นี่ข้าเป็นเพียงตัวประกอบงั้นรึ – ตอนที่ 1 บทนิยาย
ตอนที่ 1
บทนิยาย
กลิ่นกายที่หอมประหนึ่งดอกไม้ล่องลอยมาเตะจมูกที่เป็นประสาทสัมผัสที่ทำงานดีที่สุดในตอนนี้ให้สามารถรับรู้ได้ ดวงตาทั้งสองข้างกำลังพับปิดลงอยู่ทุกอย่างนั้นมืดมิดราวกับถูกกักขังอยู่ภายในกรงแห่งความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด
ภายในความมืดแห่งนี้ลู่หานสัมผัสได้ถึงสองอย่างหนึ่งคือกลิ่นกายของผู้ใดสักคนที่หอมราวกับน้ำหอมชั้นเลิศที่เขาเคยได้กลิ่นภายในห้างสรรพสินค้า สองคือความรู้สึกที่ทั่วทั้งกายมีน้ำเย็นๆคอยมากระทบเป็นระยะๆ
ดวงตาทั้งสองข้างที่กำลังพับปิดอยู่เมื่อนานเข้าก็เริ่มเปิดขึ้นเพื่อเห็นทัศนียภาพภายในโลกแห่งความจริง ดวงตาสีดำสนิทที่แฝงไปด้วยความเย็นชาเปิดขึ้นมาหลังจากที่พับปิดมาเป็นเวลานาน ภาพที่กำลังสะท้อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นคือเพดานไม้ที่เขาไม่คุ้นเคย
ร่างกายที่ได้นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้คือร่างของบุรุษวัยประมาณยี่สิบปีที่มีใบหน้าหล่อเหลาเป็นทุนเดิมเรือนผมสีดำสนิทเหมือนกับสีของดวงตา ผิวกายออกจะดูซีดเผือดไปบ้างแต่ก็อาจจะเพราะล้มป่วยมาเป็นเวลานานทั้งร่างกายถูกสวมทับด้วยอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มแฝงไปด้วยความสง่างาม
ลู่หานที่เพิ่งจะได้สติพยายามรวบรวมสติของตนเองแล้วเริ่มใช้ดวงตาของตนกวาดมองรอบกาย สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยของตกแต่งภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย
“ อะไรกันที่แห่งนี้มัน… ” เสียงอันแหบแห้งเปล่งออกมาจากลำคอหลังจากที่เห็นสถานที่รอบกายของตนที่แปลกตาไป
สถานที่ที่ร่างของเขากำลังนอนอยู่มันคือห้องหนึ่งที่เหมือนกับห้องภายในยุคจีนโบราณที่ ทุกอย่างถูกทำขึ้นมาจากไม้อย่างประณีตแทนที่จะเป็นหินอ่อนหรือปูน และของประดับภายในห้องเองก็เป็นจำพวกแจกันที่ดูล้ำค่า
ภายในห้องถือว่าไม่ร้อนอบอ้าวเพราะว่าหน้าต่างบานใหญ่สองบานภายในห้องถูกเปิดเอาไว้ แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องทอประกายเข้ามาสู่ด้านในห้องให้ความสว่างไสวพร้อมกับมีสายลมอ่อนๆพัดโชยเข้ามาด้านในให้ความราบรื่นภายในห้อง
ภายในใจของลู่หานเต็มไปด้วยความฉงนร่างที่กำลังติดเตียงอยู่นั้นเริ่มออกแรงลุกขึ้นจากเตียงที่กำลังนอนอยู่ ทว่า…เมื่อรองเรียกเร้นแรงทั้งหมดในการออกแรงลุกขึ้นแล้วความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายจนต้องเปิดปากร้องออกมา “ โอ๊ย!!! ”
ความตั้งใจที่จะลุกขึ้นจากท่านอนมันเอาชนะความเจ็บปวดที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายไม่ได้ ลู่หานยอมแพ้แล้วได้แต่นอนลงไปที่เตียงเช่นเดิม
หนึ่งเสียงฝีเท้าอันนุ่มนวลย่างกายดังแว่วล่องลอยมาตามสายลมเข้าหูของลู่หานที่กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียง
ดวงตาทั้งสองข้างของลู่หานปรายตาไปมองประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกเปิดเอาไว้อยู่ ไม่นานนักเจ้าของเสียงฝีเท้าอันนุ่มนวลก็ใช้มืออันนุ่มนวลของนางดันประตูไม้นั้นเข้ามาด้านใน
เจ้าของกลิ่นกายที่หอมประหนึ่งดอกไม้ที่เปรียบได้กับน้ำหอมชั้นยอดย่างกายเข้ามาภายในห้องที่ลู่หานนอนอยู่
สตรีวัยประมาณยี่สิบต้นๆเมื่อมองแล้วก็มีอายุห่างจากลู่หานไม่เท่าไหร่ย่างกายเข้ามาภายในห้องพลางกับนำพากลิ่นกายที่หอมประหนึ่งดอกไม้นั้นมาด้วย
ผิวกายที่ขาวประหนึ่งหิมะเรือนร่างบางๆที่งดงามนั้นถูกสวมทับด้วยอาภรณ์สีขาวอันงดงามสะกดสายตา เรือนผมสีดำยาวสลวยที่ถูกรวบมัดและจัดแต่งไว้เป็นอย่างดี โครงหน้างดงามเป็นเอกยากที่จะหาสตรีนางใดในใต้หล้าเทียบเทียมได้
ทุกย่างก้าวราวกับประหนึ่งเทพธิดาจากสรวงสวรรค์กำลังก้าวเดินเข้ามาหาเขา ความงดงามของนางลู่หานที่ได้เห็นมิรู้ว่าจะหาคำใดมาเปรียบได้
สตรีนางนั้นย่างกายเข้ามาใกล้ร่างของลู่หานที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาสีดำใสราวกับลูกแก้วแต่ก็แฝงเร้นไปด้วยความเฉียบคมมองมาที่ใบหน้าของลู่หานอย่างเรียบเฉย ใบหน้าของนางงดงามไร้ที่ติแต่มันก็แฝงไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“ เธอ… ” ลู่หานเปล่งเสียงแหบแห้งอีกครั้ง ทั่วทั้งใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นทุนเดิมกำลังตระหนก ในตลอดชีวิตสามสิบปีของลู่หานเขาไม่เคยเห็นสตรีนางใดงดงามเปรียบได้เช่นนี้มาก่อนเลย
ทั้งนางแบบหรือดาราที่เขาพบเห็นในอินเตอร์เน็ตก็ไม่มีใบหน้าและเรือนร่างงดงามเช่นนี้มาก่อน กระนั้นความงดงามของนางก็ถูกส่งเสริมขึ้นอีกด้วยอาภรณ์สีขาวอันงดงามภายในยุคจีนโบราณที่สวมทับร่างกายของนางอยู่
“ เธอเป็นใครกัน ” ลู่หานถามออกไปด้วยความสงสัย
คิ้วทั้งสองที่กำลังประดับอยู่บนใบหน้าที่งดงามนั้นขมวดมุ่นพลันกับแสดงความสงสัยออกมา
“ เธอเป็นใครงั้นรึ??? ” เสียงอันไพเราะประหนึ่งเสียงของระฆังแก้วดังขึ้นมาแต่กระนั้นเสียงของนางก็มีความเย็นชาแฝงอยู่เล็กๆ
เมื่อเห็นใบหน้าของนางลู่หานก็เต็มไปด้วยความสงสัย บัดนี้ภายในสมองกำลังครุ่นคิดและไต่ตรองอย่างหนักว่าตัวเองอยู่ที่ใด
ลู่หานสับสนเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบัดนี้มันเกิดอันใดขึ้น ผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นลู่หานเองก็เริ่มกลั้นกรองคำถามที่พอจะบ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นออกมาได้
“ ที่แห่งนี้มันคือที่ไหน.. ” ลู่หานถามออกไป
“ เจ้าพูดอันใดกันน่ะที่แห่งนี้ก็คือยอดเขาหวนหลงของเจ้าอย่างไรละ ” สตรีเบื้องหน้าของลู่หานตอบกลับไปด้วยใบหน้าอันงดงามของนางที่ยังคงขมวดมุ่นไม่จางหายความสงสัย
“ ยอดเขาหวนหลงงั้นรึ!!! ” เสียงอันแหบแห้งก่อนหน้านี้ของลู่หานหายไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อได้ยินชื่อของยอดเขาหวนหลงดวงตาทั้งสองข้างของลู่หานก็เบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกทันที
ชื่อของยอดเขาหวนหลงมีหรือว่าเขานั้นจะลืมเลือนไปจากความทรงจำได้ มันเป็นชื่อยอดเขาภายในนิยายเรื่อง จ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้าที่เป็นนิยายชื่อดังในปี 2021 จ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้ามันเป็นนิยายออนไลน์ที่มีจำนวนตอนมากกว่า 5000 ตอนดำเนินเนื้อเรื่องมาแล้วมากกว่าสามปี
ลู่หานเองก็เป็นหนึ่งในแฟนตัวยงของนิยายเรื่องนี้ และยอดเขาหวนหลงก็เป็นหนึ่งในชื่อสถานที่ของนิยายเรื่อง จ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้างั้นรึ
ลู่หานตระหนักได้ว่าถ้าสตรีผู้งดงามห่างผู้ใดเปรียบนางนี้บอกว่าสถานที่แห่งนี้มันคือยอดเขาหวนหลงจริงๆนั้นย่อมแปลว่าเขาหลุดมาภายในนิยายเรื่อง จ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้า
นิยายแนวเกิดใหม่ก็มีอยู่มากจนนับไม่หมดแต่ลู่หานเองก็ไม่คิดว่าเขาจะหลุดเข้ามาภายในนิยายจริงๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นทุนเดิมกำลังเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ลู่หานนิ่งเงียบไปเขาพยายามใช้ความคิดทั้งหมดเพื่อยืนยันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ก่อนหน้านี้ลู่หานจำได้แม่นเขากำลังนั่งอ่านนิยายเรื่องจ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้าที่เพิ่งออกมาใหม่ในตอนที่ 6342
ร่างกายกลิ้งไปมาบนเตียงนุ่มๆที่ทั่วทั้งห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ นิ้วมือเลื่อนอ่านนิยายภายในโทรศัพท์มือถือไปๆมาๆดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มคล้อยต่ำลง พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว
กระนั้นเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งลู่หานเองก็เริ่มครุ่นคิดถึงตัวตนที่เขามาเกิดใหม่ ผู้ที่อาศัยอยู่บนยอดเขาหวนหลงแห่งนี้คือศิษย์คนที่แปดของสำนัก อักษรสวรรค์ ศิษย์คนที่แปดที่อาศัยอยู่บนยอดเขาหวนหลงคือ ลู่หาน ตัวประกอบของเรื่อง
ลู่หานตัวประกอบที่มีชื่อเดียวกับเขา จริงอยู่ที่นิยายเรื่อง จ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้า เป็นนิยายออนไลน์ชื่อดังที่มีจำนวนตอนมากกว่า 5000 ตอน แต่มันก็มีเรื่องหนึ่งที่มันน่าประหลาดใจสำหรับนักอ่านหลายๆคน
นิยายเรื่องนี้มีโครงเรื่องหลักจากการที่เล่าถึงสํานักอักษรสวรรค์โดยมีตัวเอกเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนัก สำนักอักษรสวรรค์มีศิษย์อยู่ทั้งหมดหลายร้อยคนแต่ว่ามีศิษย์ระดับสองอยู่เพียงแค่แปดคนที่เป็นศิษย์โดยตรงของท่านมหาปราชญ์แห่งยุค
ลู่หานเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์ลำดับที่สองแต่กระนั้นบทของลู่หานเองก็ไม่ได้ถูกยกชูเหมือนกับศิษย์คนอื่นจนเหล่านักอ่านตั้งฉายาให้กับลู่หานว่าตัวละครที่ถูกนักเขียนทอดทิ้ง
ลู่หานที่ตระหนักได้ว่าตนเองมาอยู่ในร่างของตัวประกอบถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับพลันกับพึมพำกับตนเองในใจว่า ‘ เกิดใหม่ทั้งทีทำไมมาอยู่ในร่างของตัวประกอบอีกละเนี่ย ’
ในขณะที่กำลังพึมพำกับความอดสูของตนเองอยู่ภายในใจดวงตาที่กำลังหมดหวังของลู่หานที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเองก็ปรายตาไปเห็นเข้ากับปิ่นปักผมสีเงินที่เป็นลวดลายของหงส์ขาวอันงดงามที่กำลังประดับอยู่บนศีรษะของสตรีที่ยืนมองเขาอยู่ข้างเตียง
เมื่อเห็นปิ่นปักผมที่เป็นสัญลักษณ์ลู่หานเองก็นึกถึงคำบรรยายของตัวละครนึงขึ้นมาได้ทันที ในที่สุดเขาก็รู้ถึงตัวตนของสตรีผู้งดงามราวกับเทพธิดาผู้นี้สักที
นางคือ มู่หลาน ที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้และยังเป็นศิษย์คนที่สามของสำนักอักษรสวรรค์อีกด้วย ถ้าจะเรียกง่ายๆนางก็คือศิษย์พี่ของลู่หาน
ความกลัดกลุ้มที่อยู่ภายในใจของลู่หานก็หายไปชั่วขณะเมื่อล่วงรู้ถึงตัวตนของสตรีที่อยู่ข้างกาย
ลู่หานอดคิดไม่ได้ว่าคำบรรยายของนักเขียนราวกับเป็นความจริงที่อยู่เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้ ความงามที่หาสตรีนางใดเปรียบได้ในยุทธภพเรือนร่างที่งดงามสะกดสายตาของบุรุษพร้อมกับกลิ่นกายที่หอมจนเย้ายวนจิตใจให้สั่นไหว
ตัวละครที่มีชื่อว่ามู่หลานที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้นิยายบรรยายเอาไว้ว่านางมีนิสัยสุขุมนุ่มลึกอ่อนโยนแต่ไม่แสดงออกมักจะแสดงใบหน้าอันเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึก ลู่หานที่เห็นกับตาก็คิดไม่ต่างใบหน้าของนางไม่เป็นมิตรและไม่เป็นศัตรูแต่ก็แฝงไปด้วยความเย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง
“ เจ้าเป็นอันใดรึเปล่า… ” เสียงอันไพเราะระฆังแก้วที่แฝงไปด้วยความเย็นชาเอ่ยถามออกมา
ลู่หานที่กำลังชื่นชมความงามของศิษย์พี่หญิงของตนอยู่ก็พลันสะดุ้งเฮือก
“ ไม่…ขอรับ ” ลู่หานแสร้งพูดตามน้ำไป
“ ดี ” นางตอบกลับมาด้วยถ้อยคำสั้นๆจนลู่หานประหลาดใจจนต้องเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“ ข้าเป็นอันใดไปงั้นรึขอรับศิษย์พี่มู่หลาน ”
“ เจ้าโดนจ้าวอสรพิษเล่นงานจำไม่ได้งั้นรึ ” นางตอบกลับลู่หานด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม
คำตอบกลับมาของสตรีผู้งดงามที่ยืนอยู่ข้างกายของลู่หานมันทำให้เขาได้คำตอบสองอย่าง หนึ่งคือสตรีผู้งดงามนางนี้คือมู่หลานจริงๆ สองคือช่วงเวลาในตอนนี้ที่เขาหลุดเข้ามา ยามนี้เป็นตอนที่ลู่หานได้รับบาดเจ็บเพราะเข้ามาช่วยเหลือมู่หลานจากการโจมตีของจ้างอสรพิษที่เป็นอสูรวิญญาณระดับสูง
ลู่หานที่เป็นตัวประกอบของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่บทน้อยเท่านั้น แต่เมื่อมีบทแต่ละครั้งก็จะมีเรื่องแต่ต้องให้ตนเองบาดเจ็บสาหัสเช่นตอนนี้
ลู่หานไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ถูกทอดทิ้งแต่ยังเป็นตัวละครที่โชคร้ายที่สุดอีกด้วย
“ โอ๊ย!!! อ๊าก!!! ” ลู่หานเริ่มเปล่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดออกมา ความรู้สึกเจ็บปวดบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
จบตอน
คอมเม้นต์