คู่ชะตาบันดาลรัก – ตอนที่ 104 ห้องลับ
นี่เป็นกับดัก ทั้งหมิงเวยและหยางชูต่างรู้เรื่องนี้ดี ด้วยท่าทางของนายท่านสามแล้วสามารถเอาเปรียบพวกเขาได้ง่ายๆ
พูดตามความจริงนี่เป็นการใช้สิ่งนี้เพื่อล่อให้พวกเขาเข้าสู่กับดักด้วยตัวเองแผนการที่ถูกเปิดเผยชัดเจนถึงเพียงนี้ เขาไม่คิดที่จะปกปิดความตั้งใจของตนเองเลย เป็นเพราะแน่ใจว่าพวกเขาต้องการหลักฐานเอาผิดเป็นแน่
“นี่เป็นของจากหอเทียนจีจริงๆ หรือ” หยางชูหันมาถามหมิงเวย
หมิงเวยพยักหน้า “ใช่ วิธีไขกุญแจห่วงคล้องสิบสองตัวถูกเขียนไว้บนนั้น ซึ่งมีเพียงชิ้นเดียวบนโลก”
หยางชูถอนหายใจ “นายท่านสาม ท่านทำให้ข้าต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ พวกเราใช้กุญแจเพื่อล่องูออกจากถ้ำ แต่กลับกลายเป็นว่าท่านล่อพวกเราให้ติดกับดักด้วยวิธีไขกุญแจดอกนี้”
นายท่านสามยิ้ม “คุณชายหยางจะไม่สนใจก็ได้ หากไม่มีหลักฐานเอาผิดก็คงต้องยอมแพ้ในเรื่องนี้ หากพวกท่านยังสนใจ ค่อยๆ ตรวจสอบในอนาคตก็ได้ เพียงแต่ว่าอาจไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้วในอนาคต ว่าอย่างไรกล้าที่จะเดิมพันหรือไม่”
องครักษ์มองหยางชูแล้วพูด “คุณชายอย่าไปฟังเขาขอรับ พวกเรารู้แล้วว่าที่นี่มีห้องลับ แล้วทำไมเราถึงจะหาไม่เจอกัน อย่าเสี่ยงดีกว่าขอรับ! ยืดเวลาออกไปจะเป็นผลดีต่อพวกเรา ใต้เท้าเจี่ยงต้องรู้แน่ว่ามีเรื่องผิดปกติ เขาต้องส่งคนมาค้นหาเป็นแน่ รอให้ถึงเวลานั้นพวกเขาก็หนีไปไหนไม่ได้!”
นายท่านสามหัวเราะ “ใต้เท้าเจี่ยงงั้นหรือ พวกท่านให้ความสำคัญกับใต้เท้าเจี่ยงจริงๆ พวกท่านมั่นใจขนาดนั้นหรือว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าจะบอกความจริงให้ พวกเราได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะส่งมาให้ต่อหน้าพวกท่าน เมื่อถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงเขาเลย แค่พวกท่านก็ไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว”
หยางชูหัวเราะเยาะ “พูดจาโอ้อวดอะไรเช่นนี้ วัดเป่าหลิงมีผู้คนมากมายเพียงนั้น ท่านจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้อย่างไร อากาศดีเช่นนี้ ท่านจะเรียกมังกรพลิกกาย[1]มาได้หรือ”
นายท่านสามตอบอย่างสบายๆ “มังกรพลิกกายข้าเรียกไม่ออกมา แต่ถ้าเป็นปีศาจได้ปรากฏกายแล้ว”
เขาพูดเช่นนี้หมิงเวยจึงเลิกคิ้ว “หินเทพธิดางั้นหรือ”
“ใช่! หินเทพธิดา” เขายิ้ม “เจ้าที่เข้าใจวิชาคงเห็นปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ที่นั่นใช่หรือไม่ คนของข้ากำลังทำลายวงล้อมผนึก รอให้ถึงเวลานั้นวัดเป่าหลิงก็จะกลายเป็นแหล่งภูติผีฮ่าๆๆ!”
นายท่านสามชื่นชมสีหน้าท่าทางของพวกเขา “พวกท่านคิดว่าผู้ที่ทำเวลาคือพวกข้า ถนนไปยังวัดเป่าหลิงถูกตัดขาด กำลังเสริมของพวกท่านไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเราจึงรีบทำเวลาเพื่อฆ่าพวกท่านทิ้งใช่หรือไม่ ผิดแล้ว…ผู้ที่ต้องรีบทำเวลาที่จริงแล้วคือพวกท่านต่างหาก หากพวกท่านไม่สามารถหยุดได้ทันเวลา ปีศาจร้ายที่ถูกหินเทพธิดาผนึกอยู่ก็จะถูกปลดปล่อย เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าวัดเป่าหลิงจะเหลือผู้มีชีวิตรอดไม่กี่คน”
พูดถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกภูมิใจมาก “คิดไม่ถึงกันใช่หรือไม่ พวกท่านยังคิดที่จะยืดเวลาต่อไปอีกหรือ”
หมิงเวยถอนหายใจ “นายท่านสาม ท่านเก่งกาจกว่าคนไร้ประโยชน์เช่นนายท่านสองเสียอีก รู้ว่าพวกเราจงใจล่อท่านให้มาติดเบ็ดจึงสร้างแผนซ้อนแผนเชื่อมต่อกัน จนกลายเป็นพวกเราที่กลับตกหลุมกับดักแทน ดูเหมือนท่านจะไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย! คิดว่าตนฉลาดกว่านายท่านหมิงเซียงงั้นหรือ แค่ไม่มีใครให้โอกาสท่านจึงทำได้แค่ปิดบังทุกคนเท่านั้น”
นายท่านสามยิ้มบาง “เอาล่ะ! พูดกันไปตั้งเยอะแล้ว พวกท่านยังคิดที่จะยืดเวลาไปอีกหรือ อยากเข้าไปหรือไม่ พูดมาแค่คำเดียว ไม่อย่างนั้นก็ตายไปที่นี่พร้อมกับเจี่ยงเหวินเฟิง ไม่ต้องกังวลไปมีผู้คนมากมายในวัดเป่าหลิงที่จะติดตามพวกท่านไปยังปรโลก แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ฝังศพในที่ที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้หรอกจริงไหม พวกท่านควรพอใจนะ”
“ได้!” หยางชูตอบเสียงเย็น “ห้องลับอยู่ที่ใด นำทางไป!”
นายท่านสามทำสัญญาณมือ “คุณชายหยางตรงไปตรงมาเสียจริง เชิญ!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินนำทางไป ไม่ต้องให้หยางชูพูดอะไร องครักษ์ทั้งสี่นายแบ่งออกเป็นสองกลุ่มประกบหน้าประกบหลัง
“คุณชายขึ้นไปได้”
คนกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดหินแล้วก็พบว่ามีห้องลับอยู่จริงๆ
“มาสิ” นายท่านสามผลักประตูแล้วพาองครักษ์เข้าไปด้านใน
หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านทางเดินที่ทอดตัวยาว หลังจากนั้นไม่นานก็หยุดลง
“ห้องเก็บพระสูตรงั้นหรือ” หยางชูเลิกคิ้ว
“ใช่” นายท่านสามเปิดประตูก็พบว่าผนังทั้งสี่ด้านในห้องเก็บพระสูตรเต็มไปด้วยพระคัมภีร์ยาวไปจนถึงชั้นบนสุดมีบันไดวนขึ้นไป
เขาชี้ไปที่ไฟที่ห้อยลงมาจากเพดาน
“เห็นหรือไม่ ของที่พวกท่านต้องการอยู่ตรงนั้น” พูดจบเขาก็สะบัดมือและโยนแผ่นโลหะเข้าไป “พูดได้ทำได้ จะเข้าไปหรือไม่แล้วแต่พวกท่าน”
หยางชูต้องการที่จะเข้าไป
“คุณชาย!” องครักษ์ห้ามเขาไว้ “ให้ข้าน้อยไปแทนเถอะขอรับ”
นายท่านสามยิ้ม “ผู้สูงศักดิ์ย่อมรักและทะนุถนอมตนเอง คุณชายหยางต้องดูแลตนเองดีๆ! อย่างไรก็ตามด้วยทักษะขององครักษ์ของท่านจะสามารถไปถึงจุดสูงสุดหรือไม่ก็ตอบไม่ได้”
หยางชูจ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ “ถึงท่านไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าท่านโง่หรอกนะ!!”
“ขอบคุณที่คุณชายสั่งสอน” นายท่านสามอารมณ์ดี “จากนี้ไปข้าจะไม่พูดอีก”
หยางชูหันกลับไปพูดกับองครักษ์ว่า “ข้าไม่เข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าไม่เห็นแผนผังของที่นี่หรือ หากจะออกไปจากที่นี่ได้จะต้องผ่านห้องเก็บพระสูตรนี่”
องครักษ์ก้มหน้า “ข้าน้อยไร้ความสามารถ”
หยางชูโบกมือ “เอาล่ะ อย่าพูดอะไรไร้สาระเลย รีบหาทางออกไปจากที่นี่ดีกว่า” เขาครุ่นคิดแล้วพูดกับหมิงเวย “ท่านถอยห่างออกไปหน่อย หากไม่มีปัญหาอะไรค่อยเข้ามา”
“วางใจเถอะ” หมิงเวยตอบ “ข้ารู้กำลังของตนเองดี ไม่รนหาที่ตายหรอก”
หยางชูพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
………….
ทางด้านเจี่ยงเหวินเฟิงได้รวบรวมองครักษ์ทั้งหมดแล้วจะเคลื่อนไหวและซ่อนตัวอย่างไรกันนั้นฉีตงจวิ้นอ๋องจะต้องได้ข่าวในเร็วๆ นี้แน่
ไฟไหม้ที่ยอดเขาชุ่ยมู่ค่อยๆ มอดลง
ช่องเขาส่วนใหญ่เป็นดินและหินถึงแม้ว่าน้ำมันเชื้อเพลิงและกิ่งไม้ที่ตายแล้วจะถูกโยนลงไปก็จะอยู่ได้ไม่นาน
ราชองครักษ์ได้นำพระสงฆ์และผู้ตรวจการณ์เริ่มทำการค้นหาในหุบเขา
พวกเขามองดูหินแต่ละก้อนอย่างละเอียดและพยายามหาอุโมงค์ด้านล่าง
ข่าวเหล่านี้ไปถึงหูของฉีตงจวิ้นอ๋อง เขาก็ไม่สามารถนั่งอยู่ในวิหารได้อีกต่อไป
“ท่านอู่ เราจะทำอย่างไรดี พวกเขารู้เรื่องยุ้งฉางแล้วหรือไม่ เรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง! พวกเราควรส่งคนไปดีหรือไม่”
“ท่านอ๋องอย่าใจร้อนไป” ท่านอู่ปลอบเขา “ถึงแม้จะค้นพบยุ้งฉางแล้ว แต่ก็ไม่พบตัวตนของพวกเราอยู่ดีที่เก็บอาหารแล้วอย่างไร ไม่ใช่ที่ซ่องสุมทหารเสียหน่อย”
“มีเหตุผลๆ” ฉีตงจวิ้นอ๋องรู้สึกสบายใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เริ่มกังวลอีกครั้ง “แต่ที่นั่นไม่ได้มีแค่ยุ้งฉาง! ยังมีห้องลับ…”
ท่านอู่ยิ้ม “ห้องลับนั่นเกี่ยวอะไรกับพวกเรากัน ของสิ่งนั้นนายท่านสามเป็นคนซ่อน ห้องลับก็เป็นเขาเองที่จัดการ ท่านอ๋องไม่เคยยื่นมือเข้าไปท่านจะมีความผิดได้อย่างไร”
ฉีตงจวิ้นอ๋องชะงัก “ท่านหมายความว่า…”
“ตอนนี้ท่านต้องไม่ส่งคนไป เช่นนั้นจะเป็นการแทรกแซงเรื่องของผู้อื่น ข้าน้อยเคยบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องแค่เล็กน้อย แต่เกี่ยวข้องอย่างมากกับคนคนนั้น เขาทำเพื่อตนเองถึงได้ยุยงท่านอ๋อง”
“เป็นเช่นนั้นหรือ”
ท่านอู่ตัดสินใจอย่างเฉียบขาด “แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้นขอรับ! ท่านอ๋องลองคิดดู มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าท่านอ๋องเกี่ยวข้องกับอาหารเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับของสิ่งนั้นกัน ตราบใดที่ท่านอ๋องไม่ยื่นมือเข้าไป เรื่องนี้ก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องเลยแม้แต่นิดเดียว!”
“เพราะฉะนั้น ท่านต้องไม่ส่งคนไป” ดวงตาของท่านอู่ไหววูบ “มิเช่นนั้นจะกลายเป็นทางตัน”
……………………………………….
[1] มังกรพลิกกาย สื่อถึงแผ่นดินไหว
คอมเม้นต์