ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 138 อยากได้ชีวิตข้าหรือ
พลังวิญญาณนั้นรุนแรง อีกยังบริสุทธิ์ยิ่งนัก
เมื่อตกลงมาที่เจียงหลีนั้น นางก็รู้สึกว่ารอบกายนางถูกขังลงกลอนเอาไว้ ไม่สามารถหนีออกไปได้ ยอดฝีมือ!
ขณะนั้น เจียงหลีก็รู้ได้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า คนที่ลงมือของฝั่งตรงข้ามนั้น ระดับขั้นฝึกฝนนั้นสูงกว่านาง! นอกจากนั้น เป็นคู่ต่อกรที่ถึงแม้นางจะข้ามขั้นแล้วก็ยากจะเทียบได้
พลังวิญญาณอยู่บนศีรษะของเจียงหลี กลายเป็นฝ่ามือยักษ์ ฟาดใส่หน้านางอย่างรุนแรง
เจียงหลียกตาขึ้นมองดูฝ่ามือยักษ์ที่กำลังกดทับมาทางนาง คิดว่าหากนางถูกโจมตีแล้ว จะต้องถูกฟาดจนกลายเป็นเนื้อบดเป็นแน่
“เลี่ยเทียนซื่อ!” ภายใต้สถานการณ์คับขัน เจียงหลีก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาก
แสงสีทองปรากฏขึ้นมาด้านหลังของนางทันใด เงามายาของเลี่ยเทียนซื่อออกมาจากด้านหลังของนาง เขาบนหัวนั้นก็ทิ่มแทงไปยังฝ่ามือของฝ่ามือยักษ์นั้น
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเจียงหลีก็กระโจนออกไป กระโจนออกจากอาณาบริเวณการจู่โจมของฝ่ามือยักษ์ต่อจากชั่วขณะที่เลี่ยเทียนซื่อต่อต้านการจู่โจมนั้น
ตู้ม…!
ในชั่วขณะที่เจียงหลีกระโจนออกไปนั้น ฝ่ามือยักษ์บนฟ้าก็มองข้ามการขัดขืนของเลี่ยเทียนซื่อ กดทับลงมาบนภูดอย
การกระทบกันอย่างรุนแรง ทลายภูดอย หินภูเขาแตกกระจายไปทั่วทุกทิศ
เศษหินที่แตกนั้นกระแทกไปบนสันหลังของเจียงหลี ความเจ็บปวดนั้นช่างเสมือนจริงยิ่งนัก
“วิญญาณยุทธ์ของเลี่ยเทียนซื่อ!” เสียงประหลาดใจนั้น ลอยมาจากฝั่งตรงข้าม
เจียงหลีฟังออกว่าคนที่พูดนั้น ก็คือคนที่เอ่ยปากเมื่อครู่ และเป็นคนที่ลงมือเมื่อครู่เช่นกัน
เงามายาของเลี่ยเทียนซื่อ ล่องลอยอยู่ด้านหลังของเจียงหลี นางเพิ่งจะลุกขึ้นมาจากพื้น ก็รู้สึกว่าเสียงทะลวงอากาศมากมายลอยมาข้างหู แล้วตกอยู่รอบๆ ตน
แสงสีทองค่อยๆ สลายไป เงาของเลี่ยเทียนซื่อก็จางหายไปจากด้านหลังของเจียงหลี ส่วนนาง สายตาอันแหลมคมก็มองไปยังกลุ่มคนที่ล้อมนางเอาไว้
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมาแอบดูพวกเรา” เด็กหนุ่มที่ถือลูกเก็บวิญญาณไว้ก่อนหน้านั้นเอ่ยถามอย่างดุร้าย
คนอื่นๆ ที่เหลือ อายุเท่าๆ กับเขา ในเวลานี้ก็ใช้สายตาที่สงสัยและระแวดระวังมองดูนาง
มีเพียงหนึ่งคน เป็นชายวัยกลางคน เขาพิจารณาดูเจียงหลี กล่าวอย่างเชื่องช้า “สามารถใช้เลี่ยเทียนซื่อเป็นวิญญาณยุทธ์ที่หนึ่งได้ คิดว่าแม่นางก็คงจะมาจากตระกูลใหญ่เช่นกัน”
เจียงหลีดวงตาเป็นประกาย รู้ว่าเขาเข้าใจผิดตัวตนของนางเพราะเลี่ยเทียนซื่อ เพียงแต่ นางไม่อยากจะอธิบาย จึงได้เลยตามเลยให้พวกเขาเข้าใจผิดกันต่อไป
เห็นว่านางไม่พูดอะไร ชายวัยกลางคนก็ยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นบอกเด็กหนุ่มเหล่านั้น “แค่เข้าใจผิดเท่านั้น”
ต่อจากนั้น เขาก็กล่าวกับเจียงหลีว่า “แม่นาง เจ้ามาฝึกฝนในอาณาเขตหลิงอู่ และหาวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมไปด้วยใช่หรือไม่”
เจียงหลีกลอกกลิ้งดวงตา แล้วเผยรอยยิ้มออกมาทันใด พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่! ท่านอา”
“อารอง อย่าไปฟังนางพูดพล่ามเลย หากนางมาจากตระกูลใหญ่ จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้เพียงลำพังได้อย่างไร” เด็กหนุ่มที่ถือลูกเก็บวิญญาณอยู่สีหน้าไม่เชื่อ ในดวงตายังไม่สลัดความระแวงต่อเจียงหลีออกไป
แต่ทว่า ชายวัยกลางคนกลับส่ายหน้า วิญญาณยุทธ์ของเลี่ยเทียนซื่อนั้นไม่สามารถหลอกคนได้ วิญญาณยุทธ์ระดับนี้ ไม่มีพลังอำนาจของตระกูลที่แข็งแกร่ง ใช้เพียงกำลังของตนนั้นยากที่จะได้มาได้
แน่นอนว่า คำที่เด็กหนุ่มกล่าว เขาก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับฟัง “แม่นาง เจ้าเข้ามาในอาณาเขตหลิงอู่นี้คนเดียวหรือ”
“ไม่อยู่แล้ว!” เจียงหลีตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “ข้าเพียงแต่พลัดหลงกับพวกเขาเท่านั้น เมื่อครู่บังเอิญได้ยินเสียง จึงได้เข้ามาดู”
คำพูดของนางคลุมเครือนัก ง่ายต่อการทำให้คนอื่นรู้ว่านางคิดอะไร
เป็นจริงดังนั้น ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างปลดปล่อยขึ้นมา “เป็นเช่นนี้นี่เอง แม่นาง มาจากเมืองใดหรือ”
“ทำไมถึงเป็นพวกเจ้าที่ถามข้าตลอดเลยล่ะ พวกเจ้าเล่ามาจากที่ใด” เจียงหลีขมวดคิ้วแล้วถามกลับ
ท่าทางเช่นนั้น ไม่มีท่าทีร้อนตัวหรือเกรงกลัวใดๆ ความเด็ดเดี่ยวนี้ ทำให้ชายวัยกลางคนนั้นเชื่อว่า เด็กสาวที่มีท่าทางบุคลิกเช่นนี้ พื้นเพนั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“เหอะๆ ข้าละเลยเอง พวกข้ามาจากเป่ยโหรว” ชายวัยกลางคนกล่าว
เป่ยโหรว!
เจียงหลีแอบตกตะลึงอยู่ในใจ
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้น พื้นที่แถบทางใต้นี้มีหลายเมืองตั้งอยู่ โฮ่วจิ้นตั้งอยู่ทิศใต้สุดของแถบทางใต้ ส่วนเมืองเป่ยโหรวที่ชายวัยกลางคนกล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ทิศเหนือสุดของแถบทางใต้ ระหว่างสองเมืองนั้น มีหลายเมืองคั่นกลาง เนื่องจากระยะทางอันไกล สองเมืองนี้ก็มีการไปมาหาสู่กันน้อยนัก
แต่ทว่า เป่ยโหรวกลับเป็นเมืองที่แข็งแกร่งเมืองหนึ่ง เป็นเจ้าแห่งเมืองทางเหนือสุดของแถบทางใต้ เมื่อเทียบกับโฮ่วจิ้นแล้วก็แข็งแกร่งกว่า ถึงขนาดกับมีเมืองเล็กๆ มาพึ่งพาอาศัย
ไม่คิดว่า นางจะได้พบคนเมืองเป่ยโหรวในอาณาเขตหลิงอู่นี้ นอกจากนี้ ดูจากฐานะของพวกเขาแล้ว เหมือนว่าจะมีฐานะที่ไม่ต่ำต้อยเลยในเมืองเป่ยโหรว
“ถึงคราวแม่นางพูดแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าวเตือน
เจียงหลีกลับทำสีหน้าไร้เดียงสา ผายมือกล่าว “แต่ว่า คนในบ้านข้าบอกข้าว่า ในอาณาเขตหลิงอู่นั้นผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ให้บอกตัวตนของตนให้ผู้อื่นรู้”
“อะไรกัน! พวกข้าบอกไปแล้วว่ามาจากที่ใด เจ้ากลับจงใจปกปิด” เด็กหนุ่มคนนั้นร้องขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ชายวัยกลางคนยกมือขึ้น ห้ามปรามมิให้เขาโมโห ยังคงอมยิ้มมองดูเจียงหลี เพียงแต่ในสายตานั้นเย็นเยือกขึ้น “แม่นาง ที่คนบ้านเจ้ากำชับไว้ก็ใช่ว่าไร้เหตุผล แต่ว่าพวกข้าก็ไม่ได้เป็นคนร้าย ในเมื่อมีวาสนาได้พบกันในอาณาเขตหลิงอู่แล้ว รู้จักกันไว้ก็ดี”
เจียงหลีกลับส่ายหน้าอีก “ออกจากอาณาเขตหลิงอู่แล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเลยทั้งชีวิต แล้วจะต้องถามให้มากความไปใย”
จากนั้น นางก็ล้วงลูกธนูส่งเสียงออกมา พึมพำอย่างรำคาญ “ยุ่งยากเสียงจริง ก็แค่มาดูด้วยความสงสัยเท่านั้น ยังจะต้องถามนู่นถามนี่ ข้าจะต้องรีบไปรวมตัวกับพวกเขาแล้ว”
เห็นว่านางจะปล่อยลูกธนูส่งเสียง ชายวัยกลางคนก็รีบกล่าว “แม่นาง ในเมื่อเจ้าไม่ยอมบอกที่มาของเจ้า พวกข้าก็จะไม่คาดคั้น ขอลา! ”
พูดจบ เขาก็ส่งสายตาให้คนอื่นๆ แล้วพาทุกคนถอยไปอย่างช้าๆ
เมื่อพวกเขาไกลออกไปแล้ว เจียงหลีก็หัวเราะเยาะอย่างไร้เสียง แล้วเก็บลูกธนูส่งเสียงกลับเข้าไป
นางรู้อยู่แล้วว่าฝั่งตรงข้ามไม่กล้าลงมือ ที่นี่เป็นอาณาเขตหลิงอู่ ไม่อาจสังหารนางจริงๆ ได้ หากบุ่มบ่ามลงมือไป พวกเขาก็กังวลว่า จะล่วงเกินตระกูลที่มิควรล่วงเกินเข้า
นี่เป็นเพียงเหตุการณ์แทรกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น กลับทำให้เจียงหลีพบความซับซ้อนของอาณาเขตหลิงอู่
ในนี้ ไม่ได้มีเพียงคนของสถานบันไป๋หยวน หรือว่าอาณาจักรโฮ่วจิ้นเท่านั้น
เจียงหลีเดินจากไป และไปตามหาร่องรอยของเสวียนกังกุยในอาณาเขตหลิงอู่นี้ต่อ ผ่านไปอีกสามวัน เจียงหลีซุ่มอยู่ในที่ลับ แผ่นดินสะเทือน นางเห็นวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน วิ่งผ่านบนพื้นที่ราบ ภาพนั้นช่างน่าตะลึงยิ่งนัก
ทั้งที่บินบนฟ้า วิ่งบนพื้น วิญญาณยุทธ์เหล่านั้นบนภาพล้วนปรากฏกายอยู่ต่อหน้าต่อตานาง
ภาพฉากนี้ ทำให้คนดูแล้วหวาดกลัว หากกระโดดออกไป ก็จะถูกวิญญาณยุทธ์เหล่านี้กลืนกินไปในไม่ช้า เศษซากก็ไม่เหลือ!
ทันใดนั้นเอง จิตสังหารอันดุร้าย ก็เข้ามากระทบทางด้านหลังของเจียงหลี
ดวงตานางชะงักไป รีบกระโจนลงเขาไปอย่างรวดเร็ว เผยตัวต่อหน้าวิญญาณยุทธ์เหล่านั้น
กระโจนไปได้ครึ่งหนึ่ง นางก็หยุดชะงักไป หันหน้าไปมองสามคนที่ไล่ตามมา เอ่ยถามอย่างดุร้าย “พวกเจ้าเป็นผู้ใด ตามหาผิดคนหรือไม่”
“หากเจ้าชื่อเจียงหลี ก็หมายความว่าพวกข้าตามหาไม่ผิด!” หนึ่งคนในนั้น ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าว
สายตาเจียงหลีตึงเครียดไป คนเหล่านี้มาหานางจริงด้วย!
แต่ทว่า ในอาณาเขตหลิงอู่นี้ นางยังไม่ได้ล่วงเกินใคร อีกยังไม่เคยก่อเรื่อง ใครจะสังหารนางกันแน่ นอกจากนี้ ฝั่งตรงข้ามรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นอาณาเขตหลิงอู่ แต่กลับยังคงจะลงมือสังหาร คิดว่าพวกเขานั้นเหมือนอยากจะทำลายนางมากกว่า…
คอมเม้นต์