คู่ชะตาบันดาลรัก – ตอนที่ 66 ตื่นตระหนก
หลังจากฮูหยินสองกลับเข้าห้อง นางก็รีบปิดหน้าต่างปิดประตูแน่น สีหน้ายังคงเจือความตื่นตระหนกอยู่ นางยังจำมือที่เย็นเฉียบในความฝันได้อย่างชัดเจน
เป็นเพียงความฝันจริงๆ หรือ มีความฝันที่ชัดเจนเช่นนี้ด้วยหรือ
บทสนทนาในความฝันนางจำได้ทุกคำ แม้กระทั่งน้ำเสียง…
แม่นมหูเดินเข้ามาแล้วเห็นว่าฮูหยินสองนั่งอยู่ตรงนั้น นางจับข้อมือตนเองและดูเหม่อลอย
“ฮูหยินเจ้าคะ”
ฮูหยินสองได้สติกลับมา พอเห็นแม่นมจึงฝืนยิ้มพูดว่า “ข้าให้แม่นมไปพักผ่อนมิใช่หรือ เหตุใดถึงยังไม่ไปนอนเล่า”
แม่นมหูตอบ “ตอนแรกข้าน้อยว่าจะนอนพักเจ้าค่ะ แต่คิดว่าฮูหยินน่าจะหิวเป็นแน่ จึงนำก๋วยเตี๋ยวมาให้เจ้าค่ะ” พูดจบก็ส่งสัญญาณให้สาวใช้นำชามก๋วยเตี๋ยวมาวางไว้บนโต๊ะ
ตอนนี้ฮูหยินสองไม่มีอารมณ์อยากอาหารแม้แต่น้อย แค่นางหลับตาลงก็เห็นใบหน้าที่เสียชีวิตแล้วของฮูหยินสาม
ไม่ได้! นางต้องพูดเรื่องนี้ออกไป อย่าว่าแต่ทานก๋วยเตี๋ยวไม่ลงเลย แม้แต่นอนนางก็นอนไม่หลับ!
“แม่นม!” นางคว้ามือของแม่นมหู “ข้ามีเรื่องจะพูดกับแม่นม!”
แม่นมหูอยู่กับนางมาหลายปี น้อยมากที่จะเห็นฮูหยินสองตื่นตระหนกได้ถึงเพียงนี้ เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่จึงหันไปสั่งสาวใช้
“เจ้าออกไปเฝ้าด้านนอกก่อน” สาวใช้รับคำแล้วเดินจากไป
“ฮูหยินอย่ากลัวไปเลยเจ้าค่ะ” แม่นมหูพูดปลอบโยน “มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือเจ้าคะ ค่อยๆ พูดมาเถิดเจ้าค่ะ แม่นมจะรับฟัง”
ฮูหยินสองจะไม่กลัวได้อย่างไร ค่ำคืนที่เงียบสงบ เสียงสวดมนต์ด้านนอกก็หยุดลงเช่นกันยิ่งทำให้ความฝันนั้นเหมือนจริงเสียจนนางรู้สึกกลัว
นางมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงเริ่มเล่าความฝันให้อีกฝ่ายฟัง
“แม่นม น้องสะใภ้สามมาหาข้า!” ฮูหยินสองร้องไห้ “ข้าทำผิดบาป นางเลยมาหาข้า!”
แม่นมหูได้ยินเช่นนั้นก็เหงื่อตก นางครุ่นคิดแล้วพูดปลอบใจฮูหยินสอง “ฮูหยิน สองวันนี้ท่านคงเหนื่อยมากเกินไป โบราณว่าไว้ว่าสิ่งที่คิดเมื่อตอนกลางวัน พอตกเย็นมักจะเก็บไปฝัน ท่านคงรู้สึกผิดต่อคุณหนูเจ็ดก็เลยฝันถึงเรื่องนี้ คงไม่ใช่ฮูหยินสาม…”
“ไม่ใช่!” เสียงของฮูหยินสองแหลมขึ้นเล็กน้อย นางจับมือแม่นมหูและอธิบายอย่างรวดเร็ว “มันเหมือนจริงเกินไป ท่านรู้หรือไม่ มือของนางเย็นมากราวกับเย็นไปถึงกระดูก ข้ายังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่เลย…”
ฮูหยินสองจับข้อมือของตนอีกครั้ง นางห้ามมือไม่ให้สั่นไม่ได้
“ข้าขอโทษนาง! ข้าขอโทษนางจริงๆ!” ฮูหยินสองร้องไห้ออกมา “ข้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด! แม่นม!”
ฮูหยินสองมีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว รับผิดชอบคนในเรือนมาหลายปีต่อหน้าผู้อื่นนางเป็นคนใจดี สุขุมหนักแน่น แม่นมหูจำไม่ได้ว่ากี่ปีแล้วที่ไม่ได้เห็นนางเป็นเช่นนี้ ตื่นตระหนกราวกับเป็นแม่นางรุ่นเยาว์
“ฮูหยิน…”
“นางบอกว่าจะแก้แค้นโดยมาลงที่ลูกของข้าแทน หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วข้าจะทำอย่างไรดี ลูกสาวข้าเป็นเช่นนั้นไปแล้ว หากเกิดเรื่องกับซานเอ๋อร์และลิ่วเอ๋อร์อีก ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร”
เห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วแม่นมหูทำได้เพียงออกแรงจับนางเอาไว้ “ฮูหยินเจ้าคะ!”
ฮูหยินสองถูกรวบตัวไว้สายตาของนางบัดนี้ดูว่างเปล่า…
แม่นมหูถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ในเมื่อฮูหยินเป็นกังวล งั้นท่านก็ต้องตอบแทนนางดีๆ! ฮูหยินสามเป็นคนมีเหตุผลหากนางรู้ว่าท่านไม่ได้มีเจตนา อีกทั้งยังต้องการชดเชยให้นางด้วยใจจริง นางจะต้องเข้าใจเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ชดเชย…” ฮูหยินสองพึมพำสติของนางเริ่มกลับมา “จริงสิ ชดเชย! ข้าจะชดเชยอย่างไรดี ดูแลเสี่ยวชีแน่นอนว่าได้อยู่แล้ว แล้วยังมีอันใดอีก…”
นางจำประโยคในความฝันนั้นได้
พี่สะใภ้สอง ข้าขอล่ะ! ข้าไม่เคยทำร้ายท่านเหตุใดจึงต้องมาลงเอยเช่นนี้!
ข้อขอร้อง!
ขอ…ฮูหยินสองหลับตาลงหรือว่านางควรร้องทุกข์ให้ฮูหยินสามดี
จะทำได้อย่างไร
นางจะทำได้อย่างไร!
…………
ณ สวนซิ่น
หยางชูมองเอกสารการชันสูตรพลิกศพ องครักษ์ชุดดำยืนหลังตรงอยู่ข้างกายราวกับปืนกระบอก
“ว่าอย่างไร…ใต้เท้าเจี่ยงยืนยันแล้วใช่หรือไม่ว่าคนผู้นั้นคือเกิงซาน”
องครักษ์ชุดดำตอบกลับ “ช่วงนั้นเกิงซานได้รับบาดเจ็บที่ขา และใต้เท้าเจี่ยงก็พบว่ามีรอยแผลเป็นที่กระดูกขาของเขา ความสูงและอายุล้วนสอดคล้องกันหมดขอรับ”
หยางชูพยักหน้าและถอนหายใจ “คาดไม่ถึงว่าสายลับเหรียญทองผู้สง่างามเพียงนั้นจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับตระกูลหมิงที่ไม่มีค่าให้จดจำนั่น!”
หวงเฉิงซือมีสายลับมากมายนับไม่ถ้วน แต่คนที่ได้รับเหรียญทองนั้นมีเพียงแค่ห้าคน
หยางชูเข้ามาในหวงเฉิงซือได้สามปี เขาเคยเจอสายลับเหรียญทองไปแล้วสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นไม่เผยใบหน้าให้เห็น ส่วนอีกสามคนนั้นไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ถึงเขาจะเป็นขุนนางในหวงเฉิงซือ แต่ก็ไม่มีทางรู้ที่อยู่ของพวกเขาได้
สายลับเหรียญทองแต่ละคนล้วนได้รับการฝึกฝนด้วยกำลังคนและเงินจำนวนมาก มีคำกล่าวภายในหน่วยว่าสายลับเหรียญทองหนึ่งคนมีค่าเท่ากับทหารชั้นยอดหมื่นนาย!
ในความเป็นจริงแล้วทหารชั้นยอดหมื่นนายอาจไม่สามารถทำในสิ่งที่สายลับเหรียญทองหนึ่งคนทำได้ด้วยซ้ำ
อย่างเช่นในรัชสมัยของไท่จู่ แคว้นฉีและแคว้นฉู่ได้ต่อสู้กัน เป่ยหูต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อบุกไปทางใต้ แต่เป็นเพราะสายลับเหรียญทองคนหนึ่งส่งข่าวมาบอกได้ทันเวลาทำให้ไท่จู่ถอนทหารและม้าได้ทันเวลา และทำลายแผนการของเป่ยหูลงได้
หากไม่มีข่าวในตอนนั้นแคว้นทางเหนือที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานอาจตกอยู่ในมือของเป่ยหูก็เป็นได้
เมื่อสิบปีก่อนคดีกบฏของหลิ่วหยางจวิ้นอ๋อง เป็นสายลับเหรียญทองนามว่าเกิงซานได้บอกข่าวก่อนที่จะเกิดเหตุด้วยเหตุนี้จึงไม่ก่อเกิดหายนะขึ้น การสูญเสียสายลับเหรียญทอง สำหรับหวงเฉิงซือแล้วถือเป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้
“สาเหตุการตาย…กระดูกคอหักงั้นหรือ” หยางชูไม่อยากเชื่อ “วรยุทธ์ของเกิงซานแข็งแกร่งมิใช่หรือ”
องครักษ์ชุดดำพยักหน้า “ขอรับ ในบัญชีรายชื่อระบุไว้ว่าวรยุทธ์ของเกิงซานติดอยู่ในอันดับหนึ่งของหวงเฉิงซือ”
“มันแปลกมาก” หยางชูพึมพำ “อันดับหนึ่งของหวงเฉิงซือที่ยากจะมีใครในใต้หล้าเป็นคู่แข่งได้ เขาจะถูกหักคอได้อย่างไร ตระกูลหมิงไปหาผู้มีฝีมือจากที่ใดมากัน”
เขาครุ่นคิดอยู่นานและถามว่า “ฉีตงจวิ้นอ๋องมีการเคลื่อนไหวใดหรือไม่”
องครักษ์ชุดดำส่ายหัว “ไม่เลยขอรับ”
หยางชูหัวเราะ “ท่านลุงผู้เป็นญาติของข้าท่านนี้ไม่ได้โง่จนเกินไป เวลานี้ควรเงียบไว้ก่อนยิ่งเขาเคลื่อนไหวมากเท่าใดก็ยิ่งมีโอกาสทำผิดพลาดมากขึ้นเท่านั้น”
“เกิงซานตายมาสิบปีแล้ว” องครักษ์ชุดดำกล่าว “แม้ว่าเราจะพบกระดูก แต่ก็ยากที่จะหาเบาะแสได้ ฉีตงจวิ้นอ๋องจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอันใดเลย”
“ก่อนหน้านี้เหลยหงบอกว่าเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับท่านลุง แต่ตอนนี้โครงกระดูกของเกิงซานถูกพบในตระกูลหมิง ข้าคิดว่าเขาคงไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหมิงได้ ตระกูลหมิงยังต้องทำเรื่องบางอย่างให้เขาอยู่”
หยางชูหัวเราะเสียงเย็น “ก่อนหน้านี้ตระกูลหมิงไม่เคยอยู่ในสายตาของข้ามาก่อน แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้วไม่สามารถละเลยพวกเขาได้จริงๆ การที่พวกเขาสามารถฆ่าเกิงซานได้ แสดงว่าตระกูลหมิงนี้ไม่ธรรมดาเป็นแน่”
“น่าเสียดายที่ฮูหยินสามเสียชีวิตไปแล้ว” องครักษ์ชุดดำกล่าว “ฟังจากที่คุณหนูเจ็ดเล่ามามีแนวโน้มมากที่ตระกูลหมิงจะส่งตัวนางออกไปรับแขก หากนางยังมีชีวิตอยู่ เราคงรู้ความลับของตระกูลนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ที่นางตายอาจเป็นเพราะว่านางรู้มากเกินไป” หยางชูหยุดพูดรอยยิ้มของเขาหายไป “ตอนนี้เรื่องสองเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว นี่อาจเป็นความต้องการของนาง”
องครักษ์ชุดดำไม่เข้าใจ “คุณชายขอรับ”
หยางชูกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องแปลกที่ฮูหยินสามตายไม่ช้าก็เร็วนางอาจต้องตาย แต่ที่นางตายในเวลานี้ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่มากกว่านั้น หากเราตรวจสอบการตายของเกิงซานก็จำเป็นต้องตรวจสอบตระกูลหมิง การเริ่มต้นลงมือจากสาเหตุการตายของฮูหยินสามเป็นเรื่องง่ายที่สุด มันอาจเป็นเรื่องเดียวกัน”
“แบบนั้นจะถูกต้องหรือขอรับ” องครักษ์ชุดดำกลับพูดว่า “คุณชายไม่จำเป็นต้องทำอันใดมากมายแค่ให้คุณหนูเจ็ดผู้นั้นจัดการให้พวกเรา หากนางต้องการแก้แค้นให้มารดานางต้องทุ่มเทสุดความสามารถเป็นแน่”
“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก” หยางชูพูดอย่างยินดี “งั้นเรามาคอยดูกันว่านางจะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อเรื่องราวต่างๆ ทำให้นางต้องมาเกี่ยวข้องด้วยถึงเพียงนี้แล้ว”
………………………………………………..
คอมเม้นต์