ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 81 เจ้าจะต้องดีใจกับความเมตตาของข้า
ลากคอเย่ว์หนานซีมาอย่างนั้นหรือ
เย่ว์หนานซีตายแล้วไม่ใช่หรือ
ตระกูลเย่ว์เพิ่งจัดห้องโถงไว้ทุกข์ให้เขาไปมิใช่หรือ เกรงว่าแม้กระทั่งโลงศพก็ยังเตรียมไม่ทัน
ผู้คนโดยรอบต่างพากันตกตะลึง
พวกเขาไม่รู้ว่าเจียงหลีจะกระทำการอะไร แต่เย่ว์ชิงหลิวสามารถคาดเดาได้ สายตาเคียดแค้น ความโกรธพุ่งออกมา เขากัดฟันพูด “เจียงหลีเจ้ากล้ารึ”
เจียงหลีกระตุกคิ้วยิ้ม “นอกจากเจ้าจะถามว่าข้ากล้าหรือเปล่าแล้วเจ้าพูดคำอื่นบ้างได้ไหม”
คราวก่อนเย่ว์ชิงหลิวก็เอาแต่ถามนางว่ากล้าหรือไม่กล้า ฉะนั้นนางจึงฆ่าเย่ว์หนานซีให้ตายซะ
ตอนนี้เขาถูกลู่จ้านฟาดฟันเสียจนปีนขึ้นมาไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาถามนางกล้าหรือเปล่าอีก แน่นอนว่านางกล้า ทันใดนั้นเจียงหลีก็หุบยิ้มดวงหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเลือดเย็น “ใครก็ได้ นำศพเย่ว์หนานซีมาให้ข้าที!”
ลู่เจี้ยยกยิ้มมุมปากอย่างไร้ร่องรอย ยกมือขึ้นโบกมือให้ทั้งสองผู้อารักขาตระกูลลู่รีบเข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์ของตระกูลเย่ว์ทันที
“เจียงหลีเจ้าโหดเ**้ยมยิ่งนัก ชั่วช้าสามานย์ไร้คุณธรรม ข้าจะสาปแช่งเจ้า ขอแช่งให้เจ้าไม่ตายดี” เย่ว์ชิงหลิวโกรธมากและความโกรธในใจของเขาก็ลุกโชนอยู่ตลอดเวลาจนถึงขั้นสามารถปกปิดความเจ็บปวดในร่างกายได้
“ชมเกินไปแล้ว เป็นเพราะตระกูลเย่ว์สอนมาดีอย่างไรล่ะ” เจียงหลียิ้มตาหยีจึงทำให้เย่ว์ชิงหลิวโกรธจนกระอักเลือดเนื้อออกมาอีกครั้ง
“โถๆๆ แค่นี้ก็ถึงกับรับไม่ได้เชียวหรือ ฉากเด็ดยังมาไม่ถึงเลยนะ” เจียงหลียิ้มส่ายหน้ามองเย่ว์ชิงหลิวหมาจนตรอก
นางชอบเห็นท่าทางของศัตรูที่อยากจะฆ่านางแต่ก็ทำไม่ได้
นางเป็นคนน่ารังแกจริงๆ หรือ ใครก็สามารถย่ำยีนางได้อย่างนั้นหรือ
แม้เจียงหลีกำลังยิ้มแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเย่ว์บีบบังคับในนางตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เกลียดแค้นหรือเพราะตัวเองอ่อนแอเกินไปล่ะ
ไม่นานนักศพของเย่ว์หนานซีก็ถูกผู้อารักขาตระกูลลู่แบกออกมา โยนเข้าไปใกล้ๆ เย่ว์ชิงหลิวอย่างไม่ใยดี
ทุกคนสงสัยว่าเจียงหลีกำลังจะทำอะไร
“ลูกแม่…” ได้ยินเสียงร้องเสียดแทงหัวใจของฮูหยินเย่ว์ดังมาจากข้างใน
เสียงร้องไห้นี้ทำให้ลู่จ้านขมวดคิ้ว “นายน้อยมีคำสั่งว่าอย่างไร”
เหล่าผู้อารักขาตระกูลลู่แบ่งคนครึ่งหนึ่งเพื่อล้างตระกูลเย่ว์ต่อไป บุรุษ สตรี คนชรา และเด็กจัดการไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว เสียงการฆ่ากวาดล้างเริ่มขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ชาวบ้านรอบๆ พากันหน้าถอดสี พวกเขาถอยหลังออกไปเงียบๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ตระกูลลู่เป็นตระกูลใหญ่ของเมืองซูหนาน เผยคมเขี้ยวให้ทุกคนได้รู้ว่าหากล่วงเกินตระกูลลู่ แม้จะล่วงเกินการลงสนามประลองของนางทาสแค่คนหนึ่งในตระกูลลู่ก็ตามจะมีผลเช่นไร
“ตระกูลลู่” เย่ว์ชิงหลิวสีหน้าดำคร่ำเครียดเส้นเอ็นปูดโปน เสียงการฆ่าฟันทำให้เขาทั้งแค้นใจและเจ็บปวดราวกับคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเขาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
เขาจ้องลู่จ้านและเจียงหลีเขม็ง แต่ทั้งคนแก่คนหนุ่มสองคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน
เจียงหลีเดินไปยังข้างๆ ผู้อารักขาประจำจวนตระกูลลู่ หยิบแส้ม้าจากเขามาหนึ่งเส้นแล้วกลับมาตรงหน้าเย่ว์ชิงหลิวอีกครั้ง แล้วนางก็หยุดอยู่ตรงหน้าศพของเย่ว์หนานซี
นางยิ้มหวานแต่ทว่ากลับเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งให้กับเย่ว์ชิงหลิว ยกแส้ม้าในมือขึ้น…
“เจียงหลี เจ้าหยุดนะ” เย่ว์ชิงหลิวยันกายลุกขึ้นเพื่ออยากจะไปหยุดเจียงหลี แต่ฝ่ามือพิฆาตของลู่จ้านนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
เย่ว์ชิงหลิวกำลังจะยันตัวลุกขึ้นก็ยันไม่ไหวล้มตัวลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
เพียะ!
เงาแส้สะท้อนกลางอากาศฟาดลงไปที่ร่างเย่ว์หนานซี
ซี๊ด! ลงแส้กับศพ!
ชาวบ้านที่กำลังดูเหตุการณ์หันไปมองสายตาของเจียงหลีที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นน่ากลัวแล้วยังหวาดผวา
เพียะ เพียะ เพียะ!!!
ฟาดแส้ลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง ถึงแม้เย่ว์หนานซีจะไม่มีความรู้สึกแล้วแต่กลับทำให้เย่ว์ชิงหลิวเจ็บปวดหัวใจมากยิ่งขึ้น
“อ้ากๆๆ…เจ้าหยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้” ดวงตาทั้งคู่ของเย่ว์ชิงหลิวแดงก่ำ คำรามกระอักเลือดออกมา
“หึ เจียงหลีผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับใจดำอำมหิตยิ่งนัก” อู๋เชียนที่มองเย่ว์หนานซีถูกแส้ฟาดจนเนื้อแตก ตากระตุกแล้วสบถคำออกมา
แต่หนานอู๋เฮิ่นกลับยิ้มอ่อน “ ‘ขุดหลุมฝังศพเพื่อเอาแส้ฟาดศพ’ ประโยคนี้เป็นตระกูลเย่ว์ที่กล่าวออกมาเอง เจียงหลีผู้นี้อายุยังน้อยแต่นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้นับว่าไม่เลว ไม่เลว”
อู๋เชียนขมวดคิ้วพูดอย่างไม่พอใจ “ร้ายกาจเช่นนี้ ท่านอาจารย์ชื่นชมเข้าไปได้อย่างไร”
หนานอู๋เฮิ่นไม่สนใจเขา เพียงแต่หันไปมองมู่หวานโหรวที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ “องค์หญิงหากมีคนทำร้ายคนรักของท่าน และข่มขู่ท่าน ท่านจะทำเยี่ยงไร”
“บังอาจ” อู๋เชียนตวาดลั่น
แต่หนานอู๋เฮิ่นไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกยังคงยิ้มแล้วมองไปยังมู่หว่านโหรวดังเดิม
ดวงตาเย็นชาของมู่หว่านโหรวกะพริบและนางค่อยๆ เอ่ยออกมา “ทำเช่นเดียวกับนาง”
เมื่อได้รับคำตอบหนานอู๋เฮิ่นจึงหุบยิ้มผละสายตาออกแล้วไม่พูดมากอีก ส่วนอู๋เชียนหน้าถอดสีอีกครั้ง หุบปากไม่พูดสิ่งใดอีก
“…ฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า…” เย่ว์ชิงหลิวตะเกียกตะกายบนพื้นมองเย่ว์หนานซี น้ำตาไหลพรากทำให้คนรู้สึกสงสาร
แต่กลับไม่มีใครกล้าออกสียงสักคน
เจียงหลีฟาดจนเหนื่อย โยนแส้ม้าในมือทิ้งปัดมือ ไม่มองเย่ว์ชิงหลิวอีก ทั้งยังเมินเฉย ศพที่นางฟาดจนเละไม่มีชิ้นดีอีก จากนั้นจึงเอ่ยกับลู่จ้าน “ใต้เท้าลู่จ้าน ที่เหลือก็ขอรบกวนท่านและพวกพี่น้องจัดการต่อแล้วล่ะ”
ลู่จ้านนึกขำในใจ เจ้าเด็กแก่นอายุน้อยแต่กลับกล้าสั่งผู้ใหญ่
เขาค่อยๆ พยักหน้าจึงถือว่าเป็นการตอบรับ
เจียงหลีเตรียมหันหลังออกไปแต่จู่ๆ กลับหยุดฝีเท้า จ้องตาเย่ว์ชิงหลิวพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เย่ว์ชิงหลิว เจ้าควรจะดีใจนะ เจ้าใช้ท่านแม่ข้าผู้ล่วงลับมาข่มขู่ข้า ขุดหลุมศพเอาแส้ฟาดศพ หลุมศพตระกูลเย่ว์ของเจ้าข้ายังไม่ได้ไปเลยนะ”
เย่ว์ชิงหลิวชะงักนิ่งราวกับถูกกระแสไฟฟาดทั้งร่าง
เขากลัวแล้ว กลัวแล้วจริงๆ คนในตระกูลถูกฆ่าตายแล้วยังต้องมาถูกขุดหลุมศพอีก เขาไม่กล้าล่วงเกินเจียงหลีเพราะกลัวว่านางจะขุดสุสานบรรพบุรุษตระกูลเย่ว์ขึ้นมาจริงๆ จะเป็นการรบกวนความสงบของบรรพบุรุษ
เขาแค้น เขาเสียใจ
ทำไมเขาต้องหาเรื่องเจียงหลี เขาเพิ่งจะนึกเสียใจในตอนนี้ ตอนแรกหลังจากเจียงหลีถอนหมั้น ถ้าเขาปล่อยวางเรื่องนี้ ตระกูลเย่ว์จะมีจุดจบเช่นนี้หรือไม่
เพียงแค่เสียดาย บนโลกไม่มียารักษาโรคความเสียใจภายหลัง
เจียงหลีเดินจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงเงาหลังร่างสง่าผ่าเผยในสายตาผู้คน อายุยังน้อยแต่กลับสง่างามเหลือเกิน
ในขณะนั้นความคิดเดียวกันก็เกิดขึ้นในใจของผู้คนเมืองซูหนาน
นางผู้นี้จะทะเยอทะยานสู่ความยิ่งใหญ่
หนานอู๋เฮิ่นเฝ้าดูเจียงหลีจากไปและเมื่อเขาเห็นนางเดินไปยังรถม้าจอดอยู่ในที่ซ่อน เขาลอบถอนหายใจ ไม่คิดอะไรมาก สาวเท้าไปด้านนั้นทันที
การกระทำของเขาแน่นอนว่าดึงดูดความสนใจของมู่หว่านโหรว เพียงแต่เมื่อนางมองเห็นลู่เจี้ยในรถม้า ดวงตาที่เย็นชากลับมีประกายวูบไหว จากนั้นจึงหันหลังนำคนรับใช้ที่ติดตามมาเดินออกไป…
คอมเม้นต์