ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 85 องค์หญิงเสด็จมาเยี่ยม

อ่านนิยายจีนเรื่อง ราชินีพลิกสวรรค์ ตอนที่ 85 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

 

 

“ขุดหลุมศพขึ้นมาให้ข้าที”

 

 

ทันใดนั้นเจียงหลีออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

หม่าหยวนจย่าที่พี่งจะฆ่าเหอซื่อสองแม่ลูกตายไปได้แต่อึ้ง คิดว่าตัวเองฟังผิดไปจึงละล่ำละลักถาม “คุณหนูว่าอย่างไรนะขอรับ”

 

 

เจียงหลีปราดตามองเขาแล้วย้ำอีกครั้ง “ขุดหลุมศพขึ้นมาให้ข้า”

 

 

“…” หม่าหยวนจย่าอึ้ง

 

 

อะไรนะ ตระกูลเย่ว์ข่มขู่นางให้คนขุดศพขึ้นมาเอาแส้ฟาด นางก็แก้แค้นเอาขึ้นยิ่งกว่าโดยเอาแส้ฟาดศพของเย่ว์หนานซี ตอนนี้นางยังจะมาขุดหลุมศพมารดาของตัวเองอีกหรือ

 

 

“คะ..คุณหนู…” หม่าหยวนจย่าอยากตักเตือน

 

 

“ฟังข้าพูดไม่รู้เรื่องหรือไร” เจียงหลีย้อนถามกลับ

 

 

พลังทรงอำนาจทำให้หม่าหยวนจย่ากลืนคำที่กำลังจะพูดกลับไป เขาสูดหายใจเข้าลึกตั้งสมาธิเดินไปที่ด้านหน้าหลุมศพของกู๋หล่านเย่ว์ ท่องคำว่าบาปในใจอยู่หลายครั้งถึงจะใจแข็งเริ่มขุดหลุมศพ

 

 

เจียงหลียืนอยู่ด้านหน้าป้ายหลุมศพเฝ้ามองการกระทำของหม่าหยวนจย่า จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาด้านหลังก็ยังไม่หันกลับไปมอง

 

 

ลู่เจี้ยลงจากรถม้าเดินผ่านร่างไร้วิญญาณของสองแม่ลูกเหอซื่อ เขาไม่แม้แต่ชายตามอง

 

 

“หลีเอ๋อร์สงสัยสิ่งใดหรือ” ลู่เจี้ยหยุดอยู่ตรงข้างนางแล้วเอ่ยถามเบาๆ

 

 

เจียงหลีปราดตามองแต่ก็ไม่ได้สนใจจะเอ่ยตอบ

 

 

ลู่เจี้ยยิ้มเจือจางเพราะทราบดีว่าจัดรพรรดินีผู้เย่อหยิ่งกำลังโกรธเพราะเรื่องเมื่อครู่นี้

 

 

ทันใดนั้นลู่เจี้ยสะบัดชายแขนเสื้อ มีของบางสิ่งไหลลงมาสู่มือเขา เขายื่นไปตรงหน้าเจียงหลีแล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ของที่ข้าให้เจ้า อย่าปล่อยไปง่ายๆ หากมีครั้งต่อไปจะลงโทษตามกฎตระกูล”

 

 

เจียงหลีหัวเราะขึ้นจมูกกับคำพูดที่เขาข่มขู่ ดวงตาเป็นประกายหรุบต่ำมองสิ่งที่อยู่ในมือเขา นางหรี่ตายื่นมือรับ “มันไปอยู่กับท่านได้อย่างไร” สิ่งที่ลู่เจี้ยหยิบโผล่พรวดออกมาเป็นกริชงามเล่มนั้นที่นางใช้ฆ่าเย่ว์หนานซี

 

 

“ฆ่าคนก็ฆ่าไปสิ เหตุใดจึงทิ้งซุ่ยซิง” ลู่เจี้ยไม่ตอบ กลับย้อนถาม

 

 

“ซุ่ยซิงหรือ ชื่อของมันเรียกว่าซุ่ยซิงหรือ” เจียงหลีสำรวจกริชอย่างจริงจังอีกครั้ง เพียงแต่รู้สึกว่าหลังจากรู้ชื่อของกริชเล่มนี้แล้วมันก็ดูจะสว่างไสวขึ้นมาทันตา

 

 

เมื่อเห็นว่าความสนใจของนางไม่ได้อยู่ที่คำถามของเขาตั้งแต่แรก ลู่เจี้ยจึงยกยิ้มที่มุมปากแล้วไม่ส่งเสียงใดๆ อีก

 

 

ปัง!

 

 

เสียงกระทบกระทั่งของโลงศพดึงดูดความสนใจของคนทั้งสอง

 

 

เมื่อลู่เจี้ยเห็นว่าเจียงหลีเอากริชเก็บไว้ที่ตัว ม่านหมอกในดวงตาถึงจะหายไป

 

 

เจียงหลีรีบเดินไปยังหลุมศพที่ถูกขุดก็มองเห็นโลงศพเรียบง่าย “เปิดออกมา” ดวงตาของนางจ้องไปที่ฝาโลงออกคำสั่งเสียงนิ่ง

 

 

หม่าหยวนจย่าลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกเย็นวูบเสียวสันหลังอยู่ตลอดเวลา

 

 

แต่เขาก็ยังคงทำตามคำสั่งเปิดงัดฝาโลงขึ้นมา

 

 

จริงๆ ด้วย!

 

 

ตอนที่ฝาโลงถูกเปิดออกมา ดวงตาของเจียงหลีก็ประกายแสงเจิดจ้า แม้กระทั่งดวงตาแก้วใสของลู่เจี้ยยังหรี่ลงเล็กน้อย ฉายแววครุ่นคิดลึกเข้าไปในดวงตา

 

 

เขาหันไปมองคนร่างเล็กที่อยู่ข้างกายอย่างไร้ร่องลอยก็มองเห็นสีหน้าคาดการณ์ของนาง

 

 

“โลงเปล่า..โลงเปล่าอย่างนั้นหรือ”

 

 

หม่าหยวนจย่าตกตะลึงมองโลงศพว่างเปล่าอย่างไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี

 

 

โลงศพเป็นโลงไม้เรียบๆ สิ่งที่อยู่ข้างในชัดเจนในพริบตา ถึงแม้ตระกูลเย่ว์จะจัดงานศพให้กู๋หล่านเย่ว์ แต่กลับเป็นเพียงการจัดพิธีศพแบบเรียบง่ายเท่านั้น แม้กระทั่งของติดตัวศพสักชิ้นยังไม่มี

 

 

“ปิดโลงศพแล้วซ่อมแซมสุสานให้ดี” เจียงหลีสั่งการหม่าหยวนจย่าอย่างใจเย็นจากนั้นจึงหันหลังเดินไปทางรถม้า

 

 

ยังไม่ตาย! กู๋หล่านเย่ว์ยังไม่ตาย!

 

 

เจียงหลียืนยันในจุดนี้ได้ แต่กลับยิ่งสงสัยในสถานะของกู๋หล่านเย่ว์ทั้งเรื่องที่นางยังไม่ตาย แล้วไปที่ไหนกันล่ะ ทำไมถึงทิ้งลูกสาวตัวเองให้โดดเดี่ยวเช่นนี้

 

 

 

 

เมื่อกลับถึงจวนตระกูลลู่ เจียงหลีไม่เอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับกู๋หล่านเย่ว์อีก ลู่เจี้ยก็ไม่ถามมากเช่นกัน

 

 

ที่ไม่ถามก็เพราะเขารู้ว่าเจียงหลีเองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน

 

 

ถ้าหากนางรู้แล้วล่ะก็ คงไม่คาดเดาแล้วไปขุดหลุมศพหรอก

 

 

กู๋หล่านเย่ว์อย่างนั้นหรือ

 

 

ดวงตาของลู่เจี้ยฉายแวววาววับ พึมพำในใจจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออก กู๋หล่านเย่ว์เป็นผู้หญิงที่มีที่มาที่ไปลึกลับ มีความลับอะไรซ่อนอยู่ในตัวนางกันแน่

 

 

จากนี้ต่อไปตระกูลเย่ว์ได้หายสาบสูญไปจากเมืองซูหนานแล้ว

 

 

เรื่องราวของตระกูลลู่ฆ่าล้างอีกตระกูลหนึ่งเพื่อนางทาสคนเดียวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองซูหนาน กระจายไปจนถึงใจกลางมณฑลซูหนาน

 

 

ตระกูลลู่ตกเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง

 

 

เหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลครั้งนี้เบี่ยงเบนความสนใจในผลลัพธ์หลังงานประลองชิงเจียวไปเสียหมด

 

 

ชื่อของเจียงหลีนับวันยิ่งมีแต่คนเอ่ยถึง คนที่ควรจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่าอย่างไป๋หลี่เฟิ่ง มีเพียงแค่ข่าวแพร่ออกไปว่าเขาได้รับป้ายชื่อของสถาบันไป๋หยวนหลังจากนั้นไปที่ใดก็ไม่รู้แน่ชัด

 

 

หลังเรื่องตระกูลเย่ว์ผ่านไปสองวัน มีจดหมายหนึ่งฉบับถูกส่งมายังจวนตระกูลลู่ ลู่เจี้ยรับมันไว้ในมือ

 

 

เมื่ออ่านเนื้อความในจดหมายจบ ใบหน้ารูปงามที่ทำให้ตะลึงจนวิญญาณหลุดของลู่เจี้ยไม่แสดงสีหน้าใดๆ เพียงแต่ให้คนไปตามเจียงหลีให้มาหาเท่านั้น

 

 

“องค์หญิงอันผิงผู้นี้เป็นใคร” หลังจากมาถึงเจียงหลีจึงอ่านข้อความ โบกจดหมายในมือมองไปทางลู่เจี้ย

 

 

ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “หลานสาวของฮ่องเต้ ลูกสาวคนโปรดของท่านอ๋องคัง”

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้วมุ่น ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมค้นหาเกี่ยวกับเรื่องขององค์หญิงอันผิงอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็คิ้วกระตุกแล้วหยอกล้อขำๆ “นางยังเป็นคู่หมั้นของข้าด้วย”

 

 

คนผีทะเล ที่แท้เจ้าก็มีคู่หมั้นแล้ว

 

 

รอยยิ้มมุมปากของเจียงหลีค่อยๆ กลายเป็นยิ้มเย็นยะเยือกจ้องตาลู่เจี้ยแข็งกร้าวมากขึ้น

 

 

“เรื่องคู่หมั้นเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ในเวลานั้น เพื่อเอาใจตระกูลลู่ ฮ่องเต้ได้ลั่นวาจาสัญญาออกมาตามพระประสงค์ เมื่อห้าปีก่อนข้าให้ท่านพ่อลองใจถามเรื่องนี้ แต่ฮ่องเต้กลับอ้างว่ามู่หว่านโหรวยังมิถึงวัยออกเรือน แล้วทรงตรัสอีกว่ารอนางถึงวัยก่อนค่อยหารือเรื่องแต่งงานอย่างเป็นทางการ” ลู่เจี้ยอธิบายยาวเหยียด

 

 

“ท่านชอบนางหรือเปล่า” เจียงหลีไม่ได้สนใจเรื่องสัญญาอะไรนั่น แต่กลับสนใจในจุดนี้มากกว่า

 

 

ลู่เจี้ยหัวเราะลั่น “ชอบอย่างนั้นหรือ ฮ่าๆๆ ข้าพิการไปครึ่งหนึ่งแล้วจะมีหน้าไปชอบใครเขาได้”

 

 

ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เจียงหลีรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

 

 

“ที่นางมาก็เพื่อถอนหมั้น” ลู่เจี้ยเก็บเสียงหัวเราะ แต่ยังคงเจือรอยยิ้มมองเจียงหลี “นางกังวลใจกลัวว่าเสด็จลุงของนางจะให้นางแต่งงานกับข้าจริงๆ เพื่อผลประโยชน์”

 

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงท่านจะแต่งหรือไม่” เจียงหลีจ้องมองเขาตาเป็นประกาย

 

 

ลู่เจี้ยถูกสายตาสะกดขู่เข็นของนางทำให้ดวงตาแก้วใสเต็มไปด้วยความสงสัย “หลีเอ๋อร์ไม่ชอบนางหรือ”

 

 

เหอะ!

 

 

เจียงหลีสบถในใจเบี่ยงสายตาออกแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เช่นนั้นท่านเรียกข้ามาหมายความว่าอย่างไร”

 

 

ลู่เจี้ยยกยิ้มมุมปาก “แน่นอนว่าข้าเรียกหลีเอ๋อร์มาเพื่อคุ้มครองข้า สักครู่องค์หญิงอันผิงมาถึงหน้าประตู ถ้าหากนางรังแกคนป่วยอย่างข้า ก็เหมือนเมื่อวานตอนอยู่ต่อหน้านางเหอซื่อสองแม่ลูกนั่น เจียงหลีจะได้ปกป้องคุ้มครองข้า”

 

 

ปกป้องคุ้มครอง…

 

 

สี่คำสุดท้ายราวกับเสียงปลายนิ้วดีดพิณที่รบกวนหัวใจของเจียงหลี…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด