พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ – ตอนที่ 59
ตึง!
จั๋วฝานฟันเต็มแรง แต่กลับเกิดเสียงโลหะปะทะกันและจันทร์คลั่งก็เด้งออกมา
เขาหรี่ตาลง หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก[เด็กนี่มีเกราะจิตวิญญาณ!]
แต่เวลาไม่ปล่อยให้เขาคิด กระบี่ของชายหนุ่มได้เข้าใกล้หน้าอกเขาแล้ว การโจมตีนี้มากพอจะทำให้เขาบาดเจ็บ คู่ต่อสู้ของเขาไร้บาดแผลขณะที่เขาจะยิ่งเต็มไปด้วยแผลถ้าสู้ต่อ
[บัดซบ ครั้งนี้ข้าคำนวณพลาด!]
จั๋วฝานลอบก่นด่าและใช้การดีดของจันทร์คลั่งเพื่อช่วยตัวเอง!
แม้กระทั่งผู้อาวุโสจากโหยวหมิงกู่ก็มีสมบัติมารแค่ชิ้นเดียว แต่เด็กนี่กลับมีถึงสอง
[เขาเป็นใครกัน?]
ปัง!
โดยไม่มีเวลาให้คิด จันทร์คลั่งกับกระบี่ทองปะทะกัน
ด้วยเสียงดังนั่น จั๋วฝานกระเด็นออกไป เลือดในหนาอกของเขาตีขึ้น บังคับให้เขาต้องพ่นเลือด
เขากระแทกกับพื้นและจันทร์คลั่งก็ตกลงข้างตัวเขาเป็นสองส่วน คิ้วของเขาสั่น
[เขามีเกราะจิตวิญญาณระดับสี่บนตัวที่ทารกโลหิตของข้าไม่สามารถเจาะได้ ทางเดียวที่จะทำร้ายเขาได้คือจันทร์คลั่ง]
[แต่ตอนนี้จันทร์คลั่งเสียหายแล้ว]
นี่คือครั้งแรกตั้งแต่เกิดใหม่ที่จั๋วฝานพบอันตรายเช่นนี้
ชายหนุ่มเป็นผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ด มีอาวุธจิตวิญญาณ เกราะจิตวิญญาณและแม้กระทั่งวิชายุทธ์ระดับนภา![ข้าไม่สามารถชกผ่านการป้องกันของเขาได้และข้าก็ทำได้แค่โดนทุบตี]
แต่ส่วนเลวร้ายสุดคืออีกฝ่ายใช้พลังทั้งหมดกับคนอ่อนแอกว่า
[นี่จะทำให้การสู้กับเขายากขึ้น]
[ข้าจะสู้กับเขาได้ยังไง?]
จั๋วฝานจ้องอีกฝ่ายขณะที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
แต่ใครจะไปรู้ว่าสภาพจิตของชายหนุ่มเองกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ชายหนุ่มได้รับขนานว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะของตระกูลเขา เขาเรียกวิชากระบี่มาตลอดชีวิตและไม่เคยแพ้!แต่กับจั๋วฝาน ผู้อ่อนแอกว่า เขากลับไม่ตายต่อให้เขาใช้พลังเต็มสิบส่วน!
ถ้าไม่ใช่เพราะเกราะจิตวิญญาณ เขาคงตายไปแล้ว!ตายเพราะคนที่อ่อนแอกว่าถึงหนึ่งระดับ
เขาไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้ เขาคืออัจฉริยะสะเทือนฟ้าทีท่สามาถรเอาชนะยอดฝีมือหลอมกระดูกขั้นสูงสุดได้ในกระบวนท่าเดียว เขาคือผู้สืบทอดตระกูล เขาจะมา….
คิ้วของชายหนุ่มหลั่งเม็ดเหงื่อและเขาก็กัดฟันแน่น”น้องชาย เจ้าชื่ออะไร/”
จั๋วฝานตกใจ เห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาอีกฝ่าย เดาว่าเขาคงไม่อยากฆ่าพวกเขาต่อ เขาจึงตอบ”จั๋วฝาน!’
“ข้าจะจำชื่อเจ้าไว้ เราจะยุติเรื่องนี้ให้จบครั้งหน้าที่เราเจอกัน!”ชายหนุ่มเก็บกระบี่ จับหนูดินเขาไปและกำลังจะเดินจากไป
จั๋วฝานรีบพูด”หยุดก่อน!”
ชายหนุ่มหยุด”มีอะไร?”
“ข้าขอถาม พี่ชายเองก็มาที่นี่เพื่อทรายเพชรใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มจ้องจั๋วฝาน”ถ้าใช่แล้วจะทำไม แล้วถ้าไม่ล่ะ?”
จั๋วฝานยิ้ม”ถ้าไม่งั้นก็แยกทาง แต่ถ้าใช่ ท่านอยากร่วมมือกันไหม?”
“ร่วมมือ?”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว มองทั้งสอง?ยังไง?แม้แต่เราสามคนก็ไม่พอจะขโมยทรายเพชรได้สักหนึ่งกำมือ!’
ไม่นานมานี้ ชายหนุ่มมองพวกเขาไม่ต่างอะไรกับแมลง แต่คำพูดของเขาในตอนนี้เพิ่งแสดงความเคารพที่มีต่อจั๋วฝาน
จั๋วฝานลอบยิ้ม[เราสามารถเจรจาได้]
“พี่ชายมีหนูดิน เจ้าคงมีแผนเลี่ยงการต่อสู้อยู่แล้ว”
ชายหนุ่มยิ้ม”ใช่ เรามีความคิดเดียวกัน ข้าเห็นว่าทำไมเจ้าถึงอยากได้ตัวมัน!แต่หนูดินนี้เป็นของข้า เจ้าจะเสนออะไรถ้าเราจับกลุ่มกัน?”
“วิธีใช้หนูดินที่ถูกต้อง!’
จั๋วฝานพูดต่อ”พี่ชายจะใช้มันเพื่อชิงเอาทรายเพชรอย่างไร?”
ชายหนุ่มหรี่ตา ตอบด้วยคำถาม”แล้วเจ้าล่ะ?”
“ขุดอุโมงค์ รอให้ทรายเพชรปะทุ และก็ขโมย”เสวี่ยหนิงเซียงพูดขึ้น
แต่คำตอบของนางทำให้ทั้งสองหัวเราะจนนางหน้าแดง นางคำราม”พวกเจ้าหัวเราะอะไรกัน?ข้าพูดผิดงั้นหรือ?”
ชายหนุ่มส่ายหัว”คุณหนู พวกเขามียอดฝีมือนภา นั่นจะได้ผลได้ยังไง?เจ้าจะโดนจับก่อนได้ขยับตัวซะอีก!”
จั๋วฝานพยักหน้า”ไม่ว่ายังไง น้องสาวโง่ๆของข้าก็เพิ่งยกตัวอย่างที่เราต้องเลี่ยง แล้วเจ้าล่ะ?”
เสวี่ยหนิงเซียงจ้องจั๋วฝานที่ทำให้นางเป็นตัวตลก แต่ใบหน้าของนางกลับแดงอีกครั้งด้วยเหตุผลอื่น
ชายหนุ่มพูด’ง่ายมาก ทราบเพชรจะถูกผลักดันโดยพื้นดิน และออกมาเป็นน้ำพุ ข้าจะให้หนูดินขุดอุโมงค์เล็กๆจากเส้นทางหลักเพื่อนำส่วนหนึ่งของทรายเพชรมาหาข้า”
จั๋วฝานปรบมือและเสวี่ยหนิงเซียงก็ชื่นชมความฉลาดล้ำของมัน”เป็นแผนที่ดี”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างภาคภูมิ แต่จั๋วฝานกลับส่ายหัว”ถ้าข้าเป็นเจ้า นี่คงเป็นแผนที่ดีสุด”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว”งั้นเจ้ามีแผนที่ดีกว่านี้?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ ทำไมข้าถึงจะร่วมมือกับเจ้าถ้าข้าไม่มีแผน?”
จั๋วฝานยิ้ม”แผนของเจ้าคงทำให้เจ้าได้รับหนึ่งในพัน เนื่องจากมีชั้นดินมากมายใต้เท้าเรา ทรายเพชรย่อมติดระหว่างทางและเจ้าจะยิ่งได้น้อยลง!’
“งั้นเจ้ามีแผนเยี่ยงไร?”
ด้วยรอยยิ้มลึกลับ จั๋วฝานลูบคาง”ถ้าพี่ชายเชื่อข้า ข้าสามารถจัดการได้หมด ไม่ทิ้งอะไรให้โหยวหมิงกู่เลย จากนั้นเราค่อยแบ่งมันอย่างเท่าเทียม ว่าไง?”
“นั่นจะเป็นไปได้ยังไง?”
ชายหนุ่มจ้องพวกเขาด้วยความตกใจ แต่จั๋วฝานกลับมั่นใจ.”ฝีมือของข้าจะทำให้เรื่องเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้”
นี่ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงฉากการต่อสู้ก่อนหน้าและพยักหน้า”ดี ข้าเชื่อเจ้า!เราจะทำยังไงกัน?”
“วิเศษ!”จั่วฝานหัวเราะ”ตอนนี้เราเป็นพันธมิตรกันแล้ว ข้าควรเรียกพี่ชายว่าอย่างไร?”
“เซี่ย เทียนหยาง!”
จั๋วฝานขมวดคิ้ว”เซี่ย…เจ้าหมายความว่าเจ้ามาจากเจ็ดตระกูลใหญ่ ตำหนักกระบี่พิสุทธิ์”
เซี่ยเทียนหยางยื่นมือไปจับกับจั๋วฝาน แสดงรอยยิ้มลึกลับ ไม่ปล่อยให้เขาพูดมันจนจบ แต่ทุกคนย่อมรู้ดี เสวี่ยหนิงเซียงมองเซี่ยเทียนหยางด้วยความเหลือเชื่อ ไม่กะพริบตาเป็นเวลานาน
ตระกูลชั้นสองอย่างตระกูลเสวี่ยของนางอยู่ใต้เจ็ดตระกูลใหญ่ มันแค่ว่าตั้งแต่นางเกิด นางไม่เคยออกจากเมืองชิงหมิง นางเคยเห็นแค่คนจากโหยวหมิงกู่เท่านั้น
วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนจากตำหนักกระบี่พิสุทธิ์ ผู้มีชื่อเสียงพอๆกับโหยวหมิงกู่!
“แล้ว พี่ชายจั๋ว ท่านมาจากตระกูลใดกัน?”เสวี่ยหนิงเซียงได้สติ จั๋วฝานคือชายหนุ่มและพลังของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยเทียนหยาง
ถ้าไม่มีเกราะ จั๋วฝานคงฆ่าศิษย์ของตำหนักกระบี่ไปแล้ว เช่นนั้น เบื้องหลังของจั๋วฝานย่อมไม่ธรรมดา
ตอนเซี่ยนเทียนหยางได้ยิน เขาเองก็หูผึ่ง หันไปมองจั๋วฝานด้วยความสนใจ เขาเองก็อยากรู้ว่าตระกูลใดถึงสามารถบ่มเพาะสัตว์ประหลาดอย่างจั๋วฝานได้
เมื่อเห็นสายตาอยากรู้ของทั้งสอง จั๋วฝานก็ยิ้มและส่ายหัว’ภูมิหลังข้าไม่ใหญ่โต ข้าเป็นแค่พ่อบ้านของตระกูลลั่วในเมืองเนตรสายลม!”
พ่อบ้าน ตระกูลลั่ว?
เมื่อได้ยิน ทั้งสองก็ตกตะลึง
ตระกูลลั่วคือตระกูลอะไรกัน ข้าไม่เคยได้ยิน!
“ฮ่าๆๆ..เดาว่าพวกเจ้าคงไม่รู้จัก ตระกูลลั่วแค่ตระกูลเล็กไร้อิทธิพล ปัจจุบัน มันถือเป็นตระกูลชั้นสามระดับต่ำเท่านั้น!’จั๋วฝานยิ้ม
ครั้งนี้ ทั้งสองจ้องตากันด้วยความแปลกใจและสงสัย
พวกเขาไม่เชื่อว่ายอดฝีมือเช่นนี้จะปรากฏในตระกูลเล็ก!แม้กระทั่งในตระกูลราชวงศ์และเจ็ดตระกูลใหญ่ คนเช่นนี้ก็ยังหาได้ยากอย่างมาก
“น้องชาย ถ้าตระกูลเจ้าเล็กจริง เจ้าสามารถมาพักพิงตำหนักกระบี่เราได้ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร!’เซี่ยเทียนหยางตบไหล่จั๋วฝาน
ไม่ว่าจั๋วฝานจะพูดจริงหรือไม่ นี่ก็คือชิ้นหยกที่ยังเปื้อนโคลน ตราบเท่าที่มีศิษย์อย่างจั๋วฝาน แถมด้วยการสนับสนุนของตำหนักกระบี่ ตระกูลลั่วจะเป็นตระกูลชั้นสองได้แน่ในอนาคตและมันอาจเป็นตระกูลชั้นสองขั้นสูงสุด ถึงตอนนั้น พลังของตำหนักกระบี่ของพวกเขาย่อมแข็งแกร่งขึ้น
เจ็ดตระกูลใหญ่ได้เชิญเขาด้วยตัวเอง ถ้ามันเป็นตระกูลอื่น พวกเขาคงร้องไห้ไปแล้ว แต่ทว่า จั๋วฝานกลับปัดมัน
เมื่อรู้ถึงความคิดของเซี่ยเทียนหยาง จั๋วฝานก็ยิ้มและส่ายหัว”ฮี่ๆๆ..เจ้ามาช้าไป ข้าได้ลงนามในสัญญาพันธมิตรกับศาลาเฉียนหลงแล้ว!ถ้าตจำหนักกระบีี่อยากเป็นพันธมิตรกับเรา ข้าเองก็ยินดี!”
“ว่าไงนะ?”
เมื่อจั๋วฝานพูดเช่นนี้ มันก็เหมือนกับระเบิดอัดหน้าทั้งสอง!
สัญญาพันธมิตร!ศาลาเฉียนหลง?
ศาลาเฉียนหลงกลับลงนามสัญญาพันธมิตรกับตระกูลไร้ชื่อ..
คอมเม้นต์