บ่วงแค้นแสนรัก – ตอนที่ 164 รื้อฟื้นความสัมพันธ์
สุดท้ายเย่หวานจิ้งก็ต้องทำใจอดกลั้นไว้ แม้ว่าจะทนเห็นไม่ได้ที่ลูกชายได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อเทียบกับปัญหาที่ไม่รู้จบอย่างเวินหนิงแล้วล่ะก็ เธอยอมเพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ทำให้ลู่จิ้นยวนตาสว่างและมีสติขึ้น
เพียงแค่ เธอได้โยนเอาความผิดทั้งหมดนี้ไปที่เวินหนิง ถ้าไม่มีผู้หญิงสาระเลวคนนั้น ลู่จิ้นยวนจะโดนตีได้อย่างไรกัน ผู้หญิงคนนั้น จากเป็นคนนำโชคได้ไง น่าจะเป็นภัยพิบัติไม่ว่า
หาโอกาสได้เมื่อไร เธอจะต้องคิดบัญชีนี้กับเธออย่างแน่นอน
ลู่จิ้นยวนไม่ได้มีเสียงความเจ็บปวดใดๆ ถึงแม้ว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่นายท่านลงมือตีเขาก็ตาม แต่ก่อนต่อให้ทั้งสองจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันหรือขัดแย้งกัน ท่านก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้มาก่อน
“ ทำไมฉันถึงตามตัวแกกลับมา แกรู้ใช่ไหม”
เมื่อนายท่านมองไปดวงตาที่นิ่งสงบของลู่จิ้นยวน ในใจของนายท่านรู้ได้ทั้งทีว่าเขาจะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้แน่นอน ก็เลยอ้าปากพูดต่อไป
“ผมรู้ครับ”
ลู่จิ้นยวนเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขาออกอย่างใจเย็น พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆที่มั่นคง ฟังแล้วไม่มีเสียงสั่นเทาแม้แต่น้อย
“ แล้วแกจะทำยังไงต่อ”
นายท่านเหล่สายตาไปมองตาเขา ” ฉันจะบอกให้ตอนนี้เลย ถ้าแกคิดว่ายังอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้หญิงแบบนั้นต่อ มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้แกจะหาแค่คู่นอน ต้องไม่ใช่เธอ ”
“ท่านปู่ครับ ก่อนหน้านั้นท่านเป็นคนหาเธอมาให้กับผมเองนะครับ”
ลู่จิ้นยวนจ้องตากับนายท่าน
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านบอกว่าเธอเป็นคนนำโชคของผม บอกว่าโชคชะตาของเธอถูกกับผมมีประโยชน์ต่อผม ผมคิดว่า พวกเราก็คงไม่มีวันนี้หรอกครับ”
“แก”
นายท่านโกรธมากจนเกือบจะเป็นลมกับสิ่งที่เขาพูด ” นี่ความหมายของแกคือต้องโทษที่ฉันใช่ไหม แกคิดว่าฉันอยากให้ผู้หญิงแบบนั้นเข้ามาในบ้านของเราเหรอ ถ้า … ถ้าไม่ใช่เพราะแก”
“จิ้นยวน ทำไมถึงพูดกับท่านปู่แบบนี้ ” เย่หวานจิ้งไม่อาจฟังลงไปได้อีกต่อไป นางก็เลยออกมาตำหนิ
ลู่จิ้นยวนก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พยุงตัวนายท่านไว้ แต่กลับถูกนายท่านเหวี่ยงออกไป ” แกไม่จำเป็นต้องมาพยุงฉัน”
ถ้าพูดกับเขาต่ออีกสองสามประโยค นายท่านรู้สึกว่าโรคหัวใจจของตัวเองจะต้องกำเริดแน่ๆ
“ท่านปู่ครับ บางทีก่อนหน้านั้นที่ท่านทำเพราะความเชื่อเรื่องโชคลาง ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยเชื่อเรื่องโชคลางพวกนี้เลย แต่ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม ผมถึงได้หายเป็นปกติทันทีที่เวินหนิงปรากฏตัว”
ลู่จิ้นยวนพูดอย่างเคร่งขรึม “ เพราะ เวินหนิงถูกใส่ร้าย ผมได้สืบมาบ้างแล้ว มีโอกาสสูงมากที่เธอจะไม่ไม่ใช่คนที่ชนผมตั้งแต่แรก แต่เป็นเพียงแพะรับบาป หลังจากที่ส่งเธอเข้าตารางไป เธอยังโดนทรมานมากมาย เป็นเพราะตระกูลลู่เราได้ทำบาปทำผิดกับเธออย่างไม่ยุติธรรมก่อน ดังนั้น ผมจึงนอนไม่ได้สติอาการโคม่าอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเป็นเวลานานถึงสามปี ”
ลู่จิ้นยวนพูดไป จริงๆแล้วเขาไม่เชื่อเรื่องผลแห่งกรรมโชคลางอะไรพวกนี้เลย จนกระทั่งที่เวินหนิงเข้ามาในชีวิต ทำให้เขาค่อยๆเชื่อว่าเรื่องโชคชะตานี้อาจมีอยู่จริง
อย่างน้อย เขาตั้งใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือชดเชยให้กับเธอ กับสิ่งที่เขาได้ทำผิดกับเธอ มันเป็นหนี้กรรม
“แกพูดอะไรนะ”
นายท่านแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองว่า ” แกมันบ้าไปแล้ว เพื่อผู้หญิงแบบนั้นแล้ว แม้แต่เรื่องบาดแผลของตัวเองแกยังสามารถเอามาสร้างเป็นนิทานได้ ตอนนั้นเธอเป็นคนยอมรับผิดด้วยตัวเอง มันจะผิดพลาดได้อย่างไร”
“ แต่ เท่าที่ผมสืบมาก็คือตระกูลเวินได้นำแม่ของเธอส่งเข้าห้อง ICU ที่เธอยอมเป็นแพะรับบาปก็เพื่อแม่ที่กำลังป่วยหนักของเธอเท่านั้น”
“ แล้ว หลักฐานล่ะ”
ลู่จิ้นยวนส่ายหัว “ ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมอยู่ แต่ว่าท่านปู่ ผมหวังว่าท่านจะให้เวลาผมกับเวินหนิงหน่อย ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นแพะรับบาปจริงๆ พวกเราไม่สมควรชดเชยให้เธอบางเลยเหรอ”
นายท่านมองท่าทีที่ดูจริงจังของลู่จิ้นยวน กับหลานคนนี้แล้วท่านเข้าใจนิสัยของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ใช่คนที่จะพูดเท็จเพื่อให้เป้าหมายของตัวเองบรรลุ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง
แต่ ถ้าเป็นความจริงๆ ท่านจะสามารถยอมรับเวินหนิงได้หรือไม่
“ ไม่ได้ ต่อให้สิ่งที่แกพูดจะเป็นความจริง ตระกูลลู่จะชดเชยให้เธอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตที่เหลือของแกเป็นเดิมพัน ฉันสามารถให้เงินกับเธอ สามารถให้ความสบายและความมั่งคั่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดกับเธอ แต่ฉันไม่สามารถเอาชีวิตแกเป็นเดิมพัน จิ้นยวนแกคือความหวังของตระกูลลู่ แกไม่สามารถทิ้งอนาคตที่ดีๆของเพื่อแลกกับเรื่องเล็กๆแค่นี้ ”
นายท่านพูดอย่างหนักแน่น ความหมายของท่านไม่อาจชัดเจนไปกว่านี้แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไร รวมถึงอุบัติเหตุรถยนต์ครั้งนั้นเวินหนิงจะเป็นแค่แพะรับบาปหรือไม่ ท่านจะไม่ยอมให้ผู้หญิงแบบนั้นเข้าบ้านของตระกูลลู่เป็นอันขาด แม้แต่คิด ก็ไม่ได้
“ท่านปู่” ลู่จิ้นยวนคาดคิดไม่ถึงมาก่อนว่าท่านจะดื้อได้ขนาดนี้ ขนาดที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เย่หวานจิ้งก็เดินเข้ามารั้งเขาไว้ ” จิ้นยวน แกอยากทำให้ท่านปู่ต้องเครียดจนเสียสุขภาพเหรอ แม้ว่าสิ่งที่แกพูดจะเป็นเรื่องจริง แล้วที่เธอท้องลูกของคนอื่นเรื่องแบบนี้คงจะไม่ใช่เรื่องปลอม เพียงเพื่อต้องการชดเชยให้กับเธอ แกจะยอมให้หัวตัวเองมีเขาอยู่บนหัวเหรอ”
แค่นั้นลู่จิ้นยวนก็เข้าใจแล้วว่าทำไม นายท่านถึงรีบร้อนเรียกเขากลับมาอย่างทุลักทุเล ที่แท้พวกเขารู้เรื่องเด็กแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มก็ยากที่จะตอบ ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรเลย กับเด็กคนนั้นเขาก็ไม่ชัดเจนเหมือนกัน มันยากมากที่จะยอมรับ แต่เนื่องจากร่างกายของเวินหนิงไม่สามารถทำแท้งได้ เขาจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
แค่ว่า เขาทำเป็นเพิกเฉยต่อการมีตัวตนของเด็กคนนั้น
เมื่อเห็นท่าทีที่เคร่งขรึมของลู่จิ้นยวน เย่หวานจิ้งก็ยิ่งเข้าใจความคิดของเขา ที่แท้ กับเด็กคนนั้นแล้วเขาไม่ใช่ไม่รังเกียจ ดังนั้นเด็กคนนั้นต้องไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน
ในใจยิ่งรู้สึกรังเกียจเวินหนิงขึ้นมาไม่น้อย “ จิ้นยวน เรื่องอื่นๆฉันไม่ใส่ใจก็ได้ แต่มีคนมากมายให้แกเลือก ทำไมแกต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับผู้หญิงที่ท้องลูกของคนอื่นด้วย แกคิดดูดีๆว่ามันคุ้มมั้ย มันใช่ไหมที่หลังจากนี้แกต้องช่วยผู้ชายคนอื่นเลี้ยงลูก ในอนาคตถ้าผู้ชายคนนี้กลับมาเจอหรือกลับมาพัวพันกับเวินหนิงกับลูกอีก ตระกูลลู่เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ”
เย่หวานจิ้งใช้เวลานี้ให้ประโยชน์เพื่อเตือนสติลู่จิ้นยวนที่กำลังตั้งใจฟังตัวเองพูด นางจึงพูดทุกอย่างที่ควรจะพูด
นายทานเห็นเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้กดดันอะไรเขาอีกต่อไป เพราะเรื่องแบบนี้ ยิ่งกดดันแน่นจนเกินไปจะทำให้ยิ่งต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
“จิ้นยวน เรื่องอื่นฉันก็จะไม่พูดอะไรแล้ว แกเป็นคนฉลาด แกควรค่อยๆคิดพิจารณาเอาเอง ว่าแกต้องการอนาคตที่สดใส หรือต้องการผู้หญิงแบบนี้เข้ามา มันจะทำให้ชีวิตที่เหลือของแกแปะเปื้อนไปหมด แกคิดพิจารณาเอาเอง”
หลังจากพูดจบ ท่านก็ออกไปจากที่นี่อย่างเหนื่อยใจ เย่หวานจิ้งจึงไปพยุงท่านกลับไปที่ห้องนอน
ลู่จิ้นยวนยังคงอยู่ในห้องหนังสือพักใหญ่ ต้องบอกว่าสิ่งที่เย่หวานจิ้งพูดเมื่อกี้ได้พูดเข้าไปถึงส่วนลึกของหัวใจเขา
เด็กคนนั้นเป็นเหมือนหนามอันหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิกเฉย แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะเป็นภัยอันตรายต่อเขา ถ้าวันไหนเวินหนิงอยากกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพ่อของเด็กแล้วล่ะก็ เขาจะทำยังไง
สีหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ลู่จิ้นยวนไม่อยากคิดฟุ้งซ่านอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงเดินออกไปสตารท์รถ ปล่อยให้ความคิดของเขาล่องลอยไปอย่างอิสระ
สุดท้าย เขาก็มาถึงใต้ตึกของเวินหนิงโดยไม่รู้ตัว
ราวกับว่าการมาหาเธอ เป็นนิสัยของเขาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ลู่จิ้นยวนพบว่าผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อเขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ เขาไม่อยากเก็บปัญหานั้นไว้แบบนี้
ชายหนุ่มตั้งสติก่อน ในตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จากนั้นก็ขึ้นไปบนตึก แล้วเคาะประตู
เวินหนิงตัวสั่น พูดอย่างกล้าๆกลัว “ ใครคะ”
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเย่หวานจิ้งหาคนมาจัดการกับเธอ เธอจะทำยังไงดี
“ฉันเอง เปิดประตู” ลู่จิ้นยวนพูดเบา ๆ แต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา แล้วจะให้เขาทำอย่างไรล่ะ
คอมเม้นต์