คู่ชะตาบันดาลรัก – ตอนที่ 155 ซื่อสัตย์
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นจี้หลิงก็หันไปมองเขา “ท่านพูดคำนั้นกับสตรี นี่ท่านยังเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า”
หยางชูที่ถูกสองพี่น้องรุมโจมตีรู้สึกโกรธจนควันแทบออกหู “ถามหาเหตุผลงั้นหรือ ท่านก็เห็นว่านางพูดสระสุราป่าเนื้อก่อน!”
“น้องของข้าแค่อธิบายว่าท่านเป็นคนเช่นไร ท่านต่างหากที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์!”
หยางชูพูดไม่ออกเขาแค่รู้สึกถึงคำว่าอยุติธรรมเขียนตัวใหญ่ๆ แปะบนใบหน้าของตนเอง นี่ช่างไร้ความเป็นธรรมเสียเหลือเกิน
เขาเอนกายนั่งลงอย่างอ่อนแรงยกพัดขึ้นปิดบังใบหน้า “เอาเถอะ พวกท่านว่าอย่างไรก็ตามนั้น”
เขายอมแล้ว แต่เหมือนจี้หลิงจะไม่ยอมปล่อยเขาไป “ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามเลย”
“แล้วข้าต้องตอบอะไร” หยางชูถามอย่างเบื่อหน่าย “ท่านตัดสินข้าในใจไปแล้วไม่ใช่หรือ”
ความโกรธของจี้หลิงพุ่งขึ้นอีกครั้ง “แล้วเมื่อคืนท่าน…”
หยางชูเลื่อนพัดลงเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มทางแววตาที่ดูมุ่งร้าย “หากข้าตอบว่าใช่ท่านจะทำอย่างไรจะตีข้าอีกสักยกหรือ เมื่อครู่ข้าแค่ยอมท่านต่อให้มีท่านสิบคนรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย หรือท่านคิดว่าผิดพลาดไปแล้วคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นยกน้องของท่านให้ข้า…” จี้หลิงชูหมัดขึ้นอีกครั้ง
“พี่ใหญ่!” หมิงเวยร้องขึ้น
จี้หลิงกลับไปนั่งอย่างไม่เต็มใจและพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “หากเป็นเช่นนั้นจริงถึงวันนี้ข้าจัดการท่านไม่ได้ วันข้างหน้าข้าจะทำให้ท่านทุกข์ทรมานให้ได้!”
หมิงเวยกุมหน้าผากและเตะหยางชู “ท่านพอได้แล้วเจ้าค่ะ อย่าแกล้งพี่ใหญ่ของข้า”
จากนั้นก็หันไปพูดกับจี้หลิง “พี่ใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว น้องกับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลยเจ้าค่ะ”
แต่จี้หลิงกลับไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรแล้วทำไมเขาถึงออกมาจากห้องของน้องได้ แล้วยังทำท่าทางเหมือนไม่ได้นอนอีก”
หมิงเวยตอบ “นั่นเป็นเพราะเมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลยต่างหากเจ้าค่ะ!”
“ไม่ได้นอนงั้นหรือ” แววตาของจี้หลิงมีความแปลกใจ “แล้วทำอะไรกันถึงยังไม่ได้นอน”
“….” หมิงเวยจนปัญญา ที่แท้พี่ใหญ่ผู้นี้ชอบจินตนาการไปเองในหัวของเขาคงคิดเรื่องพรรค์นั้นไปแล้ว
“คุณชายจี้ขอรับ” อาสวนพูดขึ้น “เมื่อคืนท่านเมามากเลยไม่ทราบว่ามีคนพยายามเข้ามาช่วยนักโทษ ไม่ใช่แค่คุณชายแม้แต่ใต้เท้าเจี่ยงก็ยังไม่ได้นอนขอรับ”
จี้หลิงดูสงสัย “เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ”
“หากคุณชายไม่เชื่อท่านสามารถไปขอคำยืนยันจากใต้เท้าเจี่ยงในภายหลังได้ขอรับ”
จี้หลิงครุ่นคิดแล้วถามออกไป “หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วทำไมท่านถึงออกมาจากห้องของน้องข้า”
“เพราะพวกเราพูดคุยกันทั้งคืน” หยางชูตอบ
“คุยเรื่องอะไรกัน” คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบ
หมิงเวยได้แต่ตอบไปว่า “พี่ใหญ่ ท่านจำสิ่งที่น้องบอกท่านก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ เรื่องที่น้องมีความดีความชอบในคดีกบฏนี้” จี้หลิงชะงักแล้วพยักหน้า
“สรุปแล้วคดีนี้น้องต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยตลอด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกส่วนตัวเจ้าค่ะ” หลังชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดในที่สุดจี้หลิงก็สงบลง
เมื่อรถม้าเตรียมพร้อมแล้วทุกคนจึงเก็บข้าวของแล้วเดินทางต่อ จี้หลิงไม่ได้นั่งรถม้าด้วย เขาขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถม้าของหมิงเวย แต่สายตามองไปยังหยางชูราวกับป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาใกล้
หมิงเวยทั้งโกรธทั้งขำ แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งในใจ ถึงแม้ความคิดของจี้หลิงจะผิดไปอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็ต้องการปกป้องนางจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของเขาสอดคล้องกันกับสามัญสำนึกมากกว่า ชายหญิงอายุน้อยทั้งยังอยู่ด้วยกันทั้งคืนผู้อื่นจะคิดอย่างไรกัน
มีเขาคอยปกป้องหมิงเวยก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ นางไม่ได้นอนมาทั้งคืนตอนนี้ง่วงจะตายอยู่แล้ว
……………
ขบวนนักโทษมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอย่างช้าๆ เดินทางตั้งแต่ฟ้าสางหยุดพักตอนกลางคืน ไม่หยุดแม้แต่วันเดียว ผ่านไปครึ่งเดือนเมืองหลวงอยู่แค่เอื้อม และไม่มีผู้ใดบุกเข้ามาชิงนักโทษอีก
ตอนนี้ขบวนกำลังจะข้ามหุบเขา แต่ก็แวะหยุดพักชั่วขณะ จี้หลิงพาเด็กรับใช้ไปตักน้ำและในที่สุดหยางชูก็หาโอกาสที่จะเข้าไปพูดคุยกับหมิงเวยได้สักที
“พี่ใหญ่ของท่าน ข้าล่ะอยากคารวะเขาจริงๆ! คอยกันข้ากับท่านอย่างกับกันหมาป่า!”
หมิงเวยที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในรถม้าพูดขึ้นว่า “ท่านไม่ใช่หมาป่าหรอกหรือเจ้าคะ”
“ข้าเหมือนหมาป่าตรงไหนกัน” หยางชูท้วงหาความยุติธรรม “ข้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาถึงเพียงนี้”
“เอาเถอะน่า!” หมิงเวยยิ้มเยาะ แต่ก็ไม่ได้ไล่เขาไป “ตกลงท่านมาหาข้าเพราะเรื่องนี้หรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” หยางชูมองไปรอบๆ แล้วถามนาง “นานขนาดนี้แล้วแต่ไม่มีการเคลื่อนไหว ท่านคิดว่าพวกเขาจะมาจริงๆ หรือ บางทีของสิ่งนั้นอาจไม่ได้สำคัญอะไรพวกเขาจึงคิดถอนตัวและหนีลอยนวลไปแล้วก็ได้”
หมิงเวยชูสองนิ้วขึ้น “มีความเข้าใจผิดอยู่สองเรื่องเจ้าค่ะ”
“อะไรงั้นหรือ”
“หนึ่ง สัญลักษณ์ยืนยันตัวตนไม่มีทางไม่สำคัญ ข้าแน่ใจว่าสัญลักษณ์พวกนี้มีพลังครอบอยู่ซึ่งจะมีผลต่อผู้ที่พกติดตัว แต่ถ้าให้เจาะจงผลลัพธ์ยังคงต้องตรวจสอบอีกที” หยางชูพยักหน้าเขาเชื่อในความสามารถของนาง
“เรื่องที่สอง พวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ อันที่จริงข้าสงสัยว่ารอบหน้าจำนวนคนที่มาต้องเยอะกว่านี้แน่” หมิงเวยปิดหนังสือ “พวกเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้เข้าไปถึงเมืองหลวง หากเป็นเช่นนั้นหวงเฉิงซือต้องหาวิธีสืบหาเบื้องลึกของพวกเขาแน่นอน”
หยางชูพยักหน้าต่อ “ข้าป้องกันเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ข้าส่งสัญญาณออกไปให้คนจากหวงเฉิงซือตอบกลับมาเร็วๆ นี้”
หมิงเวยเหลือบมองไปข้างนอกรถ “มิน่าล่ะถึงได้มีคนมากมายขนาดนี้”
หยางชูยิ้มอย่างมั่นใจ “คราวที่แล้วมีคนป้องกันไม่เพียงพอข้าจึงให้คนของหวงเฉิงซือมาอุดช่องโหว่ หากครั้งนี้พวกเขายังกล้าเข้ามาอีกข้าจะทำให้พวกเขาเข้ามาแล้วไม่สามารถออกไปได้อีกเลย!”
“พวกเขาเองต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเช่นกันเจ้าค่ะ” หมิงเวยไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น “การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายแน่ท่านอย่าประมาทล่ะ”
“วางใจเถอะ ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นว่าจี้หลิงกลับมาแล้วเขาก็รีบกระโดดลงจากรถ “ค่อยคุยกันต่อครั้งหน้า ข้าล่ะกลัวพี่ใหญ่ของท่านจริงๆ หากถูกเขาจับได้อีกข้าต้องถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะไปหลายวันแน่!”
ครั้งก่อนเขาถูกต่อยจนหน้าช้ำกว่าจะหายใช้เวลาไปหลายวัน ไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ใครเห็นจะขึ้นรถลงรถต้องเอาพัดปิดหน้าจนผู้อื่นคิดว่าคุณชายหยางมีนิสัยประหลาด!
หมิงเวยมองเขาวิ่งออกไปด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณจี้หลิงที่ไปเติมน้ำกลับมา จี้หลิงเห็นหลังของหยางชูจึงเอ่ยถาม “เขามาหาน้องหรือ”
หมิงเวยไม่โกหกเขา “เจ้าค่ะ มาพูดคุยด้วยไม่กี่คำ”
จี้หลิงตอบไปว่า “น้องอย่าไปพูดกับเขาบ่อยนัก” เกรงว่านางจะเข้าใจผิดจึงอธิบายไป “ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้น้องติดต่อผู้อื่นเพียงแต่เขาไว้ใจไม่ได้ แม้ว่าน้องจะมีสัญญาหมั้นหมายกับน้องห้า แต่ก็ไม่ได้เป็นทางการ หากน้องไม่เต็มใจพี่จะพูดแทนน้องให้เอง”
หมิงเวยยิ้ม “ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ แต่น้องจะพูดกับท่านลุงด้วยตัวเองแล้วอีกอย่างน้องยังไม่เคยพบพี่ห้าเลย!”
จี้หลิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ “น้องห้าเป้นเด็กดี พี่รับประกัน”
เมื่อคิดอีกทีเขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย “แต่อารมณ์ของเขาค่อนข้างแปลกไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า แต่เขาจะดีด้วยกับคนที่เขาคุ้นเคยเท่านั้น”
หมิงเวยสงสัยเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่เคยพูดไว้หลายครั้ง เขาแปลกอย่างไรหรือเจ้าคะ”
จี้หลิงยิ้มอย่างขมขื่น “น้องห้าเฉลียวฉลาดมากพูดได้ว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในครอบครัว หากเขาตั้งใจเรียนเขาต้องเก่งกว่าพี่แน่”
“อ้อ เขาไม่ชอบเรียนหรือเจ้าคะ”
“ใช่” จี้หลิงตอบไม่ถูก “เขาพูดตั้งแต่เด็กว่าไม่อยากรับราชการ แต่อยากเป็นเซียน ผู้ที่เขาติดต่อด้วยก็เป็นคนแปลกๆ สามลัทธิเก้าอาชีพล้วนมีหมด”
“เป็นเซียนงั้นหรือ” หมิงเวยแตะคาง น่าสนใจพี่ห้าคนนี้น่าสนใจกว่าที่คิดไว้เสียอีก!
…………………………………..
คอมเม้นต์