World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 27 มหาวายร้ายฟางผิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง World’s Best Martial Artist ตอนที่ 27 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 27 มหาวายร้ายฟางผิง

ชั้นล่าง

ฟางผิงไม่ได้กลับเข้าบ้าน เขาออกจากตึกแล้วซ่อนตัวอยู่ข้างนอก

ฟางผิงกังวลว่าก่อนยาออกฤทธิ์ อีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาพยายามวางยา จากนั้นอีกฝ่ายจะลงมาชั้นล่างเพื่อโจมตีเขา

ฟางผิงระมัดระวังผู้ฝึกยุทธอย่างยิ่ง

ถึงแม้ว่าเขาจะเผลอเทยาทั้งสามขวดลงไปในกาต้มน้ำ อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ถือว่าโชคดีแล้วก็ตาม

แต่ผู้ฝึกยุทธสามารถต้านทานฤทธิ์ยา ดังนั้นฟางผิงจึงคิดว่าอีกฝ่ายอาจไม่ตายและยังมีแรงเหลืออยู่บ้าง

เขาตัดสินใจรออยู่ข้างนักสักพักก่อนจะขึ้นไปดู

…..

ห้อง 201

หวงปินเข้าห้องแล้วซ่อนกล่องก่อนจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

เขาสะบัดหัวไปมา ทันใดนั้นหวงปินก็รู้สึกว่าขาอ่อนเปรี้ยเหมือนเยลลี่ มันส่งผลต่อเขามากจนเขาทรุดลงไปนั่ง

“เชี่ย!”

ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่หวงปินคิดไม่ใช่ฟางผิง แต่เป็นกรมสืบสวนของเมืองหยางเฉิง!

เขาถูกเจอตัวและถูกลอบโจมตี!

อีกฝ่ายทำได้ยังไง?

หวงปินที่สมองขุ่นมัวรู้สึกหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ

เขายืนยันแล้วว่าตั้งแต่ที่เขาย้ายมาที่นี่ ไม่มีใครจับตาดูเขาเลย

ก่อนออกไปข้างนอกทุกวัน เขาสังเกตรอบข้างอย่างระมัดระวังแล้ว คนที่จับตาดูเขาไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาได้

เขาเลือกความจริงที่ว่ามีคนสังเกตเห็นเขาในระยะเวลาอันสั้น

เขาแค่ออกไปซื้ออาหารเช้าตอนเช้าเท่านั้น…

อาหารเช้า?

เป็นไปได้ไหมว่าอาหารเช้ามียาผสมอยู่ด้วย?

แต่เขากินอาหารเช้าไปสองสามชั่วโมงแล้ว ยาอะไรกันที่ออกฤทธิ์หลังผ่านมานานขนาดนี้?

ในเวลานี้ หวงปินก็ยังไม่พิจารณาฟางผิงเป็นตัวเลือก

เขารวบรวมความคิดไม่ได้ สมองเขาเบลอไปหมด

หวงปินหวั่นวิตกเมื่อรู้สึกว่าแขนขาอ่อนแรง เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!

เขากัดลิ้นอย่างแรง ในปากเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด

หวงปินหันไปด้านข้าง หยิบกล่องขึ้นมาแล้วปีนไปทางหน้าต่างด้วยความยากลำบาก

แต่จากนั้นเขาก็สังเกตว่าหน้าต่างล้วนมีซี่กรง มันเปิดไม่ได้ง่ายๆ

“บัดซบ!”

หวงปินรู้สึกเหมือนหัวกำลังระเบิดด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกว่าแขนขาตัวเองรู้สึกชาขึ้นเรื่อยๆ คนจากกรมสืบสวนอาจกำลังรออยู่ข้างนอก

เขาไม่กล้าออกประตูหน้า ดังนั้นการกระโดดจากหน้าต่างจึงเป็นตัวเลือกเดียวที่อาจหลบหนีไปได้

เขาฝืนขยับตัวจากห้องนอนไปห้องนั่งเล่นอย่างยากลำบาก เขาทุบขาอย่างแรงเมื่อรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถควบคุมแขนขาได้

ฟางผิงให้ยามากเกินไป

ผู้ฝึกยุทธมีความต้านทานสูง นี่เป็นความจริง แต่หวงปินเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองเท่านั้น

ฟางผิงใส่ยาสิบเท่าของปริมาณเฉลี่ย ถ้าเป็นคนธรรมดาคงน้ำลายฟูมปากไปแล้ว

ส่วนหวงปิน ตอนนี้เขายังเคลื่อนไหวได้อยู่

หวงปินไม่เสียเวลาไปกับการภูมิใจตัวเอง ในที่สุดเขาก็มาถึงระเบียงได้โดยอาศัยความมุ่งมั่นและเจตจำนงเอาชีวิตรอดอันแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น

ในเวลานั้นเองก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น

ปัง! ปัง! ปัง!

“คุณลุง ผมมาดูทีวีแล้ว”

“คุณลุง ยังอยู่บ้านไหม?”

หวงปินวิงเวียนจนแทบคงสติไม่ได้ เขาไม่สนใจจะตอบเจ้าเด็กนอกประตู

เขาไม่คิดปกปิดตัวตนของตัวเองอีกต่อไป

ทันใดนั้นเอง สติของเขาก็ชัดเจนขึ้น ใช่แล้ว เขาจับคนมาเป็นตัวประกันได้!

ด้วยสภาพปัจจุบัน หลังโดดออกนอกหน้าต่าง โอกาสรอดเขาต่ำมาก

ถ้าเขาจับใครบางคน โดยเฉพาะนักเรียนมัธยมปลายปีสามที่มีหวังสอบผ่านวิชายุทธมาเป็นตัวประกัน เมืองหยางเฉิงจะพิจารณาการกระทำของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่กล้ามองข้ามชีวิตของเด็ก

ราวกับว่าเขาพบฟางเส้นสุดท้าย หวงปินรวบรวมพลังทั้งหมดและหันไปทางประตู เขาเคลื่อนตัวด้วยความอุตสาหะอย่างถึงที่สุด

เขาต้องจับตัวเจ้าหนูนี่ก่อนที่คนจากกรมสืบสวนจะตระหนักว่าเขาตกหลุมพลางแล้ว

…..

หน้าประตู

ฟางผิงยังคงเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างใน

ฟางผิงเดาว่าอีกฝ่ายคงตกเป็นเหยื่อแผนการเขาแล้ว

ฟางผิงไม่ลดความระวัง เขาถือไม้ท่อนหนาซ่อนอยู่ข้างหลัง

จะดีที่สุดถ้าไม่มีใครเปิดประตู เขาจะได้แอบเข้าจากลานหลังบ้านเขา

ถ้าประตูเปิด งั้นเขาก็จะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

ถ้าอีกฝ่ายตกหลุมพรางเขา เขาก็จะทุบหัวอีกฝ่ายตามสถานการณ์

ถ้าอีกฝ่ายไม่ตกหลุมพราง เขาก็บอกอีกฝ่ายได้ว่าเขามาปั้มท่อตัน

“ใช่แล้ว ปั้มท่อ!” ฟางผิงให้กำลังใจตัวเอง

ขณะที่เขาคำนวณการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป เขาก็เคาะประตูพร้อมกับตะโกนอย่างไร้เดียงสา “คุณลุง อยู่ไหม?”

“เขาออกไปแล้วเหรอ? งั้นเดี๋ยวมาใหม่”

ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาบางจากในประตู

หลังจากนั้นสักครู่ ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน

หวงปินสายตาพร่ามัว เขาระบุไม่ได้แล้วว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร เขากล่าว “มา…เข้ามา…”

“คุณลุง ยังสบายดีไหม?” เวลานี้ฟางผิงไม่กล้าเข้าบ้าน เขาถอยหลังกลับโดยไม่ได้ตั้งใจและพูดอย่างระมัดระวัง “คุณดูไม่ดีเลย คุณไม่สบายเหรอ?”

หวงปินรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้หมดสติ เขาจะเสียเวลาพูดจาไร้สาระได้อย่างไร? เขาเปิดประตูอย่างระมัดระวัง

เขาหอบหายใจอย่างหนัก “มา…เข้ามา…”

“คุณลุง คุณอยากให้ผมพาไปหาหมอไหม? ผมจะโทรเรียกตำรวจให้ด้วย”

“สภาพของคุณดูไม่ดีเลย…”

หวงปินแทบระเบิด โทรแจ้งตำรวจบ้านแกสิ!

เจ้าหนูนี่มานานแล้ว คนจากกรมสืบสวนจะมารออยู่ชั้นล่างเมื่อไหร่ก็ได้

หวงปินเสี่ยงใช้พลังที่เหลือน้อยนิดเอื้อมมือไปทางฟางผิง

ฟางผิงคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว เขาจึงรีบถอยหลังกลับไปสองสามก้าว

หวงปินชะงักไปชั่วครู่ เวลานี้ฟางผิงตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายสภาพแย่แค่ไหน

ชายคนนี้อยากจับตัวเขา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนดี

ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงขอให้ฟางผิงโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว

แต่ชายคนนี้อยากจับตัวเขาอย่างเดียว!

ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่อาชญากร เขาจะกลืนไม้ที่กำลังถืออยู่เลย!

ในเวลานี้ ความสงสัยทั้งหมดของฟางผิงก็ได้รับการยืนยันแล้ว

เขาไม่ลังเลเลย เขาไม่จำเป็นต้องเห็นใจในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธที่ต้องการชีวิตเขา

มือขวาเขาที่ซ่อนอยู่ด้านหลังจนถึงเมื่อครู่ กวัดแกว่งไม้ท่อนใหญ่ไปทางหัวของหวงปิน

“เป็นเจ้าเด็กนี่!”

นั่นเป็นปฏิกิริยาแรกของหวงปิน

เจ้าหนูนี่ระวังเขา แถมยังเตรียมไม้มาพร้อม แม้ว่าสมองเขาจะเลอะเลือน แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครเป็นคนวางกับดักเขา

มันไม่ใช่ศัตรูเขา ไม่ใช่กรมสืบสวน หรือแม้แต่ผู้ฝึกยุทธคนอื่น…

เขา หวงปิน ถูกเจ้าเด็กโง่หลอก!

“เดียรัจฉาน!”

เขาไม่ได้ก่นด่าเสียงดัง เขาไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น

เมื่อไม้ของฟางผิงกระแทกลงมา หวงปินก็แทบยกแขนขวามากันหัวไม่ทัน

ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น เขาคงเตะฟางผิงจนตายด้วยกระบวนท่าเดียวก่อนที่ไม้จะมาสัมผัสตัวเขาด้วยซ้ำ

ตอนนี้เขาไม่มีแรงแล้ว ที่เขายังยืนอยู่ได้เป็นเพราะพลังใจของเขาล้วนๆ

…..

“ปัง!”

ไม้ไม่ได้กระแทกใส่หัวหวงปิน แต่กระแทกเข้าที่แขนอีกฝ่าย

แววตาของฟางผิงเปลี่ยนไป ถ้าคนธรรมดาโดนไม้นี้เข้าไป กระดูกไม่หักคงถือว่าโชคดีแล้ว

แต่เมื่อไม้กระแทกใส่แขนอีกฝ่าย ฟางผิงรู้สึกเหมือนทุบเข้าใส่บล็อกซีเมนต์ทำให้ไม้กระดอนกลับมา

เขาไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธน่ากลัวแค่ไหน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน

ความคิดเหล่านี้หายไปในทันที

ฟางผิงไม่มีเวลาคิด เขาไม่กล้าใช้แรงทั้งหมดเพราะกลัวเผลอฆ่าอีกฝ่ายเข้า แต่ตอนนี้เขามัวคิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้แล้ว เขาง้างไม้แล้วหวดลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหวดด้วยแรงทั้งหมด

“ปัง!”

การโจมตีถูกแขนของหวงปินป้องกันไว้อีกครั้ง ความเจ็บปวดจากการโจมตีทั้งสองครั้งทำให้หวงปินได้สติขึ้นมาบ้าง

หวงปินโกรธมากเมื่อคิดว่าตัวเองถูกเด็กหลอกเอา เขากัดลิ้นอย่างแรง

หวงปินเหมือนมีแรงขึ้นมา เขาก้าวขาไปทางประตูก้าวเล็กๆ

เขาไม่ได้ป้องกันตัวเองอีก หมัดเขาพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่รวบรวมได้

แม้จะอยู่สภาพนี้ แต่เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด เขาต้องให้เจ้าเด็กเดียรัจฉานนี่รู้ซึ้งว่าผู้ฝึกยุทธไม่ใช่คนที่จะหลอกได้โดยไม่มีผลที่ตามมา!

…..

ฟางผิงย่อมเห็นอีกฝ่ายก้าวมา ไม่มีเวลามาคิดกลยุทธ์ เมื่อหวงปินเหวี่ยงหมัดมา ฟางผิงก็แกว่งไม้เข้าปะทะ

“ผลั๊ว!”

ฟางผิงดูประหลาดใจ หมัดของหวงปินดูเชื่องช้ามาก แถมยังดูไม่มีแรงเลย แต่มันถึงกับทำให้ไม้แตกกระจาย

บริเวณนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของฟางผิง เนื่องจากเกิดแรงปะทะอย่างรุนแรง เขาถึงกับเจ็บปวดจนนิ้วชา

ฟางผิงไม่กล้าปล่อยไม้ เขากัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวดแล้วเหวี่ยงไม้ที่เหลือครึ่งท่อนใส่หัวหวงปิน

หมัดนี้เป็นขีดจำกัดของหวงปินแล้ว

เขาไม่รู้สึกถึงแขนขาตัวเองเลย

“โป๊ก!”

ในที่สุดคราวนี้เขาก็กระแทกใส่หัวหวงปินสำเร็จ มันไม่ได้แตกหรือมีเลือดออกอย่างที่จินตนาการไว้ กระโหลกของหวงปินแข็งกว่าคนทั่วไป

ฟางผิงเกือบสบถออกมา นี่คือผู้ฝึกยุทธงั้นเหรอ?

เขาวางยาปริมาณมาก นอกจากไม่หมดสติเหมือนอย่างที่เป็นแล้ว อีกฝ่ายยังมีแรงพอสู้กลับด้วย

แม้ว่าเขาจะออกแรงทั้งหมด แต่กระดูกของอีกฝ่ายก็แข็งกว่าคนธรรมดามาก

ฟางผิงรู้สึกปวดมือ

เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องพวกนั้น ฟางผิงดึงพลังทั้งหมดออกมาจนหน้าดำหน้าแดงแล้วเริ่มทุบหวงปิน

ในเวลานี้ ฟางผิงเลิกคิดไปแล้วว่าเขาอาจเผลอฆ่าคนไปไหม

มันน่ากลัวมาก!

คนแบบนี้อยากจัดการกับเขา ถ้าเขาไม่ลงมือก่อน อีกฝ่ายคงฆ่าเขาตายด้วยตบเดียว

หวงปินยืนไม่ไหวแล้ว ฟางผิงทุบอีกฝ่ายสองสามครั้งก่อนที่หวงปินจะทรุดลงกับพื้น ขยันเขยื้อนไม่ได้

แต่หวงปินไม่ได้หมดสติไปโดยสมบูรณ์ เขาเบิกตากว้างถลึงมองฟางผิงด้วยความโกรธราวกับอยากขู่ฟางผิงให้กลัวด้วยสายตา

ฟางผิงไม่สนใจ เขาเหวี่ยงไม้ที่เหลืออีกครั้งแรงกว่าเดิม

เขาทุบไปที่หัวก่อนแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อหัวของหวงปินเลือดออก

มือ ขา หน้าอก…

ฟางผิงทุบลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกส่วนที่อาจทำร้ายเขาได้

บริเวณทางเดิน มีแต่เสียงไม้ปะทะกับร่างกายมนุษย์และเสียงหอบหายใจของฟางผิงเท่านั้น

…..

ฟางผิงไม่รู้แล้วว่าเขาทุบชายคนนี้ไปกี่ครั้ง เมื่อแขนขาเขาหมดแรงและหอบหายใจอย่างหนัก เขาถึงหยุดมือ

จากนั้นฟางผิงก็หันไปมองหวงปิน

อีกฝ่ายนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดท่วมหัว

แขนขาเขากระตุกด้วยความเจ็บปวดจากการโดนตีอย่างหนักนับครั้งไม่ถ้วน

มีเพียงการเคลื่อนไหวขึ้นลงตรงหน้าอกเท่านั้นที่พิสูจน์ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

ฟางผิงหอบหายใจอยู่พักนึง หลังลงมือเสร็จ เขาถึงนึกกลัวขึ้นมา

เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าถ้าเขาไม่วางยาอีกฝ่าย เขาจะจบลงแบบไหน

มันไม่ใช่การวิวาทครั้งแรกของฟางผิง

แต่จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่การวิวาท มันเป็นการต่อสู้ข้างเดียวกับคนที่แทบตอบโต้ไม่ได้ เขาทุบอีกฝ่ายจนปวดมือ จนเขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาทำแบบนี้

เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เขาเตะร่างหวงปินอย่างระมัดระวัง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบสนอง

ฟางผิงชำเลืองมองรอบๆ ทางเดินเงียบมาก เพราะทุกคนออกไปทำงาน

เขามองหวงปินอีกครั้ง อีกฝ่ายกำลังนอนคว่ำอยู่หน้าประตู เขารู้สึกปวดหัว ชายคนนี้อันตรายเกินไป เขาคงไม่ได้สติกลับมาอีกครั้งหรอกใช่ไหม?

เขาไม่ลังเลเลย เขาหยิบไม้ขึ้นมาแล้วทุบชายตรงหน้าอีกสองสามที

หวงปินชักกระตุก ฟางผิงจึงเชื่อว่าอีกฝ่ายสิ้นท่าแล้วจริงๆ

เขาวางไม้ลงแล้วเข้าบ้าน เขาลากหวงปินตามหลังมาก่อนจะปิดประตู

…..

ในห้อง

ฟางผิงรื้อห้องหาผ้าปูที่นอน จากนั้นเขาก็เอาผ้าปูที่นอนมาพันตัวหวงปินไว้

วิธีมัดคนแบบนี้น่าเชื่อถือกว่าการใช้เชือก เพราะมันมัดทั้งตัวเลย

เขากลัวว่าผ้าปูที่นอนอันเดียวมันไม่พอ ฟางผิงจึงมองไปรอบๆเพื่อหาผ้าปูที่นอนอีกผืนแล้วเอามาพันหวงปินอีกรอบ

จากนั้นเขาก็ใช้ผ้าห่มพันซ้ำเหลือไว้แต่หัว

ฟางผิงยังคงกังวลว่ามันยังไม่เพียงพอ บนชั้นสองเขาหาเชือกไม่พบ แต่เขาได้ลวดมาแทน

เขาใช้ลวดพันรอบผ้าห่มรอบแล้วรอบเล่าและใช้คีมบิดเป็นปม

ฟางผิงเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากอย่างเหนื่อยหอบ “ถ้าหลุดมาได้ ฉันก็ยอมแล้ว!”

แขนขาของอีกฝ่ายคงเคลื่อนจากการถูกทุบ เขาไม่รู้ว่ามันหักบ้างไหม

ตอนนี้มือเขาติดอยู่ข้างใน มันไม่มีช่องว่างให้เขาออกแรงได้ แถมเขายังถูกพันอย่างแน่นหนาหลายชั้น ซึ่งรวมชั้นลวดด้านนอกสุดด้วย

ถ้าเขาออกมาได้ เขาคงเป็นซูเปอร์แมนแล้ว

หลังมัดชายคนนี้เสร็จ ฟางผิงก็ปิดปากอีกฝ่ายด้วยเทปกาว

จู่ๆฟางผิงก็รู้สึกแปลกๆ

เขาพึมพำ “ทำไมฉันถึงดูเหมือนวายร้ายมากกว่า?”

ความคิดนี้ไม่ได้ไม่มีเหตุผล เขาบุกมาวางยาบ้านอีกฝ่าย ทุบเขาจนหายใจรวยริน สุดท้ายก็มัดเขาและยังปิดปากเขาอีก

เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่ามีแต่วายร้ายงั้นเหรอที่ทำ?

ถ้าหวงปินเป็นผู้หญิง ความคิดนี้อาจใช้ได้มากกว่า

แก้มของฟางผิงกระตุก ถ้ามีคนเข้าห้องมา คงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นคนดีแน่นอน

เขาส่ายหน้าแล้วจ้องหวงปินชั่วครู่ เขามีอาการปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพนี้ได้ มันไม่ใช่ความสำเร็จง่ายๆเลย

ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์แน่นอน

ถ้าเขาไม่มีหลักฐานว่าชายคนนี้เป็นอาชญากรแล้วพาไปส่งตำรวจสภาพนี้ เขาอาจไม่จบลงแค่ถูกลงโทษทางวินัย

ฟางผิงไม่ได้มีเจตนาทำร้ายอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าแค่วางยาก็พอแล้ว

แต่เขาจำเป็นต้องตอบโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ล้มลงหลังกินยาปริมาณสิบเท่าของคนปกติ แต่ก็ยังมีแรงโต้กลับ

“ลำบากแล้ว!”

ฟางผิงพึมพำ แต่เขาไม่ได้กลัว ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด