ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 34 อันหลินผู้ยากลึกหยั่งถึง
“รู้สึกว่าคนที่ถูกสุนัขตัวใหญ่ทับ จะเป็นหลิวเฉียงอันดับที่สี่สิบห้า”
“สหาย ตาเจ้าช่างดียิ่งนัก! ใบหน้าถูกชกจนเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้ายังจำได้อีก!”
…
“ใครก็ได้อธิบายให้ข้าฟังหน่อยว่า สุนัขตัวนั้นมันอย่างไรกัน”
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ในจัตุรัสก็เงียบสงัดอีกครั้ง…
“สุนัขตัวนั้น ข้าไม่รู้ว่าเป็นมาอย่างไร แต่คนคนนั้น รู้สึกว่าจะเป็นนักเรียนใหม่อันหลิน!”
“อะไรนะ…เขาคืออันหลินที่เข้าเรียนด้วยกายแห่งมรรคขั้นศูนย์คนนั้นหรือ”
ในภาพเหตุการณ์การต่อสู้ เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของอันหลิน ดังนั้นนักเรียนส่วนใหญ่จึงจำเขาไม่ได้ในแวบแรก
ตอนนี้เมื่อได้รับบ่งชี้ นักเรียนหลายคนต่างก็เริ่มเชื่อมโยงเขากับภาพวาดบนอันดับคนดังของสำนัก
“ให้ตายเถอะ เป็นเขาจริงๆ ด้วย!”
“เขาเข้าเรียนด้วยกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ถึงได้แข็งแกร่งปานนั้นล่ะ!”
นักเรียนหลายคนเมื่อเห็นฉากนี้ ต่างก็แสดงอาการตกตะลึง
แม้จะชมศึกผ่านหน้าจอ พวกเขาก็มองออกว่า อานุภาพที่ระเบิดออกมายามอันหลินปล่อยหมัด มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้แข็งแกร่งทั่วไปจะสำแดงได้แน่นอน
ยามปล่อยหมัดมีลมพัดหวีดหวิว กำปั้นกระแทกลงไปอย่างว่องไวและรุนแรงเป็นที่สุด!
ช่างน่าตะลึง! เด็กเส้นที่เส้นใหญ่ที่สุด ผู้เข้าเรียนด้วยระดับกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ กำลังรัวหมัดใส่ผู้แข็งแกร่งติดอันดับเซียนของสำนักอยู่!
เป็นเพราะศีลธรรมขาดหาย หรือต่อสู้บากบั่นจนแข็งแกร่งกันนะ
นักเรียนหลายคนต่างก็ได้สติกันระนาว นี่มันข่าวใหญ่เชียวนะ!
บรรยากาศในจัตุรัสหยกขาวถูกจุดประกายอีกครั้ง นักเรียนทั้งหลายพูดคุยกันไม่หยุด
นักเรียนบางคนคาดเดาว่าอันหลินเก็บซ่อนศักยภาพตอนที่สมัครเข้าเรียน บางคนฟันธงว่าอันหลินมีสุดยอดปราณวิเศษเพิ่งสำนึกรู้ในช่วงที่ผ่านมา นักเรียนหญิงบางคนถึงขั้นว่าแอบสืบหาที่พักของอันหลินแล้ว…
ในตอนนั้นเอง ก็มีอีกประโยคดังขึ้นมา
“อันที่จริง จะว่าไปแล้ว ข้าก็ยังสนใจว่าสุนัขตัวนั้นเป็นมาอย่างไรมากกว่า…”
เมื่อสิ้นประโยคนี้ นักเรียนในจัตุรัส ก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง…
…
ในป่าพันยอด อันหลินไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจัตุรัสหยกขาว
เขากำลังรัวหมัดใส่หลิวเฉียงอยู่ ถึงใจทุกหมัด เสียงดังปึกปัก!
หลิวเฉียงผู้น่าสงสาร ไม่มีแม้แต่โอกาสลงมือด้วยซ้ำ แสงทองคุ้มกันถูกกำปั้นของอันหลินกระแทกจนโผล่ออกมาแล้ว…
หลิวเฉียงน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากสั่นระริก เอ่ยปากอย่างยากลำบากว่า “อันหลิน ทวดเจ้าสิ! ข้าไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษเจ้าหรือไง”
บัดซบ! ทั้งที่เขาแค่อยากซ้ำมีดเงียบๆ แท้ๆ
จู่ๆ หนึ่งคนหนึ่งสุนัขจากกลางเวหาก็กระโจนลงมาหาเขา ไม่พูดพร่ำทำเพลงรัวหมัดใส่ทันที ที่สำคัญคือชกหน้าอย่างเดียว!
เขาไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือ
สายตาที่อันหลินมองเขาดูโกรธแค้นอย่างยิ่ง ราวกับจะเขมือบเขาแล่หนังเขาทั้งเป็นอย่างไรอย่างนั้น…
แต่ว่า เขากับอันหลินเพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกไหมเล่า!
มันเป็นความแค้นความโกรธเกลียดอะไรกันแน่
อันหลินเห็นแสงทองคุ้มกันสาดแสงแล้ว ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ นวดคลึงมือที่แดงบวมเล็กน้อยพลางพูดว่า “เจ็บจริงๆ”
หลิวเฉียงได้ยินประโยคนี้ ก็อัดอั้นตันใจ เกือบจะกระอักเลือดออกมาอีกแล้ว
อันหลินมองหลิวเฉียงแวบหนึ่ง พูดต่อว่า
“อ้อ ข้าจะตอบคำถามเมื่อครู่ของเจ้า เจ้าไม่ได้ขุดหลุมศพบรรพบุรุษข้าหรอก ที่ข้าชกเจ้าเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าแย่งงานข้า ฟังให้ดีล่ะ…ข้าต่างหากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซ้ำมีด มีแค่ข้าเท่านั้นที่ซ้ำมีดได้!ราชันซ้ำมีด ข้าต้องได้เป็นแน่!”
พูดจบ อันหลินก็ชูนิ้วโป้งชี้ใส่ตัวเอง ทำหน้าทะนงและกระหยิ่มยิ้มย่อง
พรืด!
เมื่อจบประโยคนี้ หลิวเฉียงก็อาเจียนเลือดที่อัดอั้นอยู่ในอกออกมาได้สำเร็จ
…
ณ จัตุรัสหยกขาว เหล่าลูกศิษย์ตะลึงพรึงเพริดอีกครั้ง
หน้าจอผลึกหินมีคุณลักษณะบันทึกและถ่ายทอดสดเท่านั้น เหล่านักเรียนไม่ได้ยินบทสนทนาในการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเห็นอันหลินพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นหลิวเฉียงก็กระอักเลือดทันที!
“สุดยอด! มันเป็นแรงกดดันของผู้แข็งแกร่งหรือ”
“ไม่ ข้าคิดว่าเป็นอิทธิฤทธิ์คลื่นเสียง มีพลังทำลายอันไร้รูปร่าง!”
“คุณพระ อิทธิฤทธิ์นี้สามารถทำร้ายคนผ่านแสงทองคุ้มกันได้ด้วยหรือ สุดยอดไปเลย!”
“ศิษย์น้องอันหลินช่างยากลึกหยั่งถึง เขาเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!”
…
ในป่าพันยอด หลังหลิวเฉียงหายไปแล้ว อันหลินก็มองไปทางที่สวีเสี่ยวหลานต่อสู้อีกครั้ง
ตูม!
เปลวไฟระเบิด คลื่นร้อนระอุแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ
สวีเสี่ยวหลานเดินออกมาจากเปลวไฟ ลูกไฟที่เคลื่อนไหวประหนึ่งมีชีวิต หมุนรอบตัวนาง
ด้านหลังนาง สงซาอันดับที่ยี่สิบเก้าล้มลงไป แสงทองคุ้มกันปรากฏขึ้นมาแล้ว…
เมื่ออันหลินเห็นสภาพของสวีเสี่ยวหลานก็เจ็บปวดใจ รีบรุดวิ่งเข้าไป
ตามตัวนางมีรอยมีดเพิ่มมาเป็นจำนวนมาก ชุดนักพรตสีอ่อนถูกเลือดสีแดงฉานย้อม ใบหน้างดงามแลดูค่อนข้างซีดเซียว
“สวีเสี่ยวหลาน!” อันหลินตะโกนเสียงดังลั่น
สวีเสี่ยวหลานเห็นผู้มาเยือน ใบหน้างามเกลี้ยงเกลาดุจหยกแสดงอาการดีใจออกมา “อันหลิน! เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร!”
“ข้าได้ยินเสียงต่อสู้จากที่นี่ ก็เลยตามมา จะว่าไป…เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” อันหลินพูดด้วยความเป็นห่วง
สวีเสี่ยวหลานส่ายหน้า บาดเจ็บจากการต่อสู้เป็นเรื่องปกติมาก สำหรับนางบาดเจ็บแค่นี้ไม่นับว่าสาหัสมากนัก
ต่อมา นางก็เห็นสุนัขตัวใหญ่ข้างหลังอันหลิน พลันก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงว่า “อันหลิน! สุนัขข้างหลังเจ้านั่นมันอย่างไรกัน”
“อ้อ เจ้าหมายถึงมันหรือ มันก็คือต้าไป๋” อันหลินอธิบาย
“หา! มันก็คือสุนัขตัณหากลับที่แอบมองผู้หญิงอาบน้ำตัวนั้นหรือ” สวีเสี่ยวหลานเบิกตากว้าง ปิดปากพูดอย่างตกใจ
เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อ สุนัขตัณหากลับที่อันหลินเคยพูดให้นางฟังก่อนหน้านี้ น่าเกรงขามปานนี้เชียวหรือ!
“โฮ่ง! อันหลิน ปกติเจ้าแนะนำข้าให้คนอื่นฟังแบบนี้หรือ”
ต้าไป๋มีน้ำโห ถลึงตาใส่อันหลิน “โบราณกล่าวว่าความในอย่านำออก…ถุย! สำนวนกล่าวว่าเรื่องอื้อฉาวของมิตรสหายห้ามเผยแพร่ เจ้าช่วยสร้างเรื่องของข้าให้ดีหน่อยไม่ได้หรือ”
อันหลินส่ายหน้าอย่างกระอักกระอ่วน สวีเสี่ยวหลานก็รู้ว่าตัวเองปากไว สร้างปัญหาเสียแล้ว จึงรีบเปลี่ยนประเด็นทันที “ไม่คิดว่าเลยว่าต้าไป๋จะน่าเกรงขามเช่นนี้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ จะว่าไปพวกเจ้ามาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร!”
ต้าไป๋ได้ยินคำชื่นชมของสวีเสี่ยวหลาน ใบหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
อันหลินเห็นดังนั้นก็รีบเปลี่ยนประเด็น บอกเล่าเรื่องราวว่าเขาพบกับต้าไป๋ได้อย่างไรให้สวีเสี่ยวหลานฟัง
…
ณ จัตุรัสหยกขาว เมื่ออันหลินชนะหลิวเฉียง เดินไปหาสวีเสี่ยวหลาน เหล่านักเรียนคิดว่าจะเกิดศึกใหญ่อีกแล้วเสียอีก
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงคือ สองคนหนึ่งสุนัขบนหน้าจอ กลับพูดคุยกันด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจ!
“อะไรกัน ที่แท้พวกเขาก็รู้จักกันนี่เอง”
“ช่างเถอะ พวกเราดูการต่อสู้บริเวณอื่นแล้วกัน”
บางคนพูดอย่างผิดหวัง
ตอนนี้หน้าจอผลึกหินแบ่งหน้าต่างออกเป็นสิบกว่าช่อง แต่ละช่องล้วนมีศึกกำลังดำเนินอยู่ ทุกคนต่างก็ชมศึกที่ตัวเองชื่นชอบอย่างมีเป้าหมาย
อาจารย์ที่ทำหน้าควบคุมการถ่ายทอดภาพการต่อสู้ กำลังคิดว่าจะยกเลิกภาพการต่อสู้ของอันหลิน จากนั้นก็เหมือนเห็นภาพอะไรบางอย่างเข้า อากัปกิริยาหยุดนิ่งไป เบิกตาโต
“พวกเจ้ามองที่ช่องของอันหลินเร็วเข้า!” จู่ๆ ก็มีนักเรียนตะโกนดังลั่นจัตุรัส
หลายคนได้ฟังก็พากันมองไปที่หน้าต่างช่องนั้น จากนั้นพวกเขาก็ทำท่าเหมือนเห็นเรื่องที่ชวนให้งุนงงบางอย่าง ต่างก็ชะงักอยู่กับที่
ภาพนี้งดงามเหลือเกิน งดงามจนทำให้ทุกคนลืมหายใจ อยู่ในภวังค์ความเงียบอีกครั้ง
สองคนหนึ่งสุนัขที่พูดคุยกันอย่างออกรสในตอนแรก จู่ๆ ภาพก็เปลี่ยนไปกะทันหัน
เห็นสุนัขสีขาวตัวนั้น จู่ๆ ก็อ้าปากกว้าง จากนั้นเขมือบสวีเสี่ยวหลานลงไปทั้งเป็น… ………………………………..
คอมเม้นต์