บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 89 ทนจนพอแล้ว
ผ่านไปไม่นาน อันเฉินก็สืบหาที่อยู่บริษัทแล้วก็ที่อยู่ปัจจุบันของเวินหนิง แล้วเขียนไปบนกระดาษ
แต่ว่าเขาไม่กล้าเอาไปให้ลู่จิ้นยวนตรงๆ ก็เลยแอบสอดเข้าไปในเอกสารแล้วยื่นไปให้
ลู่จิ้นยวนกำลังเปิดเอกสารดูแล้วก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งลอยออกมา เนื้อหาในกระดาษนั่นก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาขมวดคิ้ว
อันเฉิน ทำไมตอนนี้ถึงคิดเองเออเองแล้ว?
คิดไปคิดมา ลู่จิ้นยวนกำลังจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง แต่ก็มองเนื้อหาข้างบนนั้นผ่านตาไปด้วย
……
เวินหนิงผ่านสัมภาษณ์อย่างราบรื่น เมื่อได้รับการแจ้งว่าสามารถเริ่มฝึกงานได้แล้ว ก็มีเพื่อนร่วมงานพาเธอไปเดินชมรอบๆ แล้วอธิบายกับเธอว่าช่วงเวลาต่อมาเธอต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง
เวินหนิงเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกลับไปอ่านที่บ้าน แต่พอไปถึงหน้าประตูบ้าน ก็เห็นว่ามีคนไม่น้อยล้อมอยู่หน้าบ้านเธอ
“นี่เป็นรถโรลส์รอยซ์ ดูไม่เหมือนของเถื่อนเลย”
“โซนที่อยู่ของเราแบบนี้ยังมีคนรวยงั้นหรอ?”
ที่ที่เวินหนิงอยู่เป็นโซนของกลุ่มคนธรรมดาทั่วไป ในนั้นก็มีแต่คนทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะฉะนั้น พอเห็นรถคันหรูหราราคาไม่เบา ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
เวินหนิงไม่ได้รู้สึกสนใจมาก มองผ่านไปแว็บเดียว สีหน้าก็รู้สึกแปลกใจ รถคันนี้……คุ้นตามาก
กำลังคิดอยู่ ประตูรถก็เปิดออก
จากนั้นลู่จิ้นยวนก็ลงรถมาอย่างเชื่องช้า สายตาของคนรอบข้างก็มีแต่ความอิจฉา แต่เขากลับเหมือนมองไม่เห็น
เพิ่งเลิกงาน เขาก็มาถึงที่นี่ยังไม่รู้ตัว สุดท้าย ก็เห็นว่าเป็นโซนตึกแถวที่ทั้งแคบแล้วก็ทรุดโทรม
สมองผู้หญิงคนนี้มีปัญหาหรือเปล่า ยอมอยู่ที่นี่ก็จะย้ายออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลลู่?
พอนึกถึงเรื่องนี้ ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกหงุดหงิดไปกว่าเดิม
รอไปสักพัก ลู่จิ้นยวนก็เห็นเวินหนิงกลับมา
ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่ตระกูลลู่ แต่ก็ยังผอมเหมือนเดิม แต่ไม่ได้มีความรู้สึกโทรมอะไรแบบนั้น ทั้งตัวดูมีชีวิตชีวาแล้วก็เหมือนมีพลังที่จะอยู่ต่อไป
ไปจากเขา ทำให้เธอมีชีวิตชีวาขนาดนี้?
ลู่จิ้นยวนล็อกประตูรถด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วเดินก้าวไปหาเวินหนิงที่ยืนอยู่กับที่ทีละก้าว “ผมรู้สึกว่า เธอยังมีอะไรบางอย่างที่ต้องพูดกับผม”
เวินหนิงค่อยดึงสติกลับมาจากความตกใจ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลู่จิ้นยวนจะมาหาเธอในที่แบบนี้
“อะไรที่ควรพูด ฉันพูดกับคุณปู่หมดแล้ว เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
เวินหนิงหันหลังจะเดินไป ไม่อยากจะยืดเยื้อกับเขาต่อ
ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าลู่จิ้นยวนมาที่นี่ทำไม แต่ยังไง ก็คงไม่ใช่มาฉลองบ้านใหม่ของเธอ
ตัดปัญหาอะไรได้ก็ตัด เวินหนิงไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ตัวเองอีก
ลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงเดินไปอย่างไม่ลังเล แล้วกำมือไว้แน่น พร้อมเดินตามไป “ทำไม? เธอจะรีบกลับไปเจอชู้ของเธอที่บ้านหรอ?”
“ลู่จิ้นยวน นายพอแล้ว!”
เวินหนิงทนไม่ได้อีก ตอนที่อยู่ตระกูลลู่ เขาก็เอาแต่ใช้คำพูดแบบนี้มาเหยียบย่ำเธอไม่หยุด ตอนนี้พวกเขาหย่ากันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แต่เขาก็ยังตามมาแล้วเอาแต่โรยเกลือบนแผลตัวเอง เธอทนมาพอแล้ว!
“พอแล้ว? ไม่พอแน่นอน”
เมื่อเห็นเวินหนิงโมโห ลู่จิ้นยวนก็แน่ใจแล้วว่าเธอจะรีบไป ก็คงจะรีบไปหาผู้ชายคนนั้น
“ในเมื่อผมมาแล้ว งั้นผมก็จะดูหน่อยว่าผู้ชายที่เธอหลงหัวปักหัวปัมนี้หน้าตาเป็นยังไง”
พูดไปด้วย ฝ่ามือของลู่จิ้นยวนก็วางลงข้างตัวเวินหนิงแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเธอเคยนอนกับผมแล้ว ยังเคยเข้าคุก เขาจะยังอยู่ต่อหรือว่าจะยอมแพ้?”
เวินหนิงเบิกตากว้าง คำพูดของลู่จิ้นยวนทำให้ใจเธอตกวูบไป
ที่แท้ในใจของเขา เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ค่าขนาดนี้เลย
“นายกำลังบุกรุกบ้านคนอื่น มันผิดกฎหมาย!”
“แล้วไง? เธออยากแจ้งตำรวจ? งั้นเธอก็ลองดูสิ” ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่แคร์ เขาไม่เชื่อว่าจะมีตำรวจคนไหนกล้าจับเขา
เวินหนิงกัดริมฝีปากแน่น คำพูดของลู่จิ้นยวน เธอต้องเข้าใจอยู่แล้ว ด้วยอำนาจของผู้ชายคนนี้ที่อยู่ในเมืองเจียงเฉิง ใครจะกล้าทำอะไรเขา?
ขณะที่ทั้งสองกำลังจ้องสบตาอย่างไม่มีใครยอมใคร คุณยายข้างบ้านก็ออกมาทิ้งขยะ พอเห็นเวินหนิงกับผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาตัวสูงเหมือนกับดารายืนด้วยกัน ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
“เวินหนิง นี่ใครหรอ? เอ๋? เธออย่าบอกนะ คนนี้หน้าตาคุ้นมาก ดูเหมือน……ดูเหมือนใครคนนั้น?”
เมื่อเวินหนิงเห็นว่าคุณยายข้างบ้านรู้สึกสนใจ ก็รู้สึกเอื้อมระอา โดยเฉพาะท่าทางที่แกทำตัวเหมือนรู้จักลู่จิ้นยวน กลัวว่าจะสร้างปัญหาอะไรเธอก็รีบเปิดประตู “คุณยาย หนูกลับไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
ลู่จิ้นยวนก็เดินตามเข้าไปด้วย เวินหนิงก็มองไปที่เขาอย่าหงุดหงิด “นายเข้ามาทำไม?”
ลู่จิ้นยวนไม่สนใจเธอ มองไปที่ห้องแคบๆนั้น ถึงแม้จะแคบ แต่ก็ทำความสะอาดได้สะอาด แล้วมีของตกแต่งที่ดูมีกลิ่นอายของชีวิต ถึงแม้จะไม่หรูหราใหญ่โตเหมือนตระกูลลู่ แต่ก็พูดได้ว่าดูอบอุ่นมาก
นี่หรอบ้านใหม่ของเวินหนิงกับผู้ชายคนนั้น?
ลู่จิ้นยวนตึงสีหน้าไว้ ความโมโหก็พุ่งออกมาจากในใจ แล้วเดินตรงเข้าไป จะไปดูว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตายังไง
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สนใจของเขา เวินหนิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นายเหยียบจนพื้นของฉันเปื้อนหมดแล้ว!”
นี่เป็นพื้นที่เธอเพิ่งทำความสะอาดเมื่อวาน แต่ลู่จิ้นยวนกลับดี ใส่รองเท้าหนังแล้วเหยียบเข้ามาเลย
นี่สินะเป็นคุณชายที่ไม่รู้จักกลิ่นอายของชีวิต
“งั้นเธอก็รีบเอาลงเท้าแตะมาให้ฉันสิ”
เวินหนิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “ขอโทษนะคะ ในบ้านไม่มี”
เธอเพิ่งย้ายมาเมื่อวาน ซื้อแค่ของของตัวเองมา กับรองเท้าแตะของผู้ชายแบบนี้ เธอไม่คิดที่จะซื้อ เงินก็ไม่พออยู่แล้ว เวินหนิงก็ไม่อยากเปลืองอีก
ลู่จิ้นยวนอึ้งไป แล้วมองไปที่ชั้นวางรองเท้าข้างๆ บนนั้นไม่มีรองเท้าของผู้ชาย แม้จะของผู้หญิงก็มีแค่ไม่กี่คู่
“ปกติผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาเท้าเปล่า?”
“ถ้าฉันบอกว่าที่นี่ไม่มีผู้ชายอะไร นายจะเชื่อไหม?”
เวินหนิงมองบนใส่เขา พูดจบก็ไม่สนใจผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตู แล้วเอาไข่กับผักในมือใส่เข้าไปในตู้เย็น
จากหนังสือคนท้องที่เธออ่านมา ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน หนึ่งวันต้องกินให้ครบสามมื้อ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะรู้สึกอิ่มเพราะโมโหกับลู่จิ้นยวน แต่เพื่อเด็กในท้องเธอก็ต้องรีบทำกับข้าวแล้วก็กินข้าว แบบนี้เด็กในท้องก็จะได้เติบโตมาอย่างแข็งแรง
ลู่จิ้นยวนถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็กวาดมองไปรอบๆ ในห้องนี้ไม่มีคนอื่น แล้วก็ไม่มีร่องรอยที่ผู้ชายเคยอยู่ด้วย
คอมเม้นต์