นี่ข้าเป็นเพียงตัวประกอบงั้นรึ – ตอนที่ 10 บททดสอบแรกของผู้เป็นอาจารย์
ตอนที่ 10
บททดสอบแรกของผู้เป็นอาจารย์
กล่าวถึงบททดสอบที่มหาปราชญ์แห่งยุคจะมอบให้กับเหล่าศิษย์ทั้ง 8 ของตนเองเพราะว่ามันคือบทเรียนแทนคำสั่งสอน โดยความยากและจำนวนของบททดสอบนั้นก็จะแตกต่างไปตามรายบุคคล
ภายในนิยายเรื่องจ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้านักเขียนไม่เคยระบุเอาไว้ว่าตัวละครลู่หานได้รับบททดสอบอันใดจากผู้เป็นอาจารย์
เมื่อมองในมุมของเนี่ยหวนที่เป็นศิษย์เอกและศิษย์อันดับ 1 ของสำนักอักษรสวรรค์แล้วบททดสอบของเขาแต่ละครั้งมันทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกอย่างอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นการสังหารราชันย์มังกรเพลิงหรือการขโมยเจดีย์สวรรค์ บททดสอบทุกอย่างมันจัดอยู่ในระดับยากเกินกว่ามนุษย์จะทำได้
แต่ครั้งนี้เมื่อเขานั้นเข้ามาอยู่ภายในร่างของตัวละครลู่หานไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับบททดสอบเช่นนี้ ภายในป่าราตรีมรณะในยามราตรีไม่ได้มีเพียงแค่ไอเย็นเท่านั้นที่เป็นอุปสรรคแต่ว่าสัตว์อสูรวิญญาณเองก็เช่นกัน
ร่างของชายชราที่สวมใส่อาภรณ์สีดำสนิทประหนึ่งขนของอีกาลุกขึ้นจากจุดที่ตนเองนั่ง หนึ่งมือโบกสะบัดบังเกิดเป็นค่ายกลชนิดนึง มันคือค่ายกลมิติที่เอาไว้ใช้เก็บของต่างๆ มือของหวังเซียนฉิงล้วงเข้าไปภายในค่ายกลมิติของตนเองก่อนจะนำของสิ่งหนึ่งออกมา
สิ่งที่อยู่ภายในมือของผู้เป็นอาจารย์มันคือก้อนเปลวเพลิงที่สว่างไสวไปรอบทิศทาง เพียงแค่นำเปลวเพลิงนั้นออกมาไอหนาวเย็นที่อยู่รอบกายก็หายไปจนหมด
ลู่หานมองสิ่งที่อยู่ภายในมือของผู้เป็นอาจารย์อย่างตาไม่กระพริบ ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิดสิ่งที่อยู่ภายในมือของมหาจอมปราชญ์แห่งยุคมันคือ ดวงแก้วเปลวเพลิง มันคือศาสตราวิญญาณระดับ เทวะ
เหล่าของวิเศษภายในนิยายเรื่องนี้มันก็มีคำเรียกของมันโดยเหล่าของวิเศษพวกนั้นจะถูกเรียกว่าศาสตราวิญญาณ ถูกจัดระดับแบ่งความแข็งแกร่งเป็น 4 ระดับ
– ระดับต่ำ
– ระดับสูง
– เทวะ
– มหาศาสตราเทวะ
ดวงแก้วเปลวเพลิงเป็นศาสตราวิญญาณระดับเทวะที่ถือกำเนิดมาด้วยพลังของ แก่นพลังบ่มเพาะของเผ่ามังกรเพลิงหลายร้อยแก่นมาหลอมรวมกันแล้วสร้างขึ้นมาเป็นดวงแก้วเปลวเพลิง
หวังเซียนฉิงโยนศาสตราวิญญาณระดับเทวะที่กำลังรออยู่ภายในมือของตนเองออกไปอย่างเบามือ ดวงแก้วเปลวเพลิงเคลื่อนไหวล่องลอยตรงมาทางลู่หาน สองมือของลู่หานประคองรับมันไว้อย่างเบามือ
ดวงแก้วเพลิงเปลวจะไม่มีทางสัมผัสโดนกับผิวกายของมนุษย์โดยเด็ดขาด มันจะล่องลอยอยู่เหนือฝ่ามือประมาณสามนิ้วมือ
แม้ว่าลู่หานรับมันเอาไว้ภายในมือแล้วกระนั้นใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์ของเขาถึงนำศาสตราวิญญาณระดับเทวะมาให้เขา
ลู่หานยังไม่ทันจะเปิดปากเอ่ยถามสิ่งที่ตนเองสงสัย
“ ข้าให้ยืมมันเอาไว้ปกป้องตัวเอง ” หวังเซียนฉิงกล่าวกลับมาแม้จะยังไม่ได้ยินคำถาม เพียงดูใบหน้าที่กำลังงุนงงของตนเองเขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องต่อไปเช่นใด
เอ่ยจบชายชราที่สวมใส่ชุดสีดำสนิทประหนึ่งขนของอีกาก็พาร่างกายของตนเองกระโดดหายขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้เพียงแต่ศิษย์ที่ได้แต่เงยหน้ามองแผ่นหลังที่จากไปของผู้เป็นอาจารย์อย่างงุนงงเท่านั้น
เมื่อผู้เป็นอาจารย์มอบบททดสอบให้แล้วก็จากไป ลู่หานที่กำลังนั่งงุนงงอยู่นั้นก็เริ่มตั้งสติได้เขารวบรวมสติแล้วตรองดูกับเหตุการณ์ที่ตนเองไม่เคยประสบพบเจอหรืออ่านมาเช่นนี้ว่าตนเองควรจะทำเช่นไร
สถานการณ์ที่ลู่หานมาติดอยู่ภายในป่าแห่งนี้เพียงคนเดียวไม่เคยผ่านตาเขาในเรื่องนิยายจ้าวกระบี่สวรรค์สยบฟ้าเลยสักนิด
เพราะไม่เคยเจอเลยต้องครุ่นคิดเป็นพิเศษว่าตนเองควรจะเอาชีวิตรอดจากป่าราตรีมรณะนี้ไปอย่างไรดี
ภายในป่าราตรีมรณะมีทั้งสัตว์อสูรระดับสูง และก็มีพวกพืชสมุนไพรระดับสูงด้วยเช่นกัน การจะสังหารพวกสัตว์อสูรระดับสูงก็จะได้รับร่างกายของมันที่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง และการเก็บรวบรวมพืชพันธุ์วิญญาณระดับสูงที่อยู่ภายในป่าแห่งนี้มามันก็ต้องเป็นผลดีกับเขาอย่างแน่นอน
ดวงตาของลู่หานมองต่ำลงที่ดวงแก้วเปลวเพลิงที่อยู่ภายในมือ จริงอยู่ที่ระดับทักษะบ่มเพาะรากฐานของเขายังอยู่เพียงแค่ระดับกำเนิดพลังสีคราม การที่จะเอาตัวรอดจากภายในป่าแห่งนี้มันยากเย็นแต่การที่ผู้เป็นอาจารย์ให้ของสิ่งนี้มาก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าบททดสอบครั้งนี้มันยากเย็นเกินไปเลยให้ดวงแก้วเปลวเพลิงมาเป็นตัวช่วย
ดวงแก้วเปลวเพลิงเป็นศาสตราวิญญาณระดับเทวะ ความสามารถของมันเขารู้ดีกว่าผู้ใดเพราะเขานั้นเคยอ่านฉากต่อสู้ของมหาปราชญ์แห่งยุคที่ใช้ดวงแก้วเปลวเพลิงในการต่อสู้
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วลู่หานก็ลุกยืนขึ้นจากท่านั่งแล้วเริ่มออกเดินสำรวจป่าราตรีมรณะทันที
จริงอยู่ว่าการที่นั่งอยู่ในจุดนั้นเฉยๆโอกาสจะพบเจอกับสัตว์อสูรมันจะน้อยกว่าการออกเดินสำรวจเช่นนี้ แต่ลู่หานไม่ยอมให้เวลามันเสียเปล่าหรอกไหนๆก็มาที่ป่าราตรีมรณะแล้วเขาก็ขอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กับไปให้ได้มากที่สุด
ป่าในยามราตรีเงียบงันมีแสงไฟจากจุดหนึ่งส่องแสงทอประกายสีส้มสว่างไสวเป็นวงกว้าง ร่างของบุรุษที่เพิ่งย่างเข้าวัย 20 ปีที่มีร่างกายงามสง่างามมันถูกสวมทับด้วยสีน้ำเงินเดินผ่านความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด
ตอนนี้สิ่งที่ลู่หานกำลังทำอยู่มันคือการที่เขานั้นเดินตรงไปด้านหน้าเท่านั้น ในยามราตรีที่มืดมิดเช่นนี้เขาจะรู้เส้นทางของป่าราตรีมรณะได้เช่นไร
ภายในนิยายที่เขาเคยอ่านมันก็เพียงแค่บรรยายลักษณะของป่าภายนอกเขาไม่เคยเข้ามาพบเห็นด้วยตาเช่นนี้
สองเท้าก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับสองตาที่กวาดมองทัศนียภาพรอบกาย ภายในป่าราตรีมรณะแห่งนี้มันก็มีเจ้าถิ่นอยู่เหมือนกันมันคือสัตว์อสูรที่มีชื่อว่า แมงมุมหล็กยี่สิบขา
สัตว์อสูรระดับสูงที่มีร่างกายใหญ่โตมันเป็นนักล่าในยามราตรีของป่าราตรีมรณะแห่งนี้ ตอนนี้เจอสัตว์อสูรตัวไหนก็ได้แต่เขาขอไม่เจอกับมันอย่างเดียว
สัตว์อสูรก็จะมีระดับแบ่งออกไปตามความแข็งแกร่งชัดอย่างอื่นโดย เราสัตว์อสูรจะแบ่งได้ออกเป็น 5 ระดับ
– ทั่วไป
– ระดับกลาง
– ระดับสูง
– ราชันย์อสูร
– จักรพรรดิอสูรกลืนสวรรค์
ด้วยระดับพลังงานที่มีทักษะบ่มเพาะรากฐานเพียงแค่กำเนิดพลังสีครามแค่จะสู้กับสัตว์อสูรทั่วไปยังถือว่าเป็นเรื่องยากเลย
ลู่หานพาร่างของตัวเองเดินผ่านความมืดไปเรื่อยๆ ภายในป่าราตรีมรณะมีพืชพันธุ์วิญญาณน่าจะมากมายเหตุใดเขาเดินมาสักพักใหญ่แล้วถึงไม่พบเจออันใดเลย
เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติลู่หานหยุดสองเท้าของตนเองที่กำลังเดินผ่านความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดแล้วกลั่นกรองความคิดภายในสมองออกมาด้วยเหตุผลการที่ภายในป่าแห่งนี้ไม่มีพืชพันธุ์วิญญาณเหลืออยู่เลยตามจุดต่างๆเพราะว่าอันใด
เมื่อไต่ตรองในความที่น่าจะเป็นก็ยังไม่เห็นถึงเหตุผลอันใดที่จะทำให้เหล่าพืชพันธุ์วิญญาณภายในป่าราตรีมรณะแห่งนี้หายไป
ขณะที่ลู่หานกำลังหยุดคิดอยู่นั้นเองเขาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง สองตาทอดมองยาวไปภายในความมืดเบื้องหน้า ภายในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดของป่าราตรีมรณะแห่งนี้เขามองเห็นอันใดบางอย่าง
ดวงตาที่เฉียบคมนั้นหรี่เล็กลงเพื่อจ้องมองสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไกลๆ แสงสว่างดุจเปลวเพลิงสีฟ้าริบหรี่ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืด
ลู่หานที่หยุดมองมันมาสักพักก็เริ่มเห็นว่าเปลวเพลิงสีฟ้าที่สว่างไสวขึ้นท่ามกลางความมืดนั้นกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาตนเอง มันเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนปรากฏเข้ามาภายในระยะที่ดวงแก้วเปลวเพลิงในมือของลู่หานกำลังเปล่งประกายทอแสงสว่างไสวอยู่
รูปร่างเหมือนกับนกอินทรีย์ตัวใหญ่ที่ทั่วทั้งร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าอันน่าเกรงขาม มันบินตรงเข้ามาหาลู่หานอย่างรวดเร็ว
“ เจ้านี่มัน!!! ”
ฟิ้ว!!! ตึง!!!! ร่างเพลิงสีฟ้าของนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ที่กำลังส่องแสงสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดนั้นพุ่งกระแทกร่างของลู่หานอย่างรวดเร็ว
ร่างของมันกระแทกเข้ากับร่างของลู่หานอย่างเต็มแรง แต่กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นการที่ลู่หานบาดเจ็บจากการที่โดนมันพุ่งชนเข้าที่ร่างกายอย่างเต็มแรง
แต่ร่างของอินทรีย์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าได้แตกสลายไป เมื่อกระแทกเข้ากับร่างลู่หาน บุรุษที่สวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มอันสง่างามตกใจผงะถอยหลังล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
ใบหน้าของลู่หานบัดนี้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและมึนงง ก่อนที่จะรวบรวมสติได้แล้วใช้มือข้างซ้ายที่ว่างจับเข้ามาที่หน้าอกของตนเอง เขารู้อันใดบางอย่างใบหน้าของลู่หานบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน
“ มันสิงเข้าไปภายในร่างกายเราแล้ว ” ลู่หานเอ่ยอย่างเป็นกังวล เขารีบตั้งสติแล้วลุกขึ้นทันที
นกอินทรีที่ทั่วทั้งร่างกายห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าเมื่อครู่มันก็เป็นสัตว์อสูรวิญญาณเช่นกัน มันเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับสูงมากกว่า แมงมุมเหล็กยี่สิบขาซะอีก เจ้านั้นมันคืออินทรีย์เพลิงฟ้า ที่เป็นสัตว์อสูรระดับ ราชันย์อสูร
ยามแรกที่เห็นร่างกายของมันใบหน้าของลู่หานถึงตื่นตระหนกนักเพราะว่าอสูรวิญญาณระดับนี้ไม่น่าจะมาอยู่ภายในป่าราตรีมรณะ เมื่อครู่มันพุ่งชนเข้ามาที่ร่างกายของเขาความสามารถของมันอย่างหนึ่งคือการสิงร่างของสิ่งมีชีวิต
ตอนนี้มันเข้าไปสิงอยู่ภายในร่างกายของเขาแล้ว ที่ลู่หานเป็นกังวลก็คือมันจะกัดกินพลังบ่มเพาะภายในร่างกายของผู้ที่มันสิงเป็นอาหาร สัตว์อสูรระดับราชันย์อสูร ถ้ามันคิดจะกลืนกินพลังบ่มเพาะภายในร่างกายของเขาที่มีระดับพลังบ่มเพาะเพียงแค่ทักษะบ่มเพาะรากฐานระดับกำเนิดพลังสีครามชีวิตของเขาคงไม่พ้นต้องจบสิ้นเพราะพลังบ่มเพาะภายในร่างกายถูกกัดกินจนหมด
ตอนนี้ภายในใจราวกับกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ด้วยความร้อนรน กระนั้นลู่หานก็ใช้ความสุขุมเข้าสู้เขาพยายามจะครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาทางนำมันออกไปจากร่างกายของเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ เดี๋ยวก่อนนะ…เจ้านี่มันหนีอันใดบางอย่างมาอย่างแน่นอน ” ลู่หานตระหนักได้หลังจากพยายามใจเย็นไต่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นตามลำดับ
ถ้าเจ้าอินทรีเพลิงฟ้าตัวนี้ถ้ามันคิดจะโจมตีเขาจริงๆมันคงจะเลือกที่จะโจมตีเขาโดยตรงแล้วไม่เข้าไปสิงร่างภายในร่างเช่นนี้ มันเป็นสัตว์อสูรระดับราชันย์อสูรเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวเขาที่เพียงทักษะบ่มเพาะรากฐานระดับกำเนิดพลังสีครามได้ตายในครั้งเดียวอย่างแน่นอน
ถ้ามันไม่ได้คิดจะโจมตีเขาแล้วเข้ามาสิงภายในร่างเช่นนี้ก็แปลว่ามันนั้นพยายามจะหลบซ่อนอันใดบางอย่าง เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นดวงตาของลู่หานทอดยาวมองไปด้านหน้าอีกครั้งหนึ่ง
“ แย่แล้ว!!!! ”
เขาคิดไม่ผิดสิ่งที่เขาไม่อยากเจอที่สุดภายในป่าราตรีมรณะแห่งนี้มันได้ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของเขา
“ แมงมุมเหล็กยี่สิบขา!!!! ”
จบตอน
คอมเม้นต์