ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 162 เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ
ฆ่ามู่หว่านโหรวอย่างนั้นหรือ
วันนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
หากฆ่านางตายจริงๆ ทางราชสำนักจักต้องหมายหัวตระกูลลู่เป็นแน่ นางไม่สามารถทำลายโอกาสของฮ่องเต้ที่รอมานานได้
วันนี้เจียงหลีแค่ต้องการแสดงเจตนารมณ์เพียงเท่านั้น
ถึงแม้คนทั้งโลกจะทอดทิ้งลู่เจี้ย ถึงแม้จะไม่มีใครสนใจเขา เขาก็ยังมีนางที่คอยปกป้อง นางไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาดูหมิ่นเหยียดหยามเขาได้
ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางเห็นลู่เจี้ยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วรู้สึกสงสารเขาในใจ
“วันนี้ฆ่าไม่ตายก็ฆ่าวันหน้า หากวันหน้าฆ่าไม่ตายมันต้องมีสักวันที่ข้าจะฆ่าให้ตายอย่างหมดจด ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่คำสาบานนี้ไม่มีวันดับสูญ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนรับรู้เจตนารมณ์ของเจียงหลีอย่างชัดเจน
บางทีอาจทำให้นายน้อยตระกูลลู่ที่ไม่ได้มางานวสันต์ฤดูล่าสัตว์อย่างลู่เจี้ยตกเป็นที่ฮือฮาได้
“ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย จู่ๆ ข้าก็นึกอิจฉาเจ้าขึ้นมา” หรงจิ่งสายตาจดจ้องไปที่เจียงหลีจากระยะห่างไกลพร้อมทั้งพึมพำเสียงเบา
ตู้ม!
เจียงหลีปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตัวเองออกมา
วิญญาณยุทธ์แรกคือเลี่ยเทียนซื่อตัวแทนพลังทำลายล้างที่บ้าคลั่งดุเดือด ส่วนตัวที่สอง…
เมื่อเสวียนกังกุยปรากฏกายออกมา ผู้ที่เคยรู้จักมันต่างอุทานด้วยความตะลึง “เป็นเสวียนกังกุย ก่อนหน้านี้ทั่วหนานฮวงแคว้นแข็งแกร่งไม่น้อยกำลังตามหาหญิงสาวที่มีวิญญาณยุทธ์เป็นเสวียนกังกุย หรือว่าคนที่พวกเขาตามหาจะเป็นนาง”
เจียงหลีกลับไม่รู้ถึงเหตุนี้ ตอนที่เกิดเรื่องนางผสานร่างกับเสวียนกังกุย ถึงแม้ลู่เจี้ยจะให้ลู่จ้านปิดบังข้อมูลนี้เอาไว้แต่ว่าเจียงหลีปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ต่อหน้าสาธารณชนก็เท่ากับว่าได้ทำลายความลับนี้ไปเสียแล้ว
โชคดีมีเพียงคนผู้เดียวที่อุทานออกมาและเสียงของเขาถูกเสียงความวุ่นวายของฝูงชนกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าแววตาอาฆาตของจิ่งเยี่ยยังคงจดจ้องแน่นิ่งภายในกลุ่มคน
“โอ้โห! เป็นวิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งเหมือนกันเสียด้วย วันนี้วิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งกลายเป็นว่ามีมากมายเยี่ยงนี้เลยหรือ องค์หญิงมีไม่ว่า แม้กระทั่งนางทาสคนหนึ่งก็มีเหมือนกัน ตระกูลลู่ช่างมีบารมียิ่งใหญ่นัก”
“ต่อไปนี้มีงิ้วสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้ว”
“…”
“เฟิงเหลย!” หมูหว่านโหรวตะโกนลั่นเรียกใช้ทักษะพรสวรรค์ในวิญญาณยุทธ์ของตน
เจียงหลีเองก็มิได้หยุดหย่อน นางตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกราะเสวียนกัง!”
ทันใดนั้นเงาลวงตาของเสวียนกังกุยปกคลุมร่างของเจียงหลีกลายเป็นเกราะกระดองกำบังภายนอกร่างกายของนาง ส่วนภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อทะยานสู่ท้องฟ้าตามนางขึ้นไปแล้วพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรวที่ใช้พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์พุ่งเข้าหาเช่นกัน
“สิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์โจมตีส่วนอีกสิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์ป้องกัน เจียงหลีผู้นี้คิดกระทำการป้องกันและโจมตีพร้อมกันหรือ”
“เช่นนี้แม้จะดูรอบคอบแต่มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงน่ะสิ”
“ช่างอัจฉริยะจริงๆ ลงมือพร้อมกันได้”
“…”
เจียงหลีทะยานสู่ท้องฟ้าเผชิญหน้าต่อสู้กับมู่หว่านโหรว
ในขณะที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แสงพลังวิญญาณทิ่มแทงบดบังสายตาผู้คน พวกเขาจึงเห็นเพียงสีหน้าดุดันของมู่หว่านโหรวและเจียงหลีที่ถูกแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่าง
จบแล้ว!
“ความสามารถขององค์หญิงไม่ได้มีแค่ลมปาก ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจัง พอถึงตอนนี้เอาจริงขึ้นมาแล้วเจียงหลีจะเผชิญหน้าต่อสู้ได้เยี่ยงไร”
“ใช้ทักษะพรสวรรค์สู้กันซึ่งๆ หน้า แพ้ราบคาบแน่นอน!”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“…”
ฝูงชนต่างคิดว่าเจียงหลีพ่ายแพ้แล้ว
คนที่ไม่เชื่อเกรงว่าจะเหลือเพียงจิ่งเยี่ยกับลู่เสวียนกระมัง
จากนั้นเมื่อแสงสลายไปแล้ผู้คนกลับตกตะลึงเห็นเจียงหลีปรากฏตรงหน้ามู่หว่านโหรวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เกราะบนร่างนางส่องแสงประกายสี่ทิศอย่างกล้าหาญชาญชัย
“พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมความว่องไวเป็นเลิศแต่น่าเสียดายกลับทลายเกราะป้องกันของข้ามิได้ ฉะนั้นจึงไร้ผล” เจียงหลียิ้มมุมปากภายใต้สีหน้าตกตะลึงของมู่หว่านโหรว
ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณออกมาจากร่างของนาง เลี่ยเทียนซื่อคำรามกึกก้องกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรว
ดวงตาทั้งคู่ของมู่หว่านโหรวเบิกกว้างริมฝีปากแดงสดอ้าค้าง
ตู้มมม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นางรู้สึกเพียงความเจ็บปวดที่หน้าอกของตนราวกับถูกฉีกขาด ร่างทั้งร่างลอยล่ะลิ่วออกไป
นางกระอักเลือดกลางอากาศพรวดพราดอย่างคาดไม่ถึง
ซวยแล้ว!
องค์หญิงอันผิงพะ…แพ้แล้ว…
จุดจบเช่นนี้ทำให้สถานการณ์เงียบสงบโดยไม่คาดคิด เจียงหลีลงสู่พื้นดินอย่างสงบมองมู่หว่านโหรวที่หล่นกระแทกพื้น เสื้อผ้าอาภรณ์ชาววังสวยงามหรูหราของนางอยู่ในสภาพหลุดลุ่ยดูไม่ได้ ผมยาวสลวยกระจัดกระจายอย่างน่าอดสู
ภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อและเสวียนกังกุยถูกเจียงหลีเก็บคืนไป ชุดเกราะบนร่างของนางก็หายไปเช่นเดียวกัน
เกราะเสวียนกังคือทักษะพรสวรรค์ของเสวียนกังกุย ตอนนี้ทำได้เพียงเป็นเกราะป้องกันให้กับเจียงหลีเท่านั้นแต่ทว่าตามการยกระดับขั้นของนาง รูปแบบที่ดีที่สุดของเกราะเสวียนกังสามารถปกคลุมรอบด้านป้องกันผืนฟ้าปฐพี
สวบๆ
เจียงหลีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หว่านโหรว
เมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนบดบังมู่หว่านโหรวก็กุมหน้าอกแน่นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในอาภรณ์สีดำ
ท่าทางเย็นชาไร้อารมณ์ของนางทำให้คนตกใจ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างเล็กๆ นี้อาจจะมีวิญญาณที่แข็งแกร่งน่ากลัวซ่อนอยู่
“ท่านจงจำบทเรียนในวันนี้ให้ดี หากกล้าทำร้ายลู่เจี้ยอีก ข้าไม่สนว่าท่านจะมีสถานะเป็นใครข้าจะฆ่าท่านแน่นอน” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
มู่หว่านโหรวโกรธแค้นในใจ นี่ข้าถูกเชือดไก่ให้ลิงดูหรือ หากจนถึงตอนนี้นางยังมองจุดประสงค์ของเจียงหลีไม่ออกก็เอาหัวโขกให้ตายไปซะ
นางเข้าใจชัดเจนแล้ว เข้าใจแล้วว่าเจียงหลีอยากหยิบยืมโอกาสนี้บอกคนทั้งโลกว่าถึงแม้ลู่เจี้ยจะเป็นนายน้อยอายุสั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ก็ไม่สามารถรังแกได้ตามอำเภอใจเช่นกัน!
เพราะว่าเขามีหลิงเจี้ยงสาวอายุสิบสามยืนอยู่ข้างกายเขา!
“เจียงหลี” สายตาของมู่หว่านโหรวส่อแววเกลียดชัง
การต่อสู้ในวันนี้คือความอัปยศอดสูในชีวิตนาง
เจียงหลียิ้มเย้ยหยัน “ไม่พอใจหรือ ข้าจะรอเจ้ามาหาข้าอีก”
“โอโห! เยี่ยมมาก” ดวงตาทั้งคู่ของลู่เสวียนเป็นประกายดาวเล็กๆ เขารู้สึกว่าชั่ววินาทีนี้เจียงหลียอดเยี่ยมจริงๆ มีเสน่ห์มาก
และนี่ยังไม่ใช่จุดจบ
ด้วยอุปนิสัยของเจียงหลีจริงจังก็ส่วนจริงจังเล่นก็ส่วนเล่น
นางไม่ลืมว่าคนที่ทำให้ลู่เจี้ยอับอายต่อหน้านางนอกจากมู่หว่านโหรวแล้วยังมีใครอีกบ้าง
ทันใดนั้นนางก็หันไปยังทิศทางที่หรงจิ่งยืนอยู่
ฝูงชนมองตามสายตานางไปเมื่อเห็นหรงจิ่งแล้วจึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ฉิบหายแล้ว! นางคงไม่ท้าทายหรงจิ่งหรอกกระมัง
นี่…นี่…มันจะพลิกล่าฟ้าเขียวอะไรขนาดนั้น!
หรงจิ่งเป็นถึงอันดับหนึ่งในสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง ฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ยากที่จะคาดเดาความคิด แม้กระทั่งคนคาดเดาเขาได้อาจจะเหยียบขาข้างหนึ่งเข้าไปในระดับหลิงไซว่ได้แล้ว
เจียงหลีท้าทายเขาหรือ
หาเหาใส่หัวอีกแล้ว!
“คุณชายจิ่งลงมาเถอะ” ในขณะที่ผู้คนกำลังคิดคาดเดาเจียงหลีเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น
ซวยแล้ว! เดาถูกจริงๆ ด้วย!
ฝูงชนต่างอึ้งและหยุดหายใจ
ลู่เสวียนแทบจะกัดลิ้นตัวเองขาดแต่กลับไม่ลืมบูชานาง เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ กล้าท้าทายหรงจิ่งได้
มู่หว่านโหรวลุกขึ้นยืนจากพื้นแล้วยิ้มเย็นชาให้กับเจียงหลี “สาแก่ใจเจ้าแล้วล่ะสิ”
เจียงหลีกลับไม่สนใจนางเพียงแต่มองหรงจิ่งที่เดินเข้ามาหานาง
“เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ” หรงจิ่งมาเผชิญหน้ากับเจียงหลีอมยิ้มเอ่ยถาม รอยยิ้มราวกับสายลมนั้นมิรู้ว่ารบกวนหัวใจของสาวๆ ได้มากแค่ไหน
คอมเม้นต์