ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 141 เจ้าเป็นใครกันแน่!
ทำอย่างไรดี!
ตั้งแต่ฟื้นคืนชีพมา นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกใกล้ความตายเช่นนี้
นางนึกถึงจูเสีย แต่ว่าจูเสียยังหลับใหลอยู่ ไม่มีทางปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้ นางคิดว่านางจะใช้เนตรญาณของสายเลือดซิวเสอ แต่กลับค้นพบว่าตนเองยังไม่รู้วิธีปลุกมันขึ้นมา นางนึกถึงตี๋หวังนู่ แต่ไม่มีเวลาให้นางเตรียมตัว นางนึกถึงเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ……
ผลสุดท้าย กลับค้นพบว่าไม่ได้ เดิมทีในอาณาเขตหลิงอู่ ก็ไม่มีใครเอาชนะเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้
ไพ่ตายใบสุดท้าย เหมือนว่าจะช่วยชีวิตตัวเองไม่ได้แล้ว เจียงหลีรู้สึกสิ้นหวัง
นางไม่อยากตาย!
แต่ว่าตอนนี้นางจะจัดการกับอันตรายตรงหน้าอย่างไร
ตาจ้องมองหลิงไซว่ที่พุ่งเข้ามาฆ่าตนเอง แต่นางกลับขยับตัวไม่ได้ เหมือนกับร่างกายและพลังวิญญาณถูกควบคุมอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ตายซะเถอะ!” หลิงไซว่ยิ้มอย่างโหดเ**้ยม
เจียงหลีหรี่ตาทันที ดวงตาที่แวววาวจ้องมองท่าทีของหลิงไซว่ ราวกับว่าถึงแม้จะตายตกนรกไปแล้ว ก็จะกลับมาแก้แค้นเขาให้ได้!
โฮกกก
เสียงคำรามของวิญญาณยุทธ์ดังขึ้นในทันที
ท่ามกลางความเป็นความตายของเจียงหลี แสงสีทองสว่างวาบระหว่างนางและหลิงไซว่คนนั้น พุ่งเข้าไปที่หน้าของหลิงไซว่
หลิงไซว่หรี่ตาทั้งสองข้าง การฆ่าเจียงหลีถูกขัดจังหวะ ทำได้เพียงถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างไม่ให้ถูกวิญญาณยุทธ์โจมตี
เดิมทีการโจมตีที่เขาจะใช้ฆ่าเจียงหลีนั้นไปโดนวิญญาณยุทธ์
แค่ฝ่ามือเดียว ก็ผ่าวิญญาณยุทธ์ที่ส่งมาเป็นสองท่อน
ดังนั้น เขากลับรู้ว่านี่มันแค่เริ่ม มีวิญญาณยุทธ์ถูกโผล่มาจากอากาศแล้วพุ่งหาเขาอย่างต่อเนื่อง ขัดขว้างไม่ให้เขาเข้าใกล้เจียงหลี
!
เจียงหลีตกใจ ไม่รู้ว่าใครแอบช่วยนางอยู่ และความรู้สึกที่นางเหมือนถูกควบคุมก็ค่อยๆ สลายไป
แต่ว่านางใช้จังหวะนี้พุ่งไปทางหลิงเจี้ยงที่ถูกโจมตีจนเหลือครึ่งร่าง ต้องการออกจากวงล้อมของทั้งสามคน เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!
พลังวิญญาณในร่างกายของเจียงหลีที่ถูกหลิงไซว่กดเอาไว้ ในที่สุดก็สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ว่าในตอนที่นางพุ่งไปทางหลิงเจี้ยงที่บาดเจ็บนั้น หลิงเจี้ยงอีกคนก็ตามมาฆ่านางจากด้านหลัง
ทันใดนั้น ร่างของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ระหว่างเขาและเจียงหลี
คนคนนี้สวมหน้ากากโลหะอยู่ มองเห็นหน้าได้ไม่ชัด พลังของเขาเหมือนกับเพิ่งจะถึงขั้นหลิงเจี้ยง ลมปราณยังไม่นิ่ง แต่กลับต่อกรกับหลิงเจี้ยงคนนั้นให้พ่ายแพ้ไปได้
ในตอนที่เจียงหลีได้หักคอของหลิงเจี้ยงที่ร่างกายไม่สมประกอบนั้น เขาก็ได้ฆ่าหลิงเจี้ยงอีกคน
และในตอนนี้ หลิงไซว่ก็ได้ฆ่าวิญญาณยุทธ์ที่ถูกส่งมาจวนจะหมดแล้ว
ชายลึกลับคนนั้นหายไปในทันที ในตอนที่ปรากฏตัวอีกครั้ง เขาก็ส่งวิญญาณยุทธ์ไปยังหลิงไซว่ต่อ หลังจากขัดขวางเขา เขาก็หายตัวไปอีกครั้ง โผล่มาอีกทีก็มาอยู่ตรงหน้าเจียงหลีแล้ว หันมามองนาง “ไป!”
พูดจบ เขาจับมือของเจียงหลีอย่างเป็นธรรมชาติแล้วพานางหนี และหายไปจากตรงหน้าของหลิงไซว่อย่างรวดเร็ว
ความเร็วในการเคลื่อนไหวนั้น ทำให้เจียงหลีรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นสายลม
อ้ากกก
หลิงไซว่ที่ถูกถ่วงเวลาไว้ ส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ พลังวิญญาณที่บ้าคลั่งระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้วิญญาณยุทธ์เหล่านั้นแหลกละเอียด กลายเป็นแสงสีทองแล้วสลายไปรอบๆ ตัวเขา
หลังจากที่กำจัดสิ่งที่ขัดขว้าง เขาเห็นสองคนที่มาด้วยกันถูกฆ่าตายหมดแล้ว!
เป็นเรื่องปกติ ที่นี่คืออาณาเขตหลิงอู่ พวกเขาไม่ได้ตายจริง แต่ว่าเป็นแบบนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกอับอาย
หลิงไซว่ผู้สง่าผ่าเผย ไล่ฆ่าหลิงซื่อขั้นสูงสุด คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้นางหนีไปได้ แล้วยังสูญเสียหลิงเจี้ยงไปอีกสองคน!
แล้วก็คนที่ปรากฏตัวตอนหลังนั้น เป็นใครกัน
ดวงตาของหลิงไซว่กลอกไปมาไม่หยุด ในตอนที่เขากำลังสืบหาทิศทางการหนีของเจียงหลี แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงรวดเร็วปานนี้ได้
เขาตกใจ เขาไม่เพียงแต่โดนถ่วงเวลาไปพักหนึ่ง ทำไมถึงไม่รับรู้ถึงลมปราณของเจียงหลีเลย
สมควรตาย! เขาด่าออกมา
ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ ถ้ามีคนบอกเขาว่าจะฆ่าหลิงซื่อขั้นสูงสุดคนหนึ่ง ต้องเปลืองแรงขนาดนี้ เขาคงจะดูถูกเหยียดหยาม พูดถากถางคำพูดคุยโวของอีกฝ่าย
แต่ทว่าความเป็นจริงตบหน้าเขาอย่างแรง ถ้าหากว่าเรื่องแพร่ออกไป เขาคงถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือฆ่าเจียงหลีทิ้งซะ!
กำจัดนาง!
หลิงไซว่ก้าวเท้าเตรียมที่จะตามหาเจียงหลี ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าตน ลงมาจากฟ้า
เขาตกใจ เงยหน้ามองบนฟ้า เห็นแค่คนคนหนึ่งโจมตีเขาอย่างไม่ทันคาดคิด
“เจ้าเป็นใคร” เขารีบตอบโต้ “ข้าคือคนของสำนักหลิงอู่ ก่อนจะลงมือ คำนึงถึงผลที่จะตามมาให้ดี”
เขาคิดว่าแค่เพียงแสดงสถานะให้รู้ ก็จะทำให้ศัตรูรู้แล้วถอยไป
ที่ไหนได้ เสียงที่เย็นชาลอยมา “ถือว่าเป็นคนของสำนักหลิงอู่ แล้วกล้ามาทำร้ายคนตระกูลลู่ของข้า ต้องตายสถานเดียว!”
ตระกูลลู่!
“เจ้าคือลู่จ้าน!” หลิงไซว่ตกใจหน้าซีด
“จำไว้ คนที่ฆ่าเจ้าในอาณาเขตหลิงอู่คือคนตระกูลลู่ ข้ารอให้เจ้ามาแก้แค้นข้าในชาตินี้ ก็ยังดีที่ให้ข้าได้ฆ่าเจ้า” ลู่จ้านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด
หลังจากที่เขาพูดจบ จิตสังหารที่มากมายได้รัดคอหลิงไซว่ของสำนักหลิงอู่จนตาย แม้แต่โอกาสที่จะให้เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาก็ไม่มี
……
ฟิ้ววว
ในโลกนี้ ห้องลับที่อยู่ลึกในสำนักหลิงอู่ คนที่หลับตานั่งสมาธิก็กระอักเลือกออกมาทันที พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งแต่เดิมหายไปจากร่างกาย ทำลายเส้นลมปราณของเขาไปไม่น้อย
เขารีบควบคุมไว้ ยับยั้งการแว้งกัดนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะสงบลง ในตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น กัดฟันพูดว่า “ลู่จ้าน!”
……
อาณาเขตหลิงอู่
เจียงหลีถูกชายลึกลับพาหนีไป หนีเข้ามาอยู่ท่ามกลางป่าลึกลับที่เงียบสงัด
“เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงช่วยข้า” เท้าทั้งสองข้างเพิ่งถึงพื้น เจียงหลีก็จ้องข้างหลังเขาแล้วถาม
ดวงตาที่สดใสของนาง ยังคงระมัดระวัง ต่อให้คนคนนี้จะเพิ่งช่วยชีวิตนางไป แต่ก็ยังคงไม่ได้ทำให้นางคลายความระวัง
ชายลึกลับค่อยๆ หันมา เผชิญหน้ากับเจียงหลี
หน้ากากโลหะบนหน้าของเขา แฝงไว้ด้วยความแปลกประหลาด แต่กลับปิดบังสายตาของเจียงหลี
“ลับๆ ล่อๆ” นางพูดถากถางด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากในตอนที่นางพูดประโยคนี้ ชายลึกลับคนนี้ก็ยกมือขึ้น จับที่หน้ากากบนหน้าของตน ท่ามกลางความตกตะลึงของเจียงหลี ค่อยๆ เปิดออก
“คือเจ้า!” ในตอนที่ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าเจียงหลี นางพลั้งปากตะโกนออกมา “จิ่งเยี่ย?”
คนที่ช่วยชีวิตนางไว้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจิ่งเยี่ย!
เจอกันครั้งก่อน ทั้งสองคนเคยจับมือทักทายกันที่สถาบันไป๋หยวน ตอนนั้นเขายังอยู่ในระดับหลิงซื่อขั้นสูงสุด แต่คิดไม่ถึงว่าเขาก็เข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่แล้ว แล้วก็เป็นหลิงเจี้ยงได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้!
ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ทำไมเขาต้องช่วยชีวิตนาง แล้วก็บนสนามประลองที่สถาบันไป๋หยวน การกระทำที่ ‘ไม่’ ไร้เหตุผลของเขานี้ เพื่ออะไร
“เจ้าเป็นใครกันแน่” เจียงหลีขมวดคิ้ว เค้นถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คอมเม้นต์