ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 42 สงครามสุดท้าย
หยดเลือดยังไม่ทันจางหายไป รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็มาโผล่ข้างๆ อันหลินในพริบตา
เขาสะบัดแขนเสื้อ ละอองเลือดหายไปจนหมดสิ้น จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนตรงประหนึ่งมนุษย์เลือด
บัดซบ บาดเจ็บขนาดนี้ ตายไปแล้วกระมัง!
รองผู้อำนวยการอวี้หัวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ล้วงยาวิเศษออกมา ส่งเข้าปากอันหลินอย่างไม่ลังเล
ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้วิชาเซียนรักษาที่ทรงพลังที่สุด รักษาอาการบาดเจ็บภายในของอันหลิน
เซียนพสุธาชางชิงก็ตามมาเช่นกัน ถามอย่างร้อนใจว่า “รองผู้อำนวยการ อันหลินเป็นอย่างไรบ้าง”
การระเบิดของอันหลิน สร้างความตกใจให้เขาไม่น้อยเลย
บัดนี้เมื่อเห็นเลือดที่ปกคลุมทั่วร่างของอันหลินแล้ว เขาก็รู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม
“เขาเสียเลือดจนสิ้น เดิมทีร่างกายควรจะแหลกละเอียด ทว่ามีพลังลึกลับบางอย่าง รักษาร่างกายของเขาเอาไว้ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ อาการในตอนนี้ของเขาก็ย่ำแย่ยิ่งนัก ข้าจะส่งเขาไปที่โลงเย็นพันธนาการจิต!” อวี้หัวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เซียนพสุธาชางชิงได้ยินก็ตกใจ โลงเย็นพันธนาการจิตเป็นศาสตราวุธที่ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณสลาย นี่เป็นวิธีการขั้นสุดท้ายในการรักษาชีวิตของสำนักแล้ว ไม่คิดว่าอันหลินจะบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้!
“รองผู้อำนวยการ ให้ข้าไปด้วยเถอะ” ชางชิงเป็นห่วงอันหลินยิ่งนัก ยามนี้จึงเอ่ยปากขึ้นมา
“ใต้เท้า ข้าก็จะไปด้วย โฮ่ง!”
ต้าไป๋ก็วิ่งเข้ามา มองอันหลินที่กลายเป็นมนุษย์เลือดอย่างเป็นกังวล พูดกับเซียนสวรรค์อวี้หัว
อวี้หัวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ได้ พวกเจ้าตามข้าไปด้วย ถึงตอนนั้นจะได้ดูแลอันหลินได้”
พูดจบ รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็พาอันหลิน กลายเป็นลำแสงพุ่งออกนอกค่ายกล เซียนพสุธาชางชิงกับต้าไป๋ก็ตามไปติดๆ
ณ จัตุรัสหยกขาว เหล่านักเรียนได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นกะทันหัน ก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณพระ ทำไมจู่ๆ อันหลินถึงระเบิดล่ะ”
“หรือจะเป็นผลข้างเคียงของท่าเมื่อครู่นี้”
“หากว่าเป็นเช่นนี้จริง คิดว่าท่านั้นคงเป็นท่าสังหารศัตรูหนึ่งร้อย เสียหายหนึ่งหมื่นเป็นแน่…เจ็บหนักขนาดนี้ เขาจะรอดหรือไม่”
“รองผู้อำนวยการอวี้หัวมาแล้ว อันหลินน่าจะไม่เป็นอะไร”
…
ขณะที่นักเรียนกำลังพูดคุยกันเซ็งแซ่ ผู้หญิงคนหนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นมา วิ่งออกไปนอกจัตุรัส
อาการของนางยังหายไม่สนิท บัดนี้เมื่อเคลื่อนไหว แผลก็ปริอีกครั้ง เลือดย้อมชุดนักพรต
ร่างอรชรไม่สนใจใยดี พุ่งออกจากค่ายกลรักษาของจัตุรัสไปทั้งอย่างนั้น วิ่งออกไปไกล
“สวีเสี่ยวหลาน! ข้าไปด้วย!” จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง
สวีเสี่ยวหลานเงยหน้างามเกลี้ยงเกลาขึ้นมอง เห็นเซวียนหยวนเฉิงขี่กระบี่ตามมา
“อาการของเจ้าไม่เป็นไรหรือ” สวีเสี่ยวหลานถาม
“เจ็บเพียงเล็กน้อย เกิดเรื่องกับนักเรียนในห้อง หัวหน้าห้องไม่สนใจไม่ได้ ไปกันเถอะ ศูนย์รักษาอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร ข้าขี่กระบี่พาเจ้าไป”
เซวียนหยวนเฉิงยิ้มอ่อนโยน
“เช่นนั้นต้องขอรบกวนหัวหน้าห้องด้วย” สวีเสี่ยวหลานก็เป็นห่วงอาการของอันหลินมากเช่นกัน จึงพยักหน้าตอบตกลงโดยที่ไม่ลังเลเลยสักนิด
กระบี่คมพาเซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลาน พุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง กลายเป็นลำแสงเหาะไปยังศูนย์รักษา
…
ในป่าพันยอด ขอบเขตของเขตแดนหดเหลือเพียงรัศมีสิบลี้แล้ว
เหล่าผู้แข็งแกร่งติดอันดับเซียนเริ่มต่อสู้ครั้งสุดท้าย นักเรียนกายแห่งมรรคแพ้ให้ผู้แข็งแกร่งระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างรวดเร็ว
นักเรียนระดับกายแห่งมรรคตกรบกันเป็นทิวแถว กระทั่งสุดท้าย ที่นี่ก็กลายเป็นสมรภูมิรบของนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ คู่ที่น่าติดตามที่สุดคือหลิวเชียนฮ่วนกับหยางเฉิงอู่
พลังชีวิตของหลิวเชียนฮ่วนมีมหาศาล วิชาเซียนพิลึกพิสดารมีนับไม่ถ้วน จึงเอาชนะผู้แข็งแกร่งหล่อเลี้ยงวิญญาณติดต่อกันหลายคน
หยางเฉิงอู่มีวิชากระบี่ไร้เทียมทาน ไม่มีใครกล้าประจันหน้า เขายิ่งรบก็ยิ่งฮึกเหิม สั่งสมพลังจนถึงขีดสูงสุดแล้ว
ขณะที่เขาคิดว่าจะได้รบครั้งสุดท้ายกับหลิวเชียนฮ่วนแล้ว ก็มีคู่ต่อสู้ที่ไม่คาดคิดโผล่มา
นางก็คือซูเฉี่ยนอวิ๋นผู้ที่เก็บตัวมาตลอดในบรรดานักเรียนใหม่
เมื่อหยางเฉิงอู่เห็นนาง ก็ตกตะลึงกับรูปโฉมของนาง คิดในใจว่าสมกับเป็นเทพีอันดับหนึ่งของสำนัก แทบจะเทียบเท่าท่านที่อยู่บนวังจันทราแล้ว
นักพรตทั่วไปเมื่อเห็นซูเฉี่ยนอวิ๋น อาจจะไม่มีสมาธิ แต่ไม่ใช่หยางเฉิงอู่
เขาภักดีกับกระบี่ของเขาเท่านั้น สิ่งที่นอกเหนือจากกระบี่ เขาไม่สนใจเท่าใดนัก
นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเจอกับนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้น ศึกนี้ไม่มีหวังแล้ว!
หยางเฉิงอู่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เริ่มต่อสู้กับซูเฉี่ยนอวิ๋นแล้ว
จากนั้นก็ถูกฟันแขนข้างหนึ่งขาด…
“อ๊าก!”
หยางเฉิงอู่กุมแขนอย่างเจ็บปวด พูดด้วยความพรั่นพรึงว่า “เจ้าใช้อาวุธอะไรกันแน่!”
กงจักรสีน้ำเงินกึ่งโปร่งแสง กำลังหมุนรอบซูเฉี่ยนอวิ๋นอย่างรวดเร็ว แลดูวิเศษยิ่งนัก
“กงจักรแสงจันทร์ อาวุธเซียน” ซูเฉี่ยนอวิ๋นเอ่ยเสียงเรียบ
หยางเฉิงอู่เบิกตากว้าง บัดซบ อาวุธเซียนงั้นหรือ
ในแคว้นจิ่วโจว อาวุธเซียนเป็นของประจำสำนักของสำนักขั้นสูง ในมือของหญิงสาวคนนี้ก็มีด้วยงั้นหรือ!
หยางเฉิงอู่เสียท่าให้กับกงจักรแสงจันทร์ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวงโคจรของกงจักรแสงจันทร์จะพิลึกเช่นนี้ ยามเคลื่อนไหวราวกับทะลุข้ามมิติ พุ่งมาประชิดเขา ตัดแขนของเขาขาดในพริบตา
…
ซูเฉี่ยนอวิ๋นรู้ว่า อาวุธเซียนเมื่ออยู่ในมือของเซียนสวรรค์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่า จึงจะปล่อยอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้
เมื่ออยู่ในมือของนาง ปล่อยพลังออกมาได้แค่บางส่วนเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นการสิ้นเปลืองอย่างยิ่ง
แต่นางไม่มีทางเลือก เพราะพี่ฉางเอ๋อรักนาง จะยัดกงจักรแสงจันทร์ใส่มือนางให้ได้!
หากว่าหยางเฉิงอู่รู้สาเหตุที่นางได้อาวุธชิ้นนี้มา จะกระอักเลือดหรือไม่…
หยางเฉิงอู่เสียท่าเพราะประมาท ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ จู่โจมซูเฉี่ยนอวิ๋นอีกครั้ง
แม้อาวุธเซียนจะร้ายกาจ แต่เมื่อต้องเจอกับความแตกต่างของระดับ ก็ไม่สามาถรับมือได้เช่นกัน
เมื่อผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดแล้ว ในที่สุดหยางเฉิงอู่ก็คว้าชัยชนะไป
สุดท้ายนักพรตสายพลังก็ชนะนักพรตสายไอเทมอยู่ดี!
มองร่างที่ถูกแสงทองคุ้มกันปกคลุมเบื้องหน้า หยางเฉิงอู่น้ำตารื้น กำกระบี่หักเล่มนั้นไว้แน่น มุ่งหน้าไปยังสนามรบสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้ หลิวเชียนฮ่วนจึงได้เจอหยางเฉิงอู่ที่เต็มไปด้วยบาดแผล
อาวุธของเขาหักไม่พอ มือยังถือแขนที่ขาดเอาไว้ข้างหนึ่ง ตามเนื้อตัวมีบาดแผลอีกหลายแห่ง อ่อนระโหยโรยแรง
หลิวเชียนฮ่วยอ้าปากน้อยๆ ดวงตาสีม่วงประหนึ่งลูกแก้วที่เปล่งประกายเปลี่ยนจากความตกใจเป็นดีใจ
“ล่าหัวอะไรเทือกนี้ ข้าชอบที่สุด!”
หลิวเชียนฮ่วนตะโกนประโยคจูนิเบียวออกมา จากนั้นก็ปล่อยลำแสงสุดท้ายทันที!
ครืน
คทาขนนกลอยคว้างกลางอากาศ เสาแสงพลังดุจอาวุธเลเซอร์พุ่งออกไป ทะลวงร่างของหยางเฉิงอู่ในเสี้ยววินาที
หยางเฉิงอู่ จู่ๆ…
ไม่สิ แสงทองคุ้มกันปรากฏขึ้นรอบตัวเขาแล้ว แม้แต่แขนที่ขาดของเขาก็ถูกส่งออกนอกค่ายกลพร้อมกัน คิดว่าแขนของเขาน่าจะพอรักษาได้
หลังหลิวเชียนฮ่วนเอาชนะหยางเฉิงอู่แล้ว อารมณ์ก็ไม่ได้ผ่อนคลายมากนัก
เพราะยังมีอีกคนไม่มา คนนั้นก็คือหวังเสวียนจ้านอันดับหนึ่งแห่งสำนัก…
“อืม น่ารำคาญนัก แม้จะใช้ท่าลับ แต่ก็รู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะชนะไม่สูง”
หลิวเชียนฮ่วนทำหน้ากลัดกลุ้ม เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดยามแพ้พ่าย นางก็ยิ่งทุกข์ใจ
ขณะที่นางกำลังรอคอย จู่ๆ เซียนกระบี่หลิงเซียวก็ปรากฏกายตรงหน้านาง
“ยินดีด้วย นักเรียนหลิวเชียนฮ่วน เจ้ากลายเป็นนักเรียนคนสุดท้ายในป่าพันยอดแล้ว (นอกจากเฉินเฉินแล้ว) เจ้าจะได้รับรางวัลพิเศษจากสำนักเรา ตอนนี้ตามข้าออกจากค่ายกลเถอะ!” เซียนกระบี่หลิงเซียวพูดพลางยิ้มอ่อนโยน
“หา ข้าเป็นคนสุดท้ายแล้วหรือ แล้วหวังเสวียนจ้านล่ะ” หลิวเชียนฮ่วนถามอย่างแปลกใจ
“อืม…หวังเสวียนจ้านแพ้อันหลินแล้ว แต่อันหลินก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกส่งตัวออกไปแล้ว” เซียนกระบี่หลิงเซียนอธิบายอย่างใจเย็น
หลิวเชียนฮ่วนตกใจยิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีม่วงคู่งามเบิกจนกลมกว้าง
“อะไรนะ! หวังเสวียนจ้านแพ้อันหลินแล้วหรือ โอ้โฮ…อันหลินแข็งแกร่งปานนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปข้าจะใช้กำลัง บังคับเขาให้เล่นเกมกับข้าได้อย่างไร!”
มุมปากของเซียนกระบี่หลิงเซียวกระตุก นางควรจะพูดว่าทำไมอันหลินถึงแข็งแกร่งปานนี้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงนึกถึงเรื่องเกมได้ล่ะ
เป็นอย่างที่ร่ำลือกันข้างนอก สมองของหญิงสาวผู้คลั่งไคล้ไซเบอร์คนนี้ประหลาดยิ่งนัก…
เซียนกระบี่หลิงเซียวตัดสินใจแล้ว นั่นก็คือปกป้องอันหลินให้ดีที่สุด จะปล่อยให้เขาถูกสาวน้อยผู้คลั่งไคล้ไซเบอร์คนนี้ทำอันตรายไม่ได้เด็ดขาด!
……………………………..
คอมเม้นต์