คู่ชะตาบันดาลรัก – ตอนที่ 14 ทำความสะอาด
“น่าสนใจจริงๆ” หมิงเวยพึมพำ
ตัวฝูไม่เข้าใจ “น่าสนใจตรงไหนหรือเจ้าคะคุณหนู”
แน่นอนว่าน่าสนใจอยู่แล้ว ญาณชีวิตสามารถหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้ายได้ ซึ่งนั่นทำให้มันชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น…
มันเป็นความเกลียดชังเช่นใดกัน ถึงได้ใช้วิธีนี้ทำร้ายฮูหยินสาม และบุตรสาวของนาง หากสิ่งชั่วร้ายนี้ได้รับการเลี้ยงดูในสวนแห่งนี้ ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ…
“ตัวฝู เจ้าเก็บของพวกนี้ห่อเอาไว้ให้ดี” หมิงเวยชี้ไปที่เหล่าสิ่งของเล็กๆ ตรงหน้า
“เจ้าค่ะคุณหนู” หมิงเวยเงยหน้าขึ้นมองสวนอวี๋ฟางภายใต้แสงอาทิตย์ พืชพรรณผลิดอกออกผล ดอกไม้นานาชนิดเบ่งบานสะพรั่ง แสงในฤดูใบไม้ผลิสว่างและงดงามขึ้นเรื่อยๆ
“ไปบอกท่านแม่ว่าสวนแห่งนี้จำเป็นต้องทำความสะอาด” นางพูดช้าๆ “ฤดูใบไม้ผลิหวนคืนแผ่นดินใหญ่ ผลผลิตท้องถิ่นเจริญงอกงาม ของสกปรกต้องเก็บกวาดให้หมดถึงจะมีอนาคตที่ดีขึ้น”
………
จวนตระกูลหมิงฝั่งทิศตะวันตก
ในปีนั้นนายท่านหมิงเซียงมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า จวนตระกูลหมิงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วเมืองตงหนิง หลังจากนั้นจวนก็ได้แยกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งทิศตะวันออกยกให้บุตรชายคนโต ฝั่งทิศตะวันตกยกให้บุตรชายคนรอง
ลานบ้านหลักของฝั่งตะวันตกแต่เดิมเป็นของนายท่านสาม แต่หลังจากนายท่านสามเสียไป ฮูหยินสามก็พาบุตรสาวกลับมาอยู่ที่เรือนเก่าปล่อยทิ้งลานบ้านหลักแล้วเข้ามาอยู่ที่สวนอวี๋ฟาง
พอนายท่านสามเสีย นางก็ไม่เหลือใครอีก ทางฝั่งเรือนรองก็ต้องการให้นายท่านสี่รับช่วงต่อแล้วฮูหยินสามจะทำอย่างไรได้ ทำได้เพียงอยู่ให้เป็นก็เท่านั้น
ฮูหยินสี่เองก็รู้สึกขอบคุณในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีเรื่องอันใดก็ตามนางจะเอาใจใส่สวนอวี๋ฟางเป็นอันดับแรกเสมอ ในสายตาของคนภายนอกช่างเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันเสียจริง
ยามซื่อ[1] ฮูหยินสี่จัดการเรื่องงานภายในเรือนเสร็จ พอนางกลับเรือนหลัก ก็เห็นนายท่านสี่นั่งขมวดคิ้วดื่มชาอยู่ ชานั่นไม่รู้ว่าชงมากี่รอบแล้ว เพียงแค่ครู่เดียวมันก็จืดชืดและไร้รสชาติ แต่เขาก็ไม่เรียกสาวใช้ให้มาเปลี่ยน เอาแต่ดื่มราวกับดื่มสุรา
ฮูหยินสี่ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ นางตกใจมากยกมือลูบอก “เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะท่านพี่ เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก”
นายท่านสี่พูด “อืม” แล้วไม่กล่าวอันใดต่อ ฮูหยินสี่เห็นท่าทางของเขาเช่นนั้นแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงไม่กล้าชวนเขาคุยต่อจึงคิดจะปลีกตัวไปดูความเรียบร้อยในครัว
ผู้ใดจะรู้ว่าพอนางกำลังจะเดินออกไป นายท่านสี่ก็เรียกนางไว้ “เสี่ยวชีหายดีแล้วหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน นางโง่มาตั้งแต่เกิด เรียกหมอมามากมายรักษาก็ไม่หาย ทำไมจู่ๆ ถึงได้หายดีขึ้นมาได้”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้เองงั้นหรือเรื่องนี้มีอะไรน่าโกรธกัน ฮูหยินสี่สับสนเล็กน้อย กล่าวได้ว่าชีวิตของฮูหยินสี่ค่อนข้างสบายกว่าพี่สะใภ้น้องสะใภ้คนอื่นในตงหนิง
ฮูหยินสอง และนายท่านสองเข้ากันไม่ได้ แต่อยู่ด้วยกันเพื่อบุตรสาวบุตรชายมาหลายปีแล้ว นายท่านหกก็ลุ่มหลงอยู่กับสุราและสตรี ฮูหยินหกนางมีนิสัยอ่อนแอจึงมีเรื่องไม่ดีเข้ามาหาตลอด
นายท่านสี่เองนิสัยไม่ได้ดี แต่เมื่ออยู่ในเรือนก็พอจะยับยั้งอารมณ์ได้อยู่มาก หลายปีมานี้ไม่มีตบแต่งอนุภรรยา บุตรชายบุตรสาวทั้งสามคนล้วนเกิดจากฮูหยินสี่ทั้งสิ้น
หากถามเรื่องที่ไม่มีความสุขก็คงเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนไม่เปิดใจกัน เป็นสามีภรรยากันมาสิบสองปี บุตรชายมีอายุสิบเจ็ดปีแล้วจนถึงตอนนี้ฮูหยินสี่ยังรู้สึกว่าตัวนางยังคงไม่อาจรู้ใจสามีได้ นอนร่วมเตียงกันทุกคืน แค่ชวนคุยประโยคเดียวก็ยังไม่รู้จะพูดเรื่องใดดี
บางครั้งพอคิดถึงเรื่องนี้นางก็มิอาจสงบใจได้ แต่พอนึกถึงฮูหยินสองและฮูหยินหก นางก็ไม่รู้จะบ่นอะไรดี ฮูหยินสี่ตอบกลับไปว่า “ท่านพี่คงจำได้ว่าในตอนแรกหมอเทวดาจงเคยบอกว่าอาการโง่ของเสี่ยวชีเกิดจากการสูญเสียดวงวิญญาณ…”
นายท่านสี่พยักหน้า “ในตอนนั้นพี่สามได้เชิญคนมาเสกดวงวิญญาณให้เสี่ยวชี แต่ก็ไม่ได้ผล”
“คิดว่าคนที่เชิญมาคงไม่มีความสามารถมากพอ…” ฮูหยินสี่พูดในสิ่งที่หมิงเวยบอกมา “…ยิ่งไปกว่านั้น”
นายท่านสี่จิบน้ำชาอีกคำ แต่กลับไม่พูดอันใด หัวใจของฮูหยินสี่เต้นระรัว นางไม่รู้ว่าตนเองพูดอันใดให้สามีไม่พอใจหรือเปล่า
“ท่านพี่…” พอจะเปลี่ยนคำพูดก็ถูกนายท่านสี่พูดขัดเสียก่อน “คำพูดเมื่อสักครู่ เสี่ยวชีพูดออกมาเองหรือ”
ฮูหยินสี่แปลกใจ “แน่นอนว่านางพูดเอง ผู้อื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าดวงวิญญาณของนางลอยไปที่ใด”
“ตอนเจ้ามองนาง นางดูไม่เหมือนคนโง่เลยใช่หรือไม่”
ฮูหยินสี่พยักหน้า “ไม่ใช่แค่ไม่โง่ แต่น้องคิดว่านางดูฉลาดกว่าคนในเรือนเสียอีก” หยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “จริงสิ เรื่องนำดวงวิญญาณของเสี่ยวชีกลับมา เพิ่งหาวิธีได้เมื่อเช้านี้เอง”
“วิธีใดกัน”
“เห็นพูดกันว่าเสวียนหนี่เหนียงเหนียงที่พี่สะใภ้สามกราบไหว้อยู่ศักดิ์สิทธิ์มาก เสวียนหนี่เหนียงเหนียงให้ดวงวิญญาณของเสี่ยวชีอยู่รับใช้ คำขอของพี่สะใภ้สามบรรลุผล เสวียนหนี่เหนียงเหนียงได้นำดวงวิญญาณของนางกลับมา”
นายท่านสี่ถือถ้วยน้ำชาอย่างกรุ่นโกรธ “เสวียนหนี่เหนียงเหนียงอะไรกัน เหลวไหลทั้งเพ!”
ฮูหยินสี่ตกใจรู้ดีว่าสามีเกลียดเรื่องผีสางเทวดามากนางจึงรีบพูดต่อว่า “เด็กคนนั้นพูดแบบนี้ ไม่มีผู้ใดคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรอกเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะพี่สะใภ้สามกลัวคนนอกเอาไปพูดกันนางถึงได้คิดข้ออ้างนี้ขึ้น”
“ฮึ!” นายท่านสี่รู้สึกโกรธ “พูดจาไร้สาระ! เจ้าก็อย่าไปยุ่งกับนางมากแล้วอย่าไปที่สวนอวี๋ฟางอีก ดูแลลูกให้ดีก็พอ”
ฮูหยินสี่พยักหน้า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” มองนายท่านสี่ก้าวเท้าออกไปก็รีบถามไปว่า “ท่านพี่ ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้วท่านจะกลับมาทานหรือไม่”
นายท่านสี่ไม่แม้แต่จะหันกลับมา “ไม่กลับ พวกเจ้ากินกันไปเถอะ!”
ฮูหยินสี่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ เป็นเช่นนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่กลับมาก็จะเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวโกรธเดี๋ยวอารมณ์ดี แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะแบ่งปันร่วมกับนาง
ฮูหยินสี่รู้สึกขมขื่นในใจ แต่ในไม่ช้านางก็ขจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มีอะไรที่นางต้องไม่พอใจกันล่ะ ถึงแม้สามีจะไม่รักใคร่ใกล้ชิดกับนาง แต่ก็ยังเคารพกัน เรื่องภายนอกนางขอไม่เข้าไปยุ่ง แต่เรื่องภายในเรือนไม่ยุ่งไม่ได้ ยังมีเรื่องลูกอีก บุตรชายคนโตเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ บุตรสาว และบุตรชายคนเล็กก็น่ารักน่าเอ็นดู
นางควรพอใจได้แล้วฮูหยินสี่ที่มีเรื่องหนักใจอยู่เต็มอกหมุนตัวเดินกลับเข้าห้อง แต่แม่นมที่เป็นคนสนิทก็รีบวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน “ฮูหยินเจ้าคะ! ที่สวนอวี๋ฟาง…”
นายท่านสี่ที่เพิ่งเดินออกจากเรือนไปหันกลับมาตามเสียงเรียกของฮูหยินสี่
“ท่านพี่! ท่านพี่เจ้าคะ!” เขาเห็นฮูหยินสี่รีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกเบื่อหน่ายมากขึ้น ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก “ข้าไม่ได้บอกไปหรือว่าพวกเจ้ากินกันไปเลย”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะท่านพี่!” ฮูหยินสี่รีบบอก “เมื่อครู่แม่นมหยูมาบอกว่าที่สวนอวี๋ฟางมีการทำความสะอาดสวน…”
“ก็ให้พวกนางทำความสะอาดไปสิจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปทำไม”
ฮูหยินสี่พูดต่อว่า “…เสี่ยวชีต้องการที่จะทำลายกำแพงนั้นลง”
“เจ้าว่าอันใดนะ?” สีหน้าของนายท่านสี่เปลี่ยนไปยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็มุ่งหน้าไปทางสวนอวี๋ฟางแล้ว ฮูหยินสี่กำลังลังเลว่านางต้องตามสามีไปหรือไม่ และในตอนนั้นหมิงเฉิงก็กลับมา “ท่านแม่ ทำไมสีหน้าท่านถึงเป็นอย่างนั้น ท่านพ่อจะไปที่ใดหรือ”
ฮูหยินสี่มองบุตรชายที่ตัวสูงไม่ต่างจากสามีแล้ว และอีกไม่นานเขาก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญของบ้าน “เสี่ยวชีต้องการทำลายกำแพงของท่านพ่อ ท่านพ่อของเจ้าโกรธมาก ตอนนี้กำลังรีบไปที่สวนอวี๋ฟาง…”
หมิงเฉิงตกใจรีบตามไปทันที
“เฉิงเอ๋อร์!” ฮูหยินสี่ร้องเรียก “อย่าไปขวางท่านพ่อนะ…”
“ทราบแล้วขอรับ!” หมิงเฉิงรีบตามไป แต่ก็ไม่ได้หยุดนายท่านสี่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในสวนอวี๋ฟาง เหล่าสาวใช้ที่ร่างกายแข็งแรงนั้นรับฟังคำสั่งของหมิงเวย ช่วยกันพังกำแพงลง กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นมาบางๆ ตอนที่นายท่านสี่มาถึง เหล่าสาวใช้ก็พังลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” เขาโกรธจัดเป็นฟืนเป็นไฟ สาวเท้ามาหยุดตรงหน้าฮูหยินสาม “ท่านกำลังทำอันใดอยู่ ก่อนหน้านี้บอกมีผี ข้าถึงให้คนล้อมรอบเอาไว้ แต่ตอนนี้ท่านคิดจะพังมันลงงั้นรึ”
……………………………………………………….
[1] ยามซื่อ (巳:sì) คือ 09.00 – 10.59 น.
คอมเม้นต์