ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 179 เจียงหลีล่ะ นางอยู่ที่ใด

อ่านนิยายจีนเรื่อง ราชินีพลิกสวรรค์ ตอนที่ 179 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

การหายตัวไปของขบวนเทียนเจียวโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีจะมีผลอะไรเกิดขึ้นตามมาหรือไม่

 

 

มู่ชิงเหยียนไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เข้าใจว่าในแผนนี้เป็นเพียงการเดิมพันของเสด็จพ่อของนางกับตระกูลลู่ ในขณะเดียวกันภายในใจของนางก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

 

 

เพื่อกำจัดตระกูลลู่เสด็จพ่อของนางต้องพึ่งพาชีวิตของขบวนเทียนเจียวเหล่านี้จริงหรือ

 

 

“พวกเจ้าเหลือไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อปกป้ององค์หญิง ส่วนที่เหลือตามข้ามา” มู่ชิงเหยียนสลัดความกลัวในใจออก และรีบทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

 

 

โจวยวนตัวแข็งทื่อถามด้วยความสงสัย “พี่ชิงเหยียนท่านจะไปที่ไหนข้าจะไปด้วย”

 

 

มู่ชิงเหยียนส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าเป็นเพียงแค่หลิงซื่อระดับห้าต่อให้ไปก็ไร้ประโยชน์ก็รอฟังข่าวคราวที่นี่ต่อไปข้าจะพาคนไปยังสนามรบเพื่อค้นหาเบาะแสของเหล่าเทียนเจียว”

 

 

โจวยวนกัดริมฝีปากสายตาไม่เต็มใจ แม้รู้ว่าสิ่งที่มู่ชิงเหยียนกล่าวเป็นความจริง ทักษะของนางต่อให้ไปก็จะเป็นภาระเปล่าๆ

 

 

ในสนามรบ มีดดาบย่อมไม่รู้ว่านางเป็นองค์หญิงแห่งโฮ่วจิ้น

 

 

“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่ชิงเหยียนต้องระวังตัว แล้วก็ช่วยปกป้องอาเสวียนแทนข้าด้วย” โจวยวนถอยหลังหนึ่งก้าวและยอมถอย

 

 

มู่ชิงเหยียนพยักหน้ากล่าวปลอบใจ “วางใจเถอะ เขาเป็นบุตรของท่านอ๋องลู่ ท่านอ๋องย่อมไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไร”

 

 

หลังกล่าวจบมู่ชิงเหยียนก็รู้สึกผิด

 

 

นางไม่รู้ในการเดิมพันครั้งนี้ตระกูลลู่จะใจร้ายถึงเพียงใด

 

 

ถ้าทุกอย่างเป็นดังที่เสด็จพ่อของนางวางแผน เช่นนั้นไพ่ตายของตระกูลลู่ที่อยากจะพลิกแพลงก็คือการสละบุตรชาย ถ้าลู่เสวียนตายในโลกนี้ก็จะไม่มีใครเชื่อฟังคำพูดของเสด็จพ่อของนาง ตระกูลลู่เองก็จะแก้ไขวิกฤตครั้งนี้

 

 

แน่นอนถ้าลู่เสวียนตาย

 

 

สายตาของมู่ชิงเหยียนมองไปที่โจวยวนซ้ำๆ มองไปยังสายตาที่ตั้งตารอคอย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและพาคนออกจากที่นี่ไป

 

 

ในการแย่งชิงอำนาจ ไม่มีถูกผิด มีเพียงแพ้ชนะ

 

 

 

 

ในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว

 

 

นี่คือฉากที่งดงามที่สุดในธารน้ำแข็งทะเลทรายเป่ยฝาง แต่ว่าตอนนี้เหล่าเทียนเจียวเมื่อเข้าไปยังเป่ยฝางกลับไร้ซึ่งความสุข

 

 

พวกเขาติดกับดักแล้ว!

 

 

หลังจากไล่ตามออกมาพวกเขาก็ถูกทหารม้าของต้าฉินหลอกล่อไปยังที่ห่างไกล จากการไล่ตามทำให้พวกเขาออกนอกเส้นทางเป้าหมายและกลับตกในวงล้อมของทหารฉิน

 

 

การต่อสู้ในระยะประชิด เนื่องด้วยสภาพอากาศยากที่พวกเขาจะออกมาได้

 

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ทันได้ดีใจก็สัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่การหยอกล้อจากขบวนทหารต้าฉิน เหล่าเทียนเจียวพวกนี้ก็เปรียบเหมือนสัตว์ที่ง่วงนอน พวกเขาถูกกองทัพต้าฉินจ้องเล่นงาน

 

 

“พวกเขาไล่ตามมาอีกแล้ว”

 

 

“รีบหนีเร็ว”

 

 

ฝูงชนที่วุ่นวาย วิ่งหนีเอาชีวิตรอด

 

 

หลังจากที่ได้สัมผัสถึงการต่อสู้อย่างแท้จริง พวกเขาถึงได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของหนึ่งชีวิตคน เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงคนอันมากในสนามรบ ก็เหมือนกับหยดน้ำทะเลอันน้อยนิด

 

 

“ฆ่ามัน!”

 

 

กึกๆๆ

 

 

เสียงเกือกม้าเสียงร้องเข่นฆ่าค่อยๆ ดังไปรอบๆ

 

 

เหล่าขบวนเทียนเจียวที่เหน็ดเหนื่อยสิ้นหวังอย่างที่สุด พวกเขาวิ่งไม่ไหวแล้วขาที่มีราวกับไม่ใช่ของพวกเขาแล้ว

 

 

“รีบลุกขึ้น คนที่ไม่อยากตายก็ให้รีบลุกขึ้นวิ่งไปกับนายน้อย” ลู่เสวียนก็อยู่ในฝูงคนเสื้อของเขาฉีกขาด ปนเปื้อนเลือด เขาดิ้นรนเพื่อดึงฝูงคนที่อยู่บนพื้นแต่น่าเสียดายที่ดูจะไม่เป็นผล

 

 

“ฮ่าๆๆ นี่คือขบวนเทียนเจียวของราชวงศ์โฮ่วจิ้นอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่เป็นแค่แกะที่รอถูกฆ่าหรือ” กองทัพของต้าฉินจะออกมาในเวลากลางคืนเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

 

 

การปรากฎตัวของกองทัพต้าฉินทำให้ขบวนเทียนเจียวตกอยู่ในความสิ้นหวัง

 

 

ลู่เสวียนมองไปที่พวกเขา เขากัดฟันจนแทบจะแหลกละเอียดอดใจไม่ไหวต้องรีบลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

 

 

ทันใดนั้นแม่ทัพฉินก็เก็บรอยยิ้มเยาะเย้ย ใบหน้าเขาพลันเคร่งขรึมโบกมือออกคำสั่ง “ฆ่าพวกมันซะ”

 

 

“ฆ่ามัน!”

 

 

ทหารม้าต้าฉินหลังจากได้รับคำสั่งก็แกว่งดาบไปทิศทางที่ขบวนเทียนเจียวอยู่

 

 

แม่ทัพฉินนั้นนั่งบนหลังม้าในมือกุมบังเ**ยนกล่าวด้วยสายตาดูถูก “เทียนเจียวหรือ เทียนเจียวที่ยังไม่เติบโตก็เป็นได้เพียงลูกไก่ในกำมือเท่านั้น”

 

 

ฟิ่ว!

 

 

ทันใดนั้นในความมืดมนแสงที่แหลมคมเสียดแทงในท้องฟ้ายามค่ำคืน ปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เล็งไปที่หน้าผากของแม่ทัพฉิน

 

 

แม่ทัพฉินผู้นั้นก็เป็นคนดุร้ายมีไหวพริบ

 

 

หลังจากที่เห็นลูกธนูเขาก็สะบัดหัวเพื่อหลบลูกธนูเล็งไม่โดนเป้าหมาย เพียงแต่หูข้างหนึ่งของเขาถูกยิงจนตกลงมา

 

 

แน่นอนนี่ทำให้ต้องพุ่งตัวกระโดดหลบขึ้นฟ้า

 

 

เขายังไม่ทันได้ดีใจที่หลบหนีมาได้ ความรู้สึกวิกฤตกลับมาเข้ามาอีกครั้ง

 

 

ซิ่ว

 

 

ลูกธนูที่ซ่อนได้อย่างแนบเนียนโผล่ขึ้นมา ครั้งนี้ ทะลุเข้าไปที่ลำคอของเขาอย่างแม่นยำ แท่ทัพฉินตกจากหลังม้าตายแบบตาไม่หลับ

 

 

ในขณะเดียวกันสองข้างทางในความมืด มีผู้คนที่สวมใส่ชุดเกาะสีดำหลั่งไหลเข้ามาบังมีดดาบที่จะไปยังขบวนเทียนเจียวและสังหารกองทัพต้าฉินอย่างเงียบเชียบ

 

 

บนยอดเขาที่ไม่ไกลนักเงาทอดยาวสลายหายไปในความมืด เฝ้าดูการสังหารในความมืดอย่างเงียบๆ

 

 

กองทัพต้าฉินที่ดูจะชนะในตอนแรก ตอนนี้กลับถูกต้อนฆ่า ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาตายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายด้วยน้ำมือใคร

 

 

ขบวนเทียนเจียวดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างตกอกตกใจ

 

 

จากเดิมที่คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีทหารที่สวรรค์ประทานเพื่อมาช่วยเหลือพวกเขา

 

 

เทียนเจียวบางส่วนที่ไหวพริบดีหลังพ้นวิกฤตก็คว้ามือจับอาวุธที่อยู่รอบข้างและเข้าไปในสนามรบ ส่วนเทียนเจียวบางส่วนที่ยังไม่ได้สติจากการรอดตายก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมคอยดูการฆ่าฟันที่อยู่ตรงหน้าเหมือนไก่ตื่นด้วยความตกตะลึง

 

 

กองทัพที่ไล่ตามมาของต้าฉินมีจำนวนมากกว่าเทียนเจียวหลายเท่าตัว

 

 

แต่ว่าหลังจากที่ไดรับการช่วยเหลือจากกองทัพลึกลับ สถานการณ์การต่อสู้กลับพลิกเป็นอีกแบบ

 

 

“นายน้อย” คนที่ยืนอยู่ข้างเงามืดกระซิบกับเขา

 

 

ในเงามืดมีเสียงที่เยือกเย็นส่งผ่านมา “ฆ่าเสียให้หมด”

 

 

คนข้างๆ พยักหน้าแล้วถอยออกไป

 

 

เสียงนกหวีดดังออกมาจากปากของเขา กองทัพที่ลึกลับเมื่อได้ยินเสียงนี้แล้วการสังหารในมือก็ดุเดือดมากขึ้น

 

 

ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดสายตาค้นหาในคืนที่มืดมิดราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

 

 

ไม่นานนัก มีคนหนึ่งถูกพามาตรงหน้าเขา

 

 

“พวกเจ้าเป็นใคร” ลู่เสวียนที่ถูกพาไปต่อหน้าเขาสายตาเต็มไปด้วยความสับสน อย่างไรก็ตามคนที่ช่วยเหลือพวกเขาไม่น่าจะใช่ศัตรู

 

 

ในขณะนั้น พระจันทร์สว่างที่ซ่อนอยู่ในหมู่เมฆบนท้องฟ้าค่อยๆ มีเงาออกมาส่องสว่างไปทักหนแห่ง เงามืดที่ปกคลุมพวกเขาก็ค่อยๆ จางหายไป

 

 

ทำให้เห็นคนที่ยืนตรงหน้าพวกเขาอย่างชัดเจน ลู่เสวียนตะโกนอย่างสุดเสียง “พี่ใหญ่!”

 

 

ลู่เสวียนมองไปที่เขา แม้ว่าสายตาเขาจะดูนิ่งสงบไร้ซึ่งความโกรธ แต่ว่าลู่เสวียนย่อมรู้ว่าพี่ใหญ่โกรธแล้ว โกรธในการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตของเขา

 

 

“พี่ใหญ่ ข้า…” ลู่เสวียนไม่ทันได้คิดว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงได้พากองทัพลึกลับมา เขาคิดเพียงว่าจะอธิบายอย่างไรที่ตัวเขาอยู่ในสนามรบเป่ยฝาง

 

 

แต่ว่า ลู่เจี้ยกลับขัดคำพูดเขา ถามด้วยความเยือกเย็น “อาหลีล่ะ”

 

 

อาหลีหรือ เจียงหลี!

 

 

ลู่เสวียนนิ่งไปชั่วขณะและตอบสนองทันทีใบหน้าตื่นตระหนกจากการพบเจอลู่เจี้ยเริ่มวิตกกังวล “พี่ใหญ่ รีบไปหาซ้อเล็กเข้า! นางเดินตามพวกผู้ชายกักขฬะพวกนั้นไปแล้ว”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด