จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – บทที่ 31 เยี่ยมเยียนถางโร้ว
บทที่ 31 เยี่ยมเยียนถางโร้ว
วันต่อมา ตอนที่ฉู่ชวิ๋นยังฝึกวิชาอยู่นั้นก็ถูกเฉินฮั่นหลงรบกวนอีกครั้ง หลังจากที่เฉินฮั่นหลงเดินเข้ามาแล้วเห็นสีหน้าไม่พอใจของฉู่ชวิ๋น เขาก็ตกใจมาก เขาพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองรบกวนการฝึกฝนของฉู่ชวิ๋นเข้าให้แล้ว
แต่ฉู่ชวิ๋นก็ต้องจำใจยอม สำหรับเฉินฮั่นหลงนับว่าเป็นคนดีที่น่าใช้งาน ฉู่ชวิ๋นไม่อยากตำหนิเยอะเหมือนกัน เขาหยิบเอาหยกที่ลงคาถาออกมาแล้วหลังจากนั้นก็โยนให้เฉินฮั่นหลง
“รับอันนี้ไปสิ หลังจากนี้นายจะสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามอิสระแล้ว” หยกอันนี้เปรียบเสมือนกุญแจเข้ามายังค่ายกล
เฉินฮั่นหลงดีใจมาก ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่จริง ๆ นอกจากฉู่ชวิ๋นแล้วตอนนี้เกรงว่าจะมีเขาแค่คนเดียวที่สามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามอิสระ
ตอนนี้เขาก็นับว่าเป็นคนอำนาจของเทพเจ้า? ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข ใบหน้าฉีกยิ้มกว้างออกมา
“นายท่าน เมื่อวานผมติดต่อไปหาไป๋เหรินเจี๋ยแล้ว ที่อยู่ที่ถูกต้องของบ่อนการพนันจินหยินฮัวก็เจอแล้ว……”
ฉู่ชวิ๋นโบกมือให้เฉินฮั่นหลงหยุดพูดและพูดออกมาเองว่า “พรุ่งนี้ตอนกลางคืนพวกเราจะไปเปิดหูเปิดตาดูสักหน่อย”
“ได้ครับ!” เฉินฮั่นหลงในใจรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าฉู่ชวิ๋นไม่พูดว่าให้พาคนอื่นไปด้วยแสดงว่าฉู่ชวิ๋นจะไปกับเขาแค่สองคน เฉินฮั่นหลงเลียแข้งเลียขาฉู่ชวิ๋นอย่างภาคภูมิใจ
“นายท่าน งั้นผมไปเก็บรวบรวมหยดน้ำก่อนนะครับ” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ฉู่ชวิ๋นจะดีกับเขามากแต่เขาก็ไม่อาจลำพองใจได้ เขาตักเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา สำหรับฉู่ชวิ๋นเขาต้องเคารพและดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลาไม่งั้นชีวิตน้อย ๆ ของเขาคงรักษาไว้ไม่ได้
“ไปเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นโบกมือ
เฉินฮั่นหลงโค้งคำนับและวิ่งออกไปดีใจเหมือนกับเด็ก เขาขึ้นไปหยิบตู้นิรภัยที่ใช้ใส่เงินออกมา ฉู่ชวิ๋นใช้สายตาเพ่งมองและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ถึงกับทำแบบนี้เลยเหรอ? เฉินฮั่นหลงเปิดตู้เซฟนิรภัย ด้านในคือขวดแก้วหนึ่งแถวที่โปร่งใสและละเอียดงดงาม
“นายคิดจะใช้ของพวกนี้ใส่หยดน้ำพวกนี้?” ฉู่ชวิ๋นถาม เฉินฮั่นหลงพยักหน้า ของพวกนี้เขาตั้งใจเตรียมเป็นพิเศษ
“ถ้านายใช้ขวดพวกนี้ใส่ ถ้าเอากลับไปประสิทธิภาพยาสมุนไพรจะเหลือเพียงแค่หนึ่งในสิบแล้ว เรื่องทำให้เจือจางก็ไม่จำเป็นต้องทำแล้วแถมไม่ถึงสองวันหยดน้ำพวกนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากน้ำเปล่าเลย” ฉู่ชวิ๋นพูด
“เอ๋?” เฉินฮั่นหลงตกตะลึงและรีบพูดขึ้นมา”นายท่านงั้นผมควรทำยังไงดี”
“หยดน้ำพวกนี้มีพลังวิญญาณแฝงอยู่ด้วย ต้องมีขวดที่สร้างจากหยกถึงจะสามารถรักษาพลังวิญญาณไม่ให้กระจัดกระจายออกไปได้และคุณภาพของหยกที่ใช้ทำขวดต้องดีมากด้วย” เฉินฮั่นหลงเข้าใจในทันที ตัวเขาพิจารณาไม่รอบคอบพอ
“นายท่าน ยังมีจุดที่บกพร่องอื่นที่ต้องระวังไหมครับ?”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า “ก่อนหน้านี้นายพูดไปแล้วไม่ใช่เหรอหยดน้ำพวกนี้ต้องทำให้เจือจาง? แต่นอกจากฉันที่อยู่ที่นี่แล้ว คงไม่มีใครทำให้มันเจือจางลงได้ ถ้านายไปทำอะไรมันก็คงเป็นได้แค่เพียงน้ำเปล่า”
“งั้นผมควรทำยังไงดี?” เฉินฮั่นหลงไม่อยากยอมแพ้ เขามีความเชื่อมั่นว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จ เขาจะใช้น้ำเทพเซียนพวกนี้ทำให้ฉู่ชวิ๋นกลายเป็นคนที่รวยเท่ากับประเทศมหาอำนาจ!
“เอาแบบนี้สิ นายเลือกสถานที่ดี ๆ พอถึงเวลานั้นฉันจะช่วยนายแก้ไขปัญหา” ฉู่ชวิ๋นพูดท่าทางสบาย ๆ แค่เขาสร้างค่ายกลวิญญาณขึ้นมาก็สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้
เฉินฮั่นหลงดีใจมากจนรีบพูดขึ้นมา “สถานที่ผมหาได้ จัดเตรียมที่สำนักงานใหญ่กลุ่มเหยี่ยวมังกร ตอนนี้ก็เหลือแค่แก้วหยกแล้ว ให้ผมได้เตรียมการสักสองถึงสามวัน”
“นายท่าน ถ้าหากว่านายท่านมีเวลา ตอนนี้พวกเรา……” ฉู่ชวิ๋นโบกมือขึ้นทำให้เฉินฮั่นหลงหยุดพูดทันที
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร”
“นายท่านมีเรื่องอะไรที่ต้องทำไม? เชิญสั่งมาได้เลย ผมจะไปจัดการให้” ในเมื่อฉู่ชวิ๋นพูดว่าไม่รีบร้อน เฉินฮั่นหลงก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรเหมือนกัน
“นายรู้จักบริษัทเอ็นเตอร์เทรนเมนต์ที่ถางโร้วอยู่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“คุณถางโร้วอยู่บริษัทฮ๋วนยวี่เอ็นเตอร์เทรนเมนต์ครับ” เฉินฮั่นหลงตอบทันที นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของฉู่ชวิ๋นและถางโร้ว ไม่ธรรมดาเขาที่เห็นความสัมพันธ์นี้ช่วยเหลือ
ถางโร้วอย่างสุดความสามารถและเขายังให้สมาชิกชั้นยอดของกลุ่มเหยี่ยวมังกรไปเป็นเงาตามตัวคอยปกป้องดูแลถางโร้วให้อีกด้วย
“นายไปทำงานของตัวเองถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องออกไปทำ” ฉู่ชวิ๋นคิดที่จะไปหาถางโร้ว เขาบอกเธอไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวถางโร้วสักหน่อยนี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้วยังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย
“นายท่าน ให้ผมไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไปเองได้”
“งั้นนายท่านขับรถไปเถอะ มี GPS บอกทางจะได้สะดวกสบายขึ้นหน่อย” ฉู่ชวิ๋นคิดตามก็คิดว่าถูกของเฉินฮั่นหลงมันเหมือนกัน เขายังไม่รู้จริง ๆ ว่าบริษัทฮ๋วนยวี่เอ็นเตอร์เทรนเมนต์อยู่ที่ไหน?
เขตพักผ่อนที่ตั้งอยู่ห้องโถงใหญ่ในฮ๋วนยวี่เอ็นเตอร์เทรนเมนต์ ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ
รูปร่างหน้าตาที่งดงามของคนที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์แต่นิสัยดื้อรั้น ผู้หญิงที่เป็นพนักงานต้อนรับพยายามขัดขวางเขาอย่างเต็มที่ไม่ให้ขึ้นไปไม่ได้นัดแล้วยังจะพยายามขึ้นไปอีกเหรอ? นี้คือสิ่งที่พนักงานต้อนรับคิด
“เสี่ยวหมิ่น เธอเฝ้าดูเขาไว้ให้ดี คนนี้ทำลับ ๆ ล่อ ๆ แม้แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่มี หมายเลขก็ไม่มีเหมือนกันและยังคุยโวอย่างหน้าไม่อายว่าตัวเองเป็นพี่ของคุณถางโร้ว ฉันดูแล้วเขาก็คือแฟนคลับที่มีสมองโง่ ๆ กลวง ๆ ที่อยากจะขึ้นไปหานี้ละ” พนักงานต้อนรับรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มาวิเคราะห์ให้พนักงานรุ่นน้องฟังอยู่หน้าเวที
“แต่ฉันดูแล้วเขาไม่เหมือนคนไม่ดีนะ? ไม่แน่เขาอาจเป็นพี่ของคุณถางโร้วจริง ๆ ก็ได้” ฮ่าวหมิ่นพูดเสียงเบา ๆ เธอมองฉู่ชวิ๋นแล้วยังไงก็ไม่เหมือนคนไม่ดี
“เธอเป็นเด็กที่พึ่งจะออกมาจากมหาลัยถึงได้ใสซื่อขนาดนี้ เชื่อคนง่ายขนาดนี้ไม่แปลกที่จะถูกหลอก คนไม่ดีแน่ ๆ มองยังไงก็คนไม่ดีเห็นไหม?”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องมาแต่แล้ว ฟังฉันให้ดี ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่มองแล้วเหมือนไม่มีพิษมีภัย แต่จริง ๆ แล้วในใจก็คือโรคจิต พวกเขาเพื่อที่จะได้เจอดาราไอดอลเรื่องอะไรก็ล้วนทำออกมาได้หมดนั้นละ”
“……”
“……”
พวกเธอทั้งสองคิดว่าพูดเสียงเบาแล้วฉู่ชวิ๋นจะไม่ได้ยินหรือไง ฉู่ชวิ๋นไม่ได้พูดอะไร บทสนทนาของทั้งสองคนทุกคำพูดที่พวกเธอพูดออกมาก็ เขาได้ยินเต็มสองรูหู
เวลานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างเซ็กซี่เร่าร้อน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ ด้านหลังของเธอมีบอดี้การ์ดและผู้จัดการไม่กี่คนเดิมตามมาด้วย
ผู้หญิงคนนี้เป็นดาราหน้าใหม่ที่โด่งดังเหมือนกันกับถางโร้ว เฉินเชี่ยนเชี่ยน พนักงานสองคนที่คุยกันอย่างสนิทสนมอยู่หน้าเคาน์เตอร์พูดคุยกันเพลินจนกระทั่งเฉินเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ตรงนั้นแล้วทั้งสองคนก็ยังไม่เห็นอีก
เฉินเชี่ยนเชี่ยนที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนพูดก็ใช้สายตามองไปยัง ฉู่ชวิ๋นที่อยู่ในเขตพักผ่อน
“พวกเธอพูดว่าเขาคนนั้นมาหาถางโร้วงั้นเหรอ?” ทันใดนั้นเฉินเชี่ยนเชี่ยนก็ถามขึ้นมา ทำให้พนักงานต้อนรับทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกันก็ตกใจ หลังจากที่รู้ว่าคนนั้นคือเฉินเชี่ยนเชี่ยนทั้งสองคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบทักทาย
“คุณเฉิน สวัสดีค่ะ!”
เฉินเชี่ยนเชี่ยน พยักหน้าแล้วชี้ไปยังฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง “เขามาหาถางโร้ว?”
“ใช่ค่ะคุณเฉิน เขาพูดว่าเขาเป็นพี่ชายของคุณถางโร้ว”
“อ่อ…พี่ชาย?” เฉินเชี่ยนเชี่ยนทำเสียงประหลาดใจ แววตาที่เปล่งประกายระยิบระยับหลายครั้ง เฉินเชี่ยนเชี่ยนหันหลังกลับและเดินไปหาฉู่ชวิ๋น เมื่อเธอเห็นรูปร่างหน้าตาของฉู่ชวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามรูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณยิ่งละเอียดอ่อนเหมือนเด็กทารก เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เธอยิ้มอย่างน่ารักและพูดขึ้นว่า “สวัสดีสุดหล่อ! คุณมาหาถางโร้วใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นเห็นเธอตั้งแต่แรกแล้ว เขาขมวดคิ้วสังเกตเล็กน้อย เพราะเขาฝึกตนสุขภาพร่างกายของเขาก็เลยบริสุทธิ์เป็นพิเศษ เขาเห็นว่าร่างกายของเฉินเชี่ยนเชี่ยนมีกลิ่นที่หยาบโลนและสกปรกทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ว่าเขาก็ยังมีมารยาทลุกขึ้นมายิ้มและพูดตอบกลับ “ใช่ครับ”
“ฉันพาคุณไปหาได้นะ!” เฉินเชี่ยนเชี่ยนพูด
“ขอบคุณครับ!”
“ไม่เป็นไร มากับฉันเถอะ”
ขึ้นมาถึงชั้นสาม เฉินเชี่ยนเชี่ยนก็พาฉู่ชวิ๋นมายังหน้าห้องหนึ่งและเคาะประตู ผู้จัดการหลิวซินของถางโร้วคือคนปิดประตู เธอเคยเจอฉู่ชวิ๋นมาแล้ว
หลิวซินมองเห็นเฉินเชี่ยนเชี่ยน สีหน้าไม่สู้ดี กำลังเตรียมจะพูดทันใดนั้นก็เห็นฉู่ชวิ๋นที่อยู่ด้านหลัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ หลังจากนั้นก็ปิดประตูดัง “ปัง” อย่างไว เฉินเชี่ยนเชี่ยนมองฉู่ชวิ๋นอย่างสงสัย ฉู่ชวิ๋นก็งงงันทันที!
ไม่นานประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้งมีผู้หญิงรูปร่างสวยงามคนหนึ่งรีบเดินออกมา
“พี่ฉู่ชวิ๋น!” ถางโร้วพูดเสียงหวาน! นิสัยของเธอเป็นคนเงียบ ๆ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าในใจขอเธอดีใจและมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้เจอฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นลูบหัวถางโร้วเบาหลังจากนั้นก็หันไปหาเฉินเชี่ยนเชี่ยน “ขอบคุณมากครับ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ!” เฉินเชี่ยนเชี่ยนบอกลาอย่างวางตัวหลังจากที่หันหลังกลับสีหน้าก็เปลี่ยนไปรอยยิ้มที่แปลกประหลาดก็ปรากฏออกมา
“พี่ฉู่ชวิ๋น รีบเข้ามาเร็ว” ถางโร้วดึงฉู่ชวิ๋นกลับเข้ามาในห้อง ฉู่ชวิ๋นก็สังเกตรอบ ๆ ห้องตามอำเภอใจ ที่นี่น่าจะเป็นห้องพักผ่อนของถางโร้ว
หลังจากที่นั่งลง หลิวซินก็นำแก้วชามาให้ฉู่ชวิ๋น
“ขอบคุณครับ!” ฉู่ชวิ๋นรับแก้วชามาหลังจากนั้นก็มองเธอและถามขึ้นมาตามอำเภอใจ “ดูจากลักษณะท่าทางเมื่อกี้แล้วคุณไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น?”
“ไม่ใช่ค่ะ” หลิวซินส่ายหน้า เธอแค่รู้สึกกลัวฉู่ชวิ๋นนิดหน่อย แม้แต่คนที่มีอำนาจอย่างเฉินฮั่นหลงยังยอมทำตามคำสั่งฉู่ชวิ๋น คนแบบนี้เธอจะไม่กลัวได้ไง?
แถมเมื่อกี้เฉินเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนพาฉู่ชวิ๋นขึ้นมา ถ้าหากว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน ถ้าเกิดตัวเองไปพูดจาว่าร้ายเฉินเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหาเรื่องตายหรอกเหรอ?
ความรู้สึกของฉู่ชวิ๋นว่องไวและเฉียบแหลมมาก เขาสังเกตเห็นว่าหลิวซินกลัวเขาแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องกลัวเขา?
“จริง ๆ แล้ว ฉันก็ไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาก่อน ถางโร้วมองฉู่ชวิ๋นอย่างประหลาดใจและพูดว่า “พี่ฉู่ชวิ๋นรู้จักเฉินเชี่ยนเชี่ยนมาก่อนเหรอคะ?
“ไม่รู้จัก วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันน่ะ”
“งั้นทำไมพี่ฉู่ชวิ๋นถึงไม่ชอบเธอล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยความอยากรู้
ฉู่ชวิ๋นคิดและพูดขึ้นมาว่า “กลิ่น กลิ่นร่างกายบนตัวเธอทำให้ฉันไม่สบายใจน่ะ”
ถางโร้วและหลิวซินก็มองหน้ากัน ถึงแม้พวกเธอจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรแต่คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก?
“โอเค ไม่พูดเรื่องคนอื่นแล้ว ฉันว่าคืนนี้จะไปเยี่ยมคุณลุงถางและคุณป้าซ่ง ไม่รู้ว่าจะสะดวกหรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นถามถางโร้วทันที
“แน่นอนว่าสะดวกอยู่แล้ว ฉันพูดกับพ่อว่าเจอพี่มา พวกเขายังไม่เชื่อเลย! ถ้าหากว่าพี่ไปให้พวกเขาเห็นพี่ในตอนนี้จะต้องตกใจแน่นอน” ถางโร้วพูดอย่างดีอกดีใจ เวลานี้หลิวซินที่อยู่ด้านข้างที่มีคำพูดอย่างจะพูดออกมาแต่ก็หยุดพูดไป
“พี่ฉู่ชวิ๋น ขอโทษนะ! เดี๋ยวฉันต้องรีบไปถ่ายโฆษณา…..” สีหน้าถางโร้วเต็มไปด้วยความเสียดายใจ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า “ยังมีอะไรให้ต้องขอโทษอีก ไป ฉันจะไปส่งเธอ วันนี้ฉันจะเป็นคนขับรถให้เธอเอง”
“จริงเหรอ พี่ฉู่ชวิ๋นใจดีเกินไปแล้ว!” ถางโร้วกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
ทั้งสามคนเดินออกมาจากบริษัทแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เปิดประตูรถด้านหลังและโค้งตัวผายมือให้ “เชิญครับ”
ถางโร้วหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะนั่งข้างหน้า” พูดจบก็เดินไปดึงประตูข้างคนขับและเข้าไปนั่ง
ฉู่ชวิ๋นมองหลิวซินยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “เชิญขึ้นรถครับ”
ทันใดนั้นหลิวซินก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ฉู่ชวิ๋นเปิดประตูรถให้เองกับมือ เธอกล้านั่งสะเปะสะปะที่ไหนกัน ฉู่ชวิ๋นกลุ้มใจนิดหน่อย ถอยหลังไปสองก้าว หลิวซินถึงจะขึ้นรถอย่างระมัดระวัง และปิดประตูด้วยตัวเอง
“พี่ฉู่ชวิ๋น รีบขึ้นรถเถอะ” ถางโร้วตะโกนเรียก
“เสี่ยวโร้ว พวกเธอรอฉันสัก สองถึงสามนาที!” ฉู่ชวิ๋นยิ้มพูด ฉู่ชวิ๋นหันไปทางด้านข้างตึกใหญ่และเดินไปทางนั้น
“รีบไป ดูเหมือนว่าเขาจะเจอพวกเราแล้ว” ผู้ชายสองคนที่ถือกล้องอยู่มองเห็นฉู่ชวิ๋นที่เดินเข้ามาก็เก็บของและเตรียมตัววิ่ง แต่สุดท้าย ตอนที่พวกเขากำลังหันหลังก็เจอชายวัยฉกรรจ์จ้องมองพวกเขาอยู่
ทั้งสองคนตื่นตระหนก ภาวนาในใจว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้มองพวกเขา สุดท้ายยังไม่ได้รอให้พวกเขาภาวนาเสร็จ กลุ่มวัยฉกรรจ์ก็สาวเท้าพุ่งเข้ามาบิดแขนของพวกเขาก่อนใช้ฝ่ามือฟาดไปที่หัวของพวกเขาให้ล้มลงไป
คอมเม้นต์