทั้งหมดที่นายอยากรู้ใช่มั้ย?]
“ใช่”
[ดี นายยังมีคำขออีกสองข้อ จงบอกสิ่งที่นายต้องการมา]
เฟรย์ครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะถาม
“ คุณฆ่าโอดินได้ไหม? ”
[เป็นไปไม่ได้]
อาชูร่าส่ายหัว
[ฉันไม่เคยทำอะไรที่ต่ำทรามแบบนั้น ฉันไม่ได้โม้หรืออะไรหรอกแต่ฉันไม่เคยทำร้ายคนที่เซ็นสัญญากับฉัน ไม่ว่าฉันจะเป็นหนี้บุญคุณมากมายแค่ไหนเรื่องนี่เป็นสิ่งที่ฉันจะไม่ยอมทำ]
มันน่าเสียดายแต่เขารู้ว่าเขาขอมากเกินไป
“ แล้วถ้าจะกลับไปที่โลกปีศาจโดยไม่ฟังคำสั่งของโอดินล่ะ? ”
[ถ้าแบบนั่นก็ง่ายมาก]
การทำสิ่งนั้นค่อนข้างง่าย
แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาในโลกภายนอกจะยังไม่สมบูรณ์เนื่องจากการอัญเชิญที่ผิดพลาด แต่เขาก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เฟรย์และอีวานสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง
[เหลืออีกข้อหนึ่ง]
“ …คุณเซ็นสัญญากับฉันได้ไหม?”
“กับนาย?”
อาชูร่าพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
[ก่อนหน้านี้นายเคยบอกว่านายไม่สนใจที่จะเซ็นสัญญากับปีศาจนิ?]
“ ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบอีกต่อไป ฉันต้องใช้ทุกตัวเลือกที่มี”
เป็นที่ชัดเจนสำหรับเขาว่าการเซ็นสัญญากับอาชูร่าจะช่วยเขาได้มาก แม้ว่าพลังของเขาจะถูกจำกัดในทวีปนี้แต่พลังของอาร์คดยุกก็ไม่ใช่สิ่งที่จะละเลยได้
อาชูร่ามองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆเล็กน้อย
[นายยังตั้งใจที่จะฆ่าเดมิก็อดให้หมดทวีปนี้จริงๆหรือ?]
“ นั่นคือจุดมุ่งหมายเดียวในชีวิตของฉัน ”
[คุคุคุ!]
มันเป็นเสียงที่ชัดเจนที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแต่อาชูร่าก็ไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะที่หลุดรอดจากริมฝีปากของเขาได้
เดมิก็อด
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติซึ่งเป็นผู้ปกครองมิดเดิ้ลเอิร์ธ
หากเดมิก็อดปรากฏตัวในโลกปีศาจอาชูร่าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขา
อาร์คดยุกทั้งหกแต่ละคนซึ่งแต่ละคนปกครองเหนือขุมนรกล้วนมีพลังไม่น้อยไปกว่าพวกเดมิก็อด
ในความเป็นจริงสามารถบอกว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดมิก็อดทั่วๆไปยกเว้นลอร์ดและอะโพคาลิปส์
นั่นเป็นเหตุผลที่การดำรงอยู่ของเฟรย์จึงน่าสนใจ
เมื่อเทียบกับเดมิก็อดแล้วมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีนัยสำคัญ
แต่หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ไม่สำคัญเหล่านี้กลับประกาศว่าพวกเขาจะทำลายล้างเดมิก็อด
และไม่ใช่ว่าชายคนนี้ไม่รู้เกี่ยวกับพลังของเดมิก็อดแต่เขาอาจเป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเดมิก็อดมากกว่าคนอื่นๆในโลก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ลังเลที่จะต่อสู้กลับแม้ว่าเขาจะกลัว แต่เขาก็พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชนะมัน
อาชูร่าตระหนักว่าเฟรย์เป็นสิ่งใด
[นายเป็นนักรบที่แท้จริง]
“ ฉันเป็นพ่อมด”
[ฉันหมายถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนายต่างหากละเจ้าโง่!]
“ …”
เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้ถูกเรียกว่าโง่
อาชูร่าหัวเราะอย่างสนุกสนาน
[ดีละ ฉันจะเซ็นสัญญากับนาย แม้ว่านายจะไม่มีพรสวรรค์ในด้านนี่มากนัก แต่ฉันจะทำเพราะข้อตกลงของเรา คุคุ นายจะเป็นผู้อัญเชิญที่น่าสนใจที่สุดของฉันถนัดจากไอริส]
อูววว
ลวดลายสีเลือดเริ่มก่อตัวขึ้นด้านหน้าของอาชูร่าและเมื่อเฟรย์มองเข้าไปใกล้ๆเขาก็รู้ว่ามันคือตราอัญเชิญที่ใช้ในการอัญเชิญเขา
[นี่คือตราอัญเชิญของฉัน นายจำมันไว้ให้ดี นายจะสามารถเรียกฉันได้และเมื่อนายมีเวลาเราจะจัดทำสัญญาดังกล่าวกัน]
“ เข้าใจแล้ว”
ร่างของอาชูร่าเริ่มเบลออย่างช้าๆ
เฟรย์ไม่แปลกใจเลยเพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ที่เขาได้เห็นมาแล้วครั้งหนึ่งในวันนั้น
วิญญาณของเขาเริ่มหลุดออกจากมิติโลกแห่งวิญญาณของอาชูร่า
และก่อนที่เขาจะจากไปอย่างสมบูรณ์เฟรย์ก็ได้ยินเสียงอาชูร่าพึมพำอยู่ใต้ลมหายใจของเขา
[ช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ…]
* * *
เฟรย์กระพริบตา
เขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
พวกเขาได้ใช้เวลาสักพักในโลกแห่งวิญญาณแต่มันผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีในความเป็นจริง
อาชูร่ามองไปที่โอดินและพูด
[ฉันจะกลับแล้ว]
“ คุณพูดว่าอะไร? คุณกำลังพูดถึงอะไร?! ฉันเรียกคุณ…”
[หนวกหู!]
อาชูร่าเหวี่ยงแขนของเขา ดาบในมือของเขาบิดและเกือบโดนเข้าไปที่โอดิน
แตก! แตก!
พัง!
“ …เออ!”
ต้นไม้หลายร้อยหลังโอดินถูกกวาดออกไปในพริบตา
ด้วยเพียงแรงดันลมที่ปล่อยออกมาจากใบมีดที่เหวี่ยงอย่างเกียจคร้านของเขาแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ในป่าที่หยั่งรากลึกลงไปในพื้นดินก็ยังถูกทำให้บินได้
[แกควรกังวลมากกว่าว่าคืนนี้แกจะรอดไหม เจ้าหุ่นเชิด!]
“ …?”
หุ่นเชิด?
กริบ…
ในขณะที่เฟรย์พยายามถอดรหัสความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำๆนั้นร่างกายของอาชูร่าก็เปลี่ยนเป็นเลือดและตกลงไปที่พื้นอีกครั้ง
อีวานที่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำได้เพียงถามด้วยสีหน้าสับสน
“ อะไรกันเนี่ย? ทำไมเขาถึงยอมกลับไป? เฟรย์นายทำอะไรลงไป? ”
สิ่งที่เขารู้ก็คือเฟรย์ได้พูดคุยกับอาชูร่า
เขาถามเพราะผู้ชายคนนี้ดูบริสุทธิ์ใจแต่เขารู้ว่าเฟรย์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“แหม มันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราไม่ว่าในกรณีใดๆใช่มั้ย? ”
“ นั่น… แต่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ”
“ เรามาโฟกัสที่โอดินก่อนดีกว่า เพียงเพราะอาชูร่าหายไปไม่ได้หมายความว่าเราจะเอาชนะเขาได้”
การแสดงออกของเฟรย์ค่อนข้างแปลก
เขามองไปที่โอดินในขณะที่ครุ่นคิดถึงคำพูดที่อาชูร่าพูดในขณะที่จากไป
โอดินยืนตัวสั่น
“ ฉัน..ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย! พล่าม! เธอ…บอกอย่างชัดเจนว่าฉันสามารถใช้อาชูร่าในยามวิกฤตต่างๆได้!”
“ …”
มาคิดดูอีกทีมีบางอย่างที่เฟรย์ไม่เข้าใจ
ใครเป็นคนสอนโอดินถึงวิธีอัญเชิญอาชูร่า?
‘อาจจะเป็นไอริสก็ได้’
เขาไม่อาจปล่อยให้เบาะแสเกี่ยวกับเธอหลุดลอยไป
โอดินดูเหนื่อยล้าแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เพราะเขายังคงมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่
“ อื้อ!”
แตก
พื้นดินแยกออกจากกันและปีศาจก็เริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้มีพวกมันมีมากกว่าเดิม มีเดธไนท์สี่ตัวอยู่ด้านหน้าที่ยืนห่างจากกลุ่ม
พวกมันทั้งหมดสวมชุดเกราะสีแดงเลือด
“ อีวานระวังพวกที่มีชุดเกราะสีแดงอยู่ข้างหน้าด้วย ”
“ พวกมันคือตัวอะไร?”
“ บลัดดี้ไนท์ ”
“ฮะ?”
“ …พวกมันเป็นอันเดดที่มีเก่งกว่าเดธไนท์ พวกมันมีความสามารถในการต่อสู้ที่พัฒนามากกว่าเมื่อเทียบกับเดธไนท์ ”
“ เอ่อ…โดยพื้นฐานแล้วพวกมันเป็นแค่กระสอบทรายที่แข็งแรงกว่าเดิมสินะ ”
เฟรย์อ้าปากค้างก่อนจะตัดสินใจไม่พูดออกมา
อีวานไม่น่าจะตายด้วยอันเดธระดับนี่
จากนั้นเขาก็หันกลับไปหาโอดิน
เขากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าบนหลังของโบนเดรกที่เขาอัญเชิญมา
เขาตั้งใจจะหนีไปหรือเปล่า?
แต่เขากำลังทำตัวแปลกๆ
“ อีวานช่วยอะไรหน่อยสิ ”
“ ว่ามาเลย”
หลังจากที่ได้เห็นอีวานพ่นลมออกทางจมูกเฟรย์ก็ใช้คาถาเสริมความแข็งแกร่ง มันไม่ได้ช่วยเขามากนักแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
อีวานยิ้มเมื่อเห็นร่างที่เปล่งประกายจางๆของเขา
“ สวยพี่สวย”
“ระวังหน่อย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประคองเวทย์มนต์นี่ ”
“ เข้าใจแล้ว”
เฟรย์บินขึ้นพร้อมกับคาถาบินและตามโอดินไปติดๆ
เดรกกระพือปีกอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่มันมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่หันกลับมามอง
ใช้เวลาไม่นานเฟรย์สามารถรู้ได้ในทันที่ว่าโอดินกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด
ด้านบนสุดของฮรูฮิราล
โอดินลงจอดที่นั่นก่อนจะหันกลับมาจ้องเฟรย์
ความโกรธและความเกลียดชังชัดเจนขึ้นในดวงตาของเขา
“ แกเป็นใคร? แล้วแกทำอะไรกับอาชูร่า?”
“ มันไม่มีประโยชน์ที่จะบอกคนอย่างนายเพราะนายจะตายอยู่ที่นี่”
“ถ้าแกทำได้ก็ลองดู…!”
โอดินจับมือของเขา
โบนเดรกบินไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงคำรามดัง
พึมพำ!
จากนั้นร่างของเดรกที่บินเข้าหาเฟรย์ก็แข็งตัวในก้อนน้ำแข็งและตกลงไปยังพื้น
“ เอิ๊ก…!”
โอดินเขย่ามือของเขาอีกครั้งและพลังงานสีม่วงก็เริ่มไหลออกมา
อันเดดเริ่มลุกขึ้นจากกิ่งก้านของต้นไม้โลกและเมื่อเห็นสิ่งนี้เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะพูด
“ ฉันมีคำถาม ”
“หุบปาก!”
ปีศาจเริ่มวิ่งเข้าหาเขา
อย่างไรก็ตามเฟรย์เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าโอดินไม่ใช่ภัยคุกคามต่อเขา
อะไรทำให้โอดินอ่อนแอลง
ทำไมเขาถึงอ่อนแอเช่นนี้? เป็นเพราะเขาใช้พลังงานจำนวนมากเพื่อเรียกอาชูร่า? หรือเป็นเพราะโบนเดรกและบลัดดี้ไนท์ที่เขาเพิ่งเรียกมา?
ก็เป็นไปได้เนื้องจากการอัญเชิญอาชูร่าจำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก
ท้ายที่สุดแล้วการอัญเชิญอาร์คดยุกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าเกิดเป็นอาร์คดยุกคนอื่นที่ไม่ใช่อาชูร่าถูกเรียกมา ทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งเฟรย์และอีวานจะต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อบังคับให้มันกลับขุมนรกของมัน
มีเพียงสิ่งเดียวที่เฟรย์อยากรู้
เหตุใดโอดินจึงลงทุนพลังงานไปกับกลอุบายเช่นการอัญเชิญปีศาจทั้งๆที่เป็นอัครสาวก
แตก! แตก!
อันเดดทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็งและแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ท่าทางของโอดินเริ่มคลั่งมากขึ้นอย่างไรก็ตามมันตรงกันข้ามกับการแสดงออกทางสีหน้าของเฟรย์
หมอกควันของอากาศที่เย็นจัดดูเหมือนจะมาจากร่างกายของเขา
“ นอซด็อกสามารถควบคุมพลังแห่งความตายได้ ดูเหมือนว่านายจะมีเพียงความสามารถในการอัญเชิญอันเดดเท่านั้น”
“ นี่คือพลังแห่งความตาย…! ฉันฉันควบคุมความตาย…!”
“ นี่เป็นเพียงเวทมนตร์ของเนโครแมนเซอร์ ฉันไม่เข้าใจ นายเป็นตัวอะไรกันแน่โอดิน?”
“ อะไร…แกกำลังพูดถึงอะไร”
“ …”
แตก
เสียงของเฟรย์ที่เหยียบน้ำแข็งดังขึ้นเป็นพิเศษ
โอดินที่ได้รับการจ้องมองที่คมชัดของเฟรย์สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
“ นายแน่ใจนะว่านายเป็นอัครสาวกจริงๆ?”
คอมเม้นต์