จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – บทที่ 13 สู่ฉากโศกนาฏกรรม
บทที่ 13 สู่ฉากโศกนาฏกรรม
เมื่อหมอเห็นทุกคนไปกันหมดแล้วจึงเร่งรีบลุกขึ้นมาและวิ่งไปทางประตูหลังของผับ ทางประตูหลังมีรถยนต์ไฮแลนด์เดอร์ จอดอยู่ หมอได้ขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ตระกูลไป๋ทรงอำนาจและอยู่คู่กับเมืองกู่เจียงมาเป็นเวลาหลายสิบปีแถมวันนี้ยังเป็นวันเกิดครบรอบ แปดสิบปีของพ่อใหญ่แห่งตระกูลไป๋ คนดังทั้งเมืองกู่เจียงพากันมาร่วมงาน รถหรูที่จอดหน้าบ้านตระกูลไป๋เยอะจนสามารถนำไปจัดงานมอเตอร์โชว์ได้เลย
เมื่อแขกผู้เยี่ยมเยือนทุกคนนั่งลง พ่อใหญ่แห่งตระกูลไป๋ที่ผมขาวโพลนแต่ท่าทางเต็มไปด้วยชีวิตชีวาสวมใส่ชุดสูทหน้าแดงระเรื่อมีหญิงสาวสองคนประคองเดินมา ทุก ๆ คนเดินมาข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดี!
“ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานวันเกิดของคนแก่อย่างฉัน วันนี้ฉันดีใจเป็นอย่างมากทุกคน ไม่ต้องเกร็งทำตัวตามสบายแล้วมาสนุกกัน เถอะ ฉันแก่มากแล้วแต่ก็ยังชอบความครึกครื้นอยู่นะ” เมื่อพ่อใหญ่พูดจบมีเงาคนหนึ่งพุ่งเข้ามาพอพุ่งถึงตัวพ่อใหญ่ด้านหน้า คนคนนั้นก็คือหมอ
สารรูปของหมอนั้นน่าสมเพชเหลือเกิน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร่างกายเต็มไปด้วยดิน ผมที่เปียกชโลมไปด้วยเหงื่อยุ่งเหยิงเหมือนรังนกใบหน้าที่เปื้อนคราบเลือด เขาพุ่งถึงด้านหน้าของพ่อใหญ่อย่างกะทันหันทำให้พ่อใหญ่ตกใจเดินถอยหลังสองก้าว
ในงานคนส่วนใหญ่นั้นรู้จักหมอ โดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรโลหิต เสี่ยวลู่ ด้วยสถานะอย่างเขาทำให้ได้แต่อวยพรให้พ่อใหญ่จากระยะไกลหมอสภาพอย่างกับคนบ้าหากเขาไม่นำตัวออกมาเขาต้องเดือดร้อนแน่ ๆ
“หมอ คุณกำลังทำอะไร วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของพ่อใหญ่คุณยังมีจิตสำนึกอยู่ไหม” เสี่ยวลู่เดินออกไปด้านหน้าเพื่อต่อว่าหมอ
“เสี่ยวลู่ นี่คือคนของเธองั้นหรอ?” พ่อใหญ่ไม่รู้จักหมอเพราะคนชนชั้นนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาเขา แต่พ่อใหญ่พอจะจำเสี่ยวลู่่ได้บ้าง
เสี่ยวลู่เป็นผู้ชายวัยสี่สิบ แต่เขาถูกเรียกเหมือนเด็ก ๆ ถ้าหากเป็นคนอื่นเขาคงอาละวาดไปแล้ว แต่เมื่อเป็นพ่อใหญ่ที่เขาเคารพเป็นอย่างมากเขาจึงรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่า
“พ่อใหญ่ คนนี้คือสมาชิกในกลุ่มพันธมิตรโลหิต วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาทำให้พ่อใหญ่ต้องตกใจ เดี๋ยวผมจะพาเขากลับไปอบรมสั่งสอนอย่างเคร่งครัดเองครับ” พ่อใหญ่พูดด้วยเหตุผลอย่างช้า ๆ “ควรอบรมสั่งสอนให้ดี เสี่ยวลู่ เธอเป็นคนมีหน้ามีตาทำไมลูกน้องไม่มีมารยาทอย่างนี้ สงสัยลูกน้องคนนี้เธอจะให้ทำแต่งานสบาย ๆ จนเคยตัวแล้วนะ!” เสี่ยวลู่ถึงกับเหงื่อตก คำพูดพวกนี้แสดงให้เห็นว่าพ่อใหญ่โกรธขึ้นมาแล้ว ด้วยสถานะของพ่อใหญ่พูดมาแค่หนึ่งประโยคตำแหน่งหัวหน้าของเขาจะหลุดมือไปทันที
“พ่อใหญ่อย่าได้ถือโทษโกรธกันเลย หมอนี้ก็แค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยเลยทำเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมา” เสี่ยวลู่พูดแก้ตัวแล้วมองไปทางหมอด้วย
สายตาที่อยากจะฆ่าหมอ กว่าเขาจะมายืนอยู่จุดนี้ได้ต้องเสียสละไปไม่น้อย ถ้าหากเพราะเรื่องนี้ทำให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง หมอก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป!!
“เป็นแบบนี้เองเหรอ?” พ่อใหญ่มองไปทางหมอ
หมอเกิดอาการสั่นเทาไม่ใช่เพราะกลัวพ่อใหญ่โกรธ แต่เป็นเพราะฉู่ชวิ๋น ถึงแม้ตอนนี้เขาจะปลอดภัยเขาสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่ล้อมรอบตัวเขา
“ตุ๊บ!” หมอคุกเข่าลง
“พ่อใหญ่ ผมรู้ด้วยอำนาจของพ่อใหญ่ไม่มีอะไรลอดผ่านสายตาของท่านไปได้ วันนี้ที่ผมเข้ามาก็เพราะผมมีเรื่องที่ต้องแจ้งท่านให้ได้” หมอบีบน้ำตาสองหยดร้องไห้แล้วพูด
“เรื่องอะไร” พ่อใหญ่ถามขึ้น
“ผมเผอิญไปเจอคนจากกลุ่มเหยี่ยวมังกรต้องการจับตัวหวังซง หวังซงเป็นคนจากตระกูลไป๋ ด้วยความเคารพรักที่ผมมีต่อตระกูลไป๋ดังนั้นผมเลยยอมสู้ตายเพื่อปกป้องเขา แต่จำนวนคนที่น้อยกว่าทำให้ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ พี่น้องของผมสิบกว่าคนไม่มีใครรอด มีเพียงผมที่หนีรอดมาได้จึงต้องมาขอร้องพ่อใหญ่ได้โปรดช่วยผมด้วย…”
“หวังซงคือใคร?” พ่อใหญ่ถามด้วยความสงสัย
หัวหน้าตระกูลไป๋ ไป๋เหรินอัน เดินขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “หวังซงคือญาติของพวกเราครับพ่อ”
“หน่อยแก!” พ่อใหญ่เมื่อรู้แบบนี้ก็ตะคอกออกมา “แกเป็นหัวหน้าตระกูลภาษาอะไร แม้แต่กลุ่มเล็ก ๆ อย่างกลุ่มเหยี่ยวมังกรยังกล้าที่จะท้าทายพวกเราตระกูลไป๋”
“ท่านพ่อได้โปรดใจเย็นลงก่อน!” ไป๋เหรินอันรีบพูดแล้วหันหน้าไปทางเสี่ยวลู่ “คนของแกมันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ฉันว่าแกก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ”
เสี่ยวลู่หนังหัวชาแต่ภายในใจกลับรู้สึกสงสัยบางอย่างเลยมองไปทางหมอแล้วพูดขึ้นว่า “กลุ่มเหยี่ยวมังกรและกลุ่มของพวกเราเป็นพันธมิตรกันทำไมต้องลงมือกับหวังซงอย่างกะทันหัน แล้วพวกเขามากันกี่คน”
“เดิมทีมาแค่ เจ็ดถึงแปดคน ทั้งหมดโดนผมจัดการแล้วหลังจากนั้นก็มาอีกสี่คน”
หมอยังไม่ทันพูดจบเสี่ยวลู่ก็ตะโกนขึ้น “ตลกแล้ว เจ็ดถึงแปดคนพวกแกยังจัดการได้แต่อีกสี่คนกับฆ่าพวกแกทั้งหมดสิบกว่าคนได้ยังไง นี่มันเรื่องไร้สาระชัด ๆ” หมอหัวชุ่มไปด้วยเหงื่อรีบหันไปทางพ่อใหญ่คำนับพร้อมร้องไห้ออกมา
“ผมไม่กล้าที่จะพูดโกหก ถึงแม้ว่าจะมาแค่ สี่คนแต่คนที่ลงมือมีเพียงแค่หนึ่งคนนะครับ”
“หนึ่งคน?” เสี่ยวลู่อุทานด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ไม่ใช่แค่เสี่ยวลู่ ผู้คนรอบ ๆ ต่างส่ายหัวไปมาคิดว่าหมอพูดเรื่องล้อเล่นตั้งแต่แรกแล้ว
หมอเริ่มกระวนกระวาย “ที่ผมพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เพียงแค่พริบตาเดียวคนของผมก็ตายหมดแล้วพวกเขายังฝากผมมาบอกอีกว่า”
“ว่ายังไง?” ไป๋เหรินอันพูดอย่างสงสัย
“พวกเขาพูดว่าให้เวลาพวกคุณหนึ่งวันนำตัวหวังซงส่งให้กลุ่มเหยี่ยวมังกรไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมาพาไปด้วยตนเอง”
“สารเลว” พ่อใหญ่ตะโกนเสียงดัง มีคนกล้าคุกคามตระกูลไป๋ เขาชี้ไปที่หมอและพูดขึ้นมา “นำตัวหมอมา” หมอตกใจกลัวจนตัวสั่นถ้าโดนคนของตระกูลไป๋พาตัวไป ไม่ตายก็พิการ!
“พ่อใหญ่ ที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงคนคนมันไม่ใช่คนแล้ว เขา….” หมอยังไม่ทันพูดจบทันใดนั้นก็นำมือมาบีบคอตัวเองจนตาเหลือก
“ช่วย…….ผมด้วย…” หมอขอความช่วยเหลือจากพ่อใหญ่ “แผละ แผละ!”
ลูกกระตาทั้งสองข้างของหมอหลุดออกจากเบ้าตามาอยู่ตรงปลายเท้าของพ่อใหญ่ เศษเนื้อและเลือดกระเด็นไปติดรองเท้าของพ่อใหญ่
พ่อใหญ่ตกใจถอยไปด้านหลังจนล้มลงกับพื้น ทุกคนเหมือนถูกมนต์สะกดเอาไว้ไม่มีใครสนใจพ่อใหญ่ที่ล้มลงไป ทุกคนได้แต่มองไปที่หมออย่างตกตะลึง
ดวงตาของหมอหลุดออกมาเหลือเพียงเบ้าตาทั้งสองแล้วมีเลือดสีดำไหลรินลงมาจากดวงตาทุกคนรอบ ๆ ต่างก็หวาดกลัว จู่ ๆ ปากของหมดก็อ้ากว้างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด จนในที่สุดปากของเขาก็ฉีกขาด
คอของเขาหมุนไปมาจนทุกคนได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่น ในที่สุดหัวของเขาก็หมุนไปร้อยแปดสิบองศาถึงได้ยอมหยุดลง ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังของหมอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ได้แต่พากันหวีดร้องอย่างไม่หยุด
ในขณะที่หัวใจของแขกที่มาร่วมงานแทบจะหยุดเต้น ร่างของหมอก็ “ปัง”ระเบิดแล้วล้มลงกับพื้น จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีกเลย คราวนี้คนของตระกูลไป๋เงียบกริบ
อากาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น ซ้ำยังมีคนที่ตกใจจนฉี่แตกออกมา บางคนตกใจจนตาเหลือก บางคนก็เป็นลมหมดสติไปเลย
ตระกูลไป๋ไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ แถมยังเป็นตระกูลดังในเมืองกู่เจียง เป็นตระกูลที่ทรงอำนาจซ้ำวันนี้ยังเป็นวันครบรอบอายุ แปดสิบปีของพ่อใหญ่ แต่ดันเกิดเรื่องที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดเอาไว้
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขาใหญ่จากทุกสารทิศที่ได้สติต่างพากันกลับบ้าน ในอดีตที่ผ่านมาพวกเขาภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกตะกูลไป๋ ตอนนี้พวกเขาอยากหนีห่างออกไปให้ไกลเมื่อเห็นหมอที่ตายอย่างน่าหวาดกลัวทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็นงานฉลองวันเกิดครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ สุดท้ายกลายเป็นเพียงโศกนาฏกรรม
อีกด้านฉู่ชวิ๋นก็ได้กลับที่พักของกลุ่มเหยี่ยวมังกรแล้ว
“คุณท่านตอนนี้เที่ยงแล้ว ผมเตรียมอาหารมื้อเที่ยงมาให้” ซุนหยิงที่ตอนนี้มองไปทางฉู่ชวิ๋นอย่างเคารพ
“ไม่ต้องแล้ว”! ฉู่ชวิ๋นโบกมือพร้อมพูดขึ้น
“ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากรบกวนนาย”
“ไม่ ๆ ไม่รบกวนหรอกครับ” เดิมทีซุนหยิงที่กำลังโศกเศร้าอยู่ก็เกือบกระโดดลุกขึ้นอย่างดีใจ “คุณท่านกรุณาสั่งมาได้เลยครับ”
“ไม่มีอะไรมากแค่อยากให้ช่วยไปตรวจสอบสามคนนี้” ฉู่ชวิ๋นยิ้มและพูดออกมา
“คุณท่านพูดมาได้เลย ผมรับรองไม่ว่าจะเป็นใครที่ไหนจะรีบตรวจสอบให้ยันบรรพบุรุษเลยครับ” ซุนหยิงดีใจจนออกปากรับประกันไป ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตลก ซุนหยิงเหมาะที่จะเป็นนักเลงจริง ๆ เพราะเขาให้ความรู้สึกเป็นคนในวงการจริง ๆ
“เจิ้งเหลียง จ้าวเย้โป หลี้อี้หมิง ทั้งสามคนนี้เป็นคนในพื้นที่ อายุยี่สิบสี่ เพิ่งจบจากมหาลัยกู่เจียงได้ไม่นาน จำเอาไว้อย่าทำร้ายพวกเขา” ฉู่ชวิ๋นพูด ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรูมเมทเขาและอยู่ในตอนที่เขาโดนจับ บางทีพวกเขาอาจจะรู้อะไร
“คุณท่านวางใจได้ผมจะไปสืบเดี๋ยวนี้” ซุนหยิงรับปากทันที เมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่ชวิ๋นก็พยักหน้า ซุนหยิงเร่งรีบออกไป เรื่องที่ฉู่ชวิ๋นมอบหมายให้เขาแม้แต่เพียงนาทีเดียวก็ไม่อยากเสียเวลา
“คุณท่านอยากกลับไปที่บ้านไหมครับ ผมจะส่งท่านกลับไป” เฉินฮั่นหลงถามขึ้นมา
“นายกลับไปก่อนเถอะฉันอยากเดินเล่นรอบ ๆ นี้หน่อย” เมืองกู่เจียงเปลี่ยนไปมาก นี่กลับมาได้กี่วันแล้วเขายังไม่มีเวลาได้เที่ยวชมเลย
“ผมไปกับคุณท่านได้ไหมครับ?” เฉินฮั่นหลงถามอย่างระวัง ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ปฏิเสธมีคนขับรถไปด้วยก็ดีเหมือนกัน
“ว่าแต่ คุณท่าน พวกเราจะไปไหน?” เฉินฮั่นหลงถาม
“มหาลัยกู่เจียง!”
คอมเม้นต์