ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 22 ข้าถามว่าเจ้าจะยอมหรือไม่
เป็นไปตามคำสั่งของลู่จ้าน หนุ่มสาวทั้งยี่สิบสามสิบคนหันหลังกลับและมุ่งตรงไปวงกลมสีแดงที่อยู่ห่างไปห้าสิบเมตร หนึ่งในนั้นก็รวมถึงเจียงหลีด้วย
นางเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าขอบเขตของวงกลมสีแดงมีมากขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายอะไรหรือไม่
นางรู้แค่ว่าการฝึกฝนครั้งนี้นางต้องชนะ
ฮึบ!
เจียงหลีกำลังก้าวเท้าเข้าไปในวงกลมสีแดง ข้างหน้าก็มีหินที่แหลมคมพุ่งเข้าใส่นาง เสียงของลมที่รุนแรงพร้อมกับความแหลมคมดังเข้ามาในหูของเธอ
เจียงหลีพลิกตัวเพื่อหลบก้อนหิน ก้อนหินที่พุ่งเข้าใส่นางตกพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ถ้าหากเมื่อครู่นี้นางหลบไม่พ้น เกรงว่ารอบต่อไปคงไม่ต่างกันเท่าไหร่
นางมองไปยังทิศทางที่ก้อนหินถูกโยนมา เห็นเด็กหนุ่มที่มีร่างผอมมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น และวิ่งหนีไปด้านหน้า ไม่นานนักเงาของเขาก็หายไป
พลาดเป้า และไม่โจมตีต่อ เจียงหลีคิดในใจ
นางมองไปรอบทิศ เด็กที่เข้ามาพร้อมกับนางกลับไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
และมองกลับหลังไปก็ไม่เห็นพวกลู่จ้านแล้วเช่นกัน
เจียงหลีนิ่งเงียบและมุ่งหน้าวิ่งตรงไปในวง แต่นางก็ระมัดระวังมากกว่าครั้งที่แล้ว
การจู่โจมเมื่อครู่ ทำให้นางเข้าใจหลักการอย่างหนึ่งในการฝึกฝนครั้งนี้ ไม่ได้มีกติกาอะไร อาวุธทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ พวกเขาจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่นี่ ใช้ทุกอย่างที่สามารถใช้ได้ เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม เพื่อไปให้ถึงทางออกเป็นคนแรก
เจียงหลีวิ่งเข้าไปในหมอกที่หนาจัด สายตาเห็นได้ไม่ชัด ย่อมมีอันตรายมากขึ้น
มาถึงก็ต้องมาฝึกฝนอะไรประหลาดอย่างนี้ เป็นสิ่งที่เจียงหลีคิดไม่ถึง แต่ก็ทำให้นางเกิดแรงฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ขึ้นมา
ความท้าทายที่น่าตื่นเต้นถือเป็นเส้นทางการพัฒนาความสามารถของคนๆ หนึ่ง การที่ไม่หยุดท้าทายขีดจำกัดตัวเอง การฝึกทุกวันเช่นนี้ ยังดีเสียกว่าการเก็บตัวอยู่ในห้องเสียอีก
ไม่แปลก ลู่จ้านมีความมั่นใจว่าการฝึกของนางในสามเดือนนี้ จะสามารถโค่นเย่ว์หนานซีได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมารอบทิศ คนที่มาไม่ต่ำกว่าหนึ่ง
เจียงหลีหยุดลงในทันใด ยืนอยู่กับที่และรอคอยอย่างเงียบๆ
ไม่นาน ในหมอกที่หนาจัดมีคนเจ็ดคนเดินเข้ามาล้อมรอบนางไว้ หนึ่งในเจ็ดคนนี้คือเด็กที่จู่โจมนางไปเมื่อก่อนหน้านี้
เขายืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นหัวโจกของกลุ่มคนพวกนี้
“นี่ เด็กใหม่ ข้าขอเตือนเจ้าหน่อย ถอนตัวซะถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เด็กคนนั้น ยิ้มให้เจียงหลีอย่างเย้ยหยัน
คำพูดของเขาถึงแม้จะหยิ่งผยอง แต่แววตากลับเยือกเย็นผิดปกติไม่ได้แฝงไปด้วยการดูถูก เห็นได้ชัดว่าการหลบการซุ่มโจมตีของเจียงหลีเมื่อครู่ ทำให้เขาให้ความสนใจกับคู่แข่งหน้าใหม่คนนี้แล้ว
“เจ้ามีสิทธิ์อะไร” เจียงหลียิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
พอสามคำนี้ออกมา ทั้งเจ็ดนิ่งไปพร้อมกัน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา พูดง่ายๆ ก็คือหัวเราะจนสั่นไปทั้งตัว
มีสิทธิ์อะไร
นางกลับถามว่ามีสิทธิ์อะไร
หนึ่งในนั้นจับท้องที่หัวเราะจนท้องแข็ง ชี้ไปที่เจียงหลีกล่าวว่า “นี่ พวกข้ามองว่าเจ้าเป็นหญิงสาว ถึงได้หวังดีเตือนเจ้าไป ตอนนี้เพิ่งจะเริ่ม เจอพวกข้าถือว่าคุยง่ายแล้ว ถ้าเจ้าเจอคนอื่น เกรงว่าจะถึงขั้นเอาชีวิต”
พูดจนจบ เขาก็ได้แต่เก็บรอยยิ้มนี้กลับไป สายตาพลันเปลี่ยนเป็นดุเดือดขึ้นมา
เจียงหลีกลับชี้ไปที่เด็กหนุ่มที่ซุ่มโจมตีนาง ถามว่า “พวกเจ้าตามเขา สุดท้ายจะได้อะไร”
เด็กหนุ่มหดตาลง ดุเดือดขึ้นมาทันใด
“เด็กใหม่ เจ้านี่มันช่างไร้เดียงสาเสียจริง เจ้าคิดว่าวงกลมสีแดงนี้ถ้าพึ่งพาตนเองแล้วจะผ่านไปได้อย่างนั้นเหรอ พวกเราติดตามพี่เซียว เพื่อให้เขาได้ที่หนึ่ง รางวัลที่ได้จากการฝึกพวกเราก็จะมีส่วนได้ด้วย” อีกคนหนึ่งกล่าว
เจียงหลีเข้าใจแล้ว
เหตุใดการต่อสู้เดี่ยวถึงกลายเป็นการต่อสู้แบบหมาหมู่ได้
คงเป็นเพราะว่าการแข่งเช่นนี้ ถ้าพึ่งกำลังของคนๆ เดียวก็จะชนะได้ยาก ดังนั้น เด็กพวกนี้ถึงได้คิดใช้วิธีนี้ ขอให้มีคนหนึ่งได้ที่หนึ่ง หลังจากนั้นรางวัลก็นำมาแบ่งกัน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เจ้าเด็กพวกนี้ ก็เฉลียวฉลาดเหมือนกัน
“แต่ทว่าของรางวัลการฝึกเหล่านี้ ข้าก็อยากได้เช่นกัน แล้วจะให้ทำเช่นไร” เจียงหลียิ้มอย่างยียวน
นางพูดจบ ท่าทางของเจ็ดคนนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาในทันใด
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ โหงวเฮ้งยังไม่ได้เด่นชัดเต็มที่ แม้จะมีลักษณะที่ดุร้ายแต่สำหรับเจียงหลีแล้วไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิด
“เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียว สามารถชนะพวกข้าได้เหรอ” พี่เซียวหัวโจก ชื่อของข้าคือเซียวเซียว เขาขยิบตาอย่างลับๆ หกคนที่เหลือ เริ่มค่อยๆ ล้อมไว้แล้วเพื่อให้เจียงหลียากที่จะหลบหนี
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าไม่ได้มีพลังอะไร แต่การต่อกรกับเด็กเช่นนี้ ยังถือว่าทำได้อยู่” เป็นประโยคที่เจียงหลีกระซิบออกมา
เซียวเซียวเห็นเพียงใบหน้าเล็กๆ ที่สดใสของเจียงหลี แสดงรอยยิ้มแปลกๆ
ทันใดนั้น สายตาของเขาพร่ามัว เงาของเจียงหลีก็ได้หายไป
ปัง!
ทันใดนั้นหน้าท้องก็ได้รับการโจมตีอย่างหนักทำให้เซียวเซียวลอยขึ้นไปจนคายกรดในกระเพาะออกมา เขากระแทกที่พื้นอย่างหนัก กระดูกในร่างกายถูกกระแทกจนเป็นเสี่ยงๆ เจ็บจนร้องปางตาย เขาคิดไม่ถึงว่าแรงของหญิงสาวจะมีมากเช่นนี้
มีเสียงต่อสู้ลอยมาข้างหูไม่หยุด
ทันใดนั้นเสียงร้องที่น่าเศร้า ทำให้เขามองไปที่สนามรบ
ได้มองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นจนลืมความเจ็บในร่างกายไปหมด “นี่… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร”
พวกเขาเข้ามาก่อนเจียงหลีระยะหนึ่งก็ได้รับการฝึกฝนมาระยะหนึ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่คนถึงเจ็ดคน ล้วนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงสาว
หญิงสาวคนนี้ เป็นปีศาจที่โผล่มาจากที่ไหน เซียวเซียวคิดในใจ
แท้ที่จริง เขาไม่รู้ว่ากำลังของเจียงหลีนั้นไม่ได้มาก เป็นเพราะว่าเจ้าของเดิมอ่อนแอเกินไป แต่ทว่า นางมีความเชี่ยวชาญในทักษะการต่อสู้ รู้ว่าต้องจู่โจมจุดไหนถึงจะสร้างความเสียหายได้มาก ดังนั้น…
“เป็นเช่นไร จะยอมแล้วหรือยัง” เจียงหลีเหยียบบนอกของคนหนึ่ง คิ้วที่ชี้ชันและริมฝีปากที่ยกขึ้น ท่าทางนั้นราวกับราชินีผู้สูงส่ง
“ยอมแล้ว…ยอมแล้ว…ข้ายอมแล้ว”
เสียงควรญครางรอบทิศส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
จากเดิมที่คิดว่าเป็นแค่กระต่ายตัวหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจริงๆ แล้วจะเป็นเสือสาว
ฮือๆๆ พวกเขายอมถ่อมตนแล้ว
“ในเมื่อยอมแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าก็รีบถอยไปซะ ไม่เช่นนั้นคราวหน้าก็ไม่ใช่หมัดที่อ่อนเช่นนี้อีกแล้ว” เจียงหลีปรบมือตบฝุ่นในมือ ยักคิ้วพูดให้คนเหล่านั้น”
ถอยไปหรือ
สีหน้าของเด็กหนุ่มเหมือนกันหมด อย่างนั้นก็ถอนตัวเสียเถอะ แท้จริงพวกเขาก็ไม่ได้เต็มใจนัก
“ถึงแม้เจ้าจะชนะพวกข้า แต่ก็ใช่ว่าเจ้าจะได้ที่หนึ่ง” เซียวเซียวตื่นขึ้นมาจากความตกใจ พยุงหน้าท้องลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับเจียงหลี
เจียงหลีเงียบรอเขาพูดคำต่อไป
เซียวเซียวกล่าว “ทุกคนที่เป็นคนใหม่เวลาเข้ามา ล้วนจะมีโอกาสทั้งหมดสามครั้ง ถ้าภายในสามครั้ง ล้วนแต่ไม่เคยได้ที่หนึ่งก็จะถูกส่งตัวไปยังค่ายฝึกฝนอีกที่”
ค่ายฝึกอีกที่งั้นหรือ โอกาสสามครั้งงั้นหรือ เจียงหลีนิ่ง
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่นางไม่รู้ ที่นี่ ยังมีค่ายฝึกอีกที่อีกหรือ
เห็นลักษณะของเจียงหลีแล้ว เซียวเซียวหัวเราะเยาะเย้ย” เจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าที่แห่งนี้คือที่ไหน”
“ไม่ใช่ถ้ำเก้าปีศาจหรือ” เจียงหลีถามกลับ
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มคนอื่น ก็มีท่าทางแปลกประหลาดขึ้นมา ราวกับว่านางกำลังพูดอะไรที่ตลกขบขันออกมา
คอมเม้นต์