ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 75 ฉันจะร้องเพลง!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม ตอนที่ 75 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ภารกิจพิเศษ ตรวจสอบพบว่าโฮสต์อยู่ในฮอลล์คอนเสิร์ต จึงมอบหมายภารกิจดังต่อไปนี้

ขับร้องหนึ่งบทเพลงในคอนเสิร์ต ทำให้ผู้ชมแปดหมื่นคนชอบจากใจจริง

ภารกิจสำเร็จ รับวิชาบำเพ็ญตบะ วิชาญาณทิพย์

ภารกิจล้มเหลว ทำให้โฮสต์กลายเป็นผู้หญิง

ปล. ปฏิเสธภารกิจนี้ไม่ได้

อันหลิน “…”

เขาอยากจะทุบระบบบ้าๆ นี่เหลือเกิน

กลายเป็นเซียนหญิงอันหลินงั้นเหรอ

ให้เขาไปตายเสียยังจะดีกว่า!

บางครั้งระบบก็เงียบกริบ พอเปิดปากพูดก็เอาเขาถึงตาย ถูกเสี่ยวหงทำเสียนิสัยหรือไง

ร้องเพลงที่ทำให้ผู้ชมแปดหมื่นคนชอบจากใจจริงงั้นเหรอ

ให้ตายเถอะ ทั้งฮอลล์ก็แปดหมื่นที่นั่งแล้ว!

ต่อให้ตงฟางเสวี่ยโด่งดัง เต็มทุกที่นั่ง เขาก็ต้องร้องเพลงที่ชนะใจทุกคนได้เท่านั้น

ระดับความยากมันเหนือธรรมชาติแล้ว!

แม้ฝีมือการร้องของอันหลินจะพอใช้ได้ แต่มีสำนวนหนึ่งกล่าวว่าหากเคยเห็นทะเลย่อมไม่ชายตามองแม่น้ำ[1]…

ทักษะการร้องเพลงของตงฟางเสวี่ยทำให้ผู้ชมทั้งหมดหลงใหลเคลิบเคลิ้มแล้ว มีผลงานล้ำค่าของเธออยู่ก่อนแล้ว อันหลินอยากทำให้ผู้คนทั้งหมดชื่นชอบผ่านบทเพลงนั้น…

ละเมอเพ้อฝันชัดๆ!

รู้ไหมว่าทำไมนักร้องโด่งดังที่มาร่วมร้องเพลงในคอนเสิร์ตของเธอถึงมีน้อยมาก

เป็นเพราะหลังผู้ชมฟังเพลงของตงฟางเสวี่ยเสร็จ เมื่อฟังนักร้องคนอื่นร้องเพลง มักจะรู้สึกว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหว จากนั้นก็พูดอย่างไม่พอใจว่า

“นักร้องคนนั้นน่ะเหรอ ร้องบ้าอะไรเนี่ย!”

เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง นักร้องชื่อดังทั่วไปไม่มีใครกล้ามาร่วมร้องเพลงในคอนเสิร์ตของตงฟางเสวี่ย

แต่กลับเป็นนักร้องไร้ชื่อบางส่วน ยึดหลักการหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก[2] มักจะมาร้องเพลงในเวลาที่ตงฟางเสวี่ยพัก

แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือ เพื่อหาโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน คำวิจารณ์อะไรพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว

กับนักร้องไร้ชื่อเหล่านี้ผู้ชมไม่มีข้อเรียกร้องอะไร ขอเพียงไม่ร้องผิดคีย์ก็พอแล้ว เห็นพวกเขาเป็นแค่เครื่องปรุงรสอย่างสิ้นเชิง

หากอันหลินออกไปร้องเพลงละก็ ผู้ชมจะวางตำแหน่งให้เขาเป็น ‘เครื่องปรุงรสก่อน’…

ภายใต้รัศมีกดดันจากตงฟางเสวี่ย…รัศมีเปราะบางของผู้ชม…

ร้องเพลงพิชิตใจผู้ชมทั้งฮอลล์ภายใต้การจู่โจมจากรัศมีทั้งสอง…

ตอนนี้เขาอยากพูดแค่ว่า

‘ไอ้ระบบเฮงซวย!

อยากให้ฉันเป็นเซียนหญิงอันหลินก็บอกมาตรงๆ สิ อ้อมค้อมแบบนี้ทำไม!’

อันหลินสิ้นหวังมาก แต่ก็จำต้องยอมรับความจริง

หยุดการรักษาแล้วรอแปลงร่างเงียบๆ งั้นเหรอ

ไม่!

แม้ความหวังจะริบหรี่มาก เขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

อันหลินจะไม่ยอมตกเป็นทาส!

ระบบปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา เขาจะขัดขืน! เขาจะต่อต้าน!

“เซียนหญิงจิ้งซิน ผมอยากร้องเพลงในคอนเสิร์ตของคุณ!”

อันหลินมองหญิงงามตรงหน้าแล้วโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรนะ!”

เถียนหลิงหลิงตะโกนลั่นทันที

อันหลินมาที่นี่เพื่อขอลายเซ็นไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงจะร้องเพลงในคอนเสิร์ตของตงฟางเสวี่ยล่ะ!

ดวงตาคู่งามของตงฟางเสวี่ยก็มีประกายตกใจฉายวาบเช่นกัน แต่ครู่หนึ่งก็มีความแปลกใจเข้ามาแทนที่ “ได้สิ นายอยากขึ้นไปเมื่อไร ฉันจัดการให้”

“หลังคุณร้องเพลงต่อไปเสร็จ ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าคุณจะช่วยชมผมสักหน่อย ก่อนลงจากเวที…” อันหลินยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

ตงฟางเสวี่ยป้องปากขำ “ได้สิๆ นายเคยแสดงคอนเสิร์ต หรือได้รางวัลดนตรีอะไรหรือเปล่า ฉันจะชมสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอกมั้ง”

อันหลินกระแอมไอ “อะแฮ่ม…ไม่รู้ว่าถ้วยรางวัลสิบนักร้องยอดเยี่ยมของโรงเรียนลำดับแปดเมืองซานเฉิง จะอวดได้หรือเปล่า…”

ตงฟางเสวี่ย “…”

เถียนหลิงหลิง “…”

ในใจของพวกเธอมีแค่ประโยคเดียวคือ ‘อวดกับผีอะไร!’

นี่เป็นเวทีคอนเสิร์ตของตงฟางเสวี่ยผู้ที่โด่งดังที่สุดในเอเชียเชียวนะ…

จะให้เอารางวัลสิบนักร้องยอดเยี่ยมของโรงเรียนไปอวดงั้นเหรอ

รางวัลที่ ‘สุดยอด’ แบบนี้ ฆ่าอันหลินได้เลยนะ!

“แค่ก…” ตงฟางเสี่ยวเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง

เธอฝืนยิ้มออกมา “สหายอันหลิน บทเปิดตัวของนาย ยกให้เป็นหน้าฉันเถอะ หวังว่านายจะทำให้ดี บอกชื่อเพลงที่จะร้องให้พี่หลิวก็พอ เรื่องอื่นเธอจะจัดการเอง…”

อันหลินพยักหน้าอย่างว่าง่าย

ขอเพียงตงฟางเสวี่ยช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของเขาสักหน่อย ให้แฟนคลับแปดหมื่นคนคิดว่าเขาไม่ใช่แค่เครื่องปรุงรส แต่เป็นวัตถุดิบชั้นยอดหรือชั้นเซียน!

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัศมีเปราะบางของผู้ชมก็จะถูกลดทอนลง!

รัศมีเปราะบางได้รับการแก้ไขแล้ว

งั้นรัศมีกดดันของตงฟางเสวี่ยล่ะ

จะปล่อยให้เธอขึ้นไปร้องเพลงมั่วๆ ก่อน จากนั้นตัวเองค่อยพลิกสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความแตกต่างคงไม่ได้หรอกมั้ง

ทำแบบนี้ เขารู้สึกผิดต่อมโนสำนึกไม่พอ แค่ด่านตงฟางเสวี่ยเขาก็ไม่ผ่านแล้ว

เธอเป็นถึงเซียนหญิงที่หลงตัวเอง จะทำเรื่องทำลายภาพลักษณ์ตัวเองได้อย่างไร

อันหลินตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

แม้ผู้ชมในฮอลล์ จะไม่มองเขาด้วยสายตาแห่งอคติก็ตาม ถึงขั้นว่าคาดหวังในตัวเขา เช่นนั้นเขาควรใช้วิธีไหนไปพิชิตใจผู้ชมทั้งฮอลล์กันล่ะ

ใช้ฝีมือการร้องระดับรางวัลสิบนักร้องยอดเยี่ยมของโรงเรียนงั้นเหรอ

แม้ตอนนี้อันหลินจะเป็นนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบ มีกายวิเศษคอยหนุน เสียงจะดีกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย

ทว่า เขาจำต้องยอมรับว่า มันห่างจากมาตรฐานของตงฟางเสวี่ยลิบลับ

ฝีมือการร้องของเขา พอเทียบกับนักร้องทั่วไปได้

แต่ตงฟางเสวี่ยเป็นถึงนักร้องระดับท็อปเชียวนะ!

นี่เป็นคอนเสิร์ตของเธอ สายตาและรสนิยมของผู้ชม ล้วนถูกเธอดึงขึ้นฟ้าแล้ว อาศัยแค่ฝีมือการร้องเพลง อาจจะไม่มีความหวังเลย

เช่นนั้นนอกจากฝีมือการร้องแล้ว เขามีจุดเด่นอะไรอีก

จุดเด่นที่กำหนดทุกอย่าง มีบทบาทเป็นท่าไม้ตาย…

ในเมื่อใช้ฝีมือการร้องเพลงไม่ได้ ก็คงต้องลงแรงกับการเลือกเพลงแล้ว

เลือกเพลงที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชม มักจะได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบทเพลงที่ฝังใจมากเพลงหนึ่ง

มันเป็นเพลงที่ผู้ชมไม่เคยได้ฟัง แต่ทำนองไพเราะเป็นอย่างยิ่ง!

หากเป็นเพลงนั้นละก็…มีโอกาส!

“สหายอันหลิน ฉันจะไปร้องเพลงแล้ว นายรีบเลือกเพลงล่ะ!”

ตงฟางเสวี่ยโบกมือให้อันหลินยิ้มๆ จากนั้นก็เดินไปทางเวที

หลังตงฟางเสวี่ยออกไปแล้ว เถียนหลิงหลิงก็รีบเขยิบเข้ามา “นี่ๆ นักพรตจอมปลอม นายทำอะไรกันแน่! ทำไมจู่ๆ ถึงอยากร้องเพลงล่ะ”

อันหลินยิ้มแหย “ฉันจำเป็นต้องร้อง อีกอย่างฉันต้องพิชิตใจผู้ชมแปดหมื่นคนผ่านเสียงเพลงด้วย ถ้าแพ้ละก็ เกรงว่าต่อไปเธออาจจะต้องเห็นฉันแต่งหญิงทุกวันแล้วล่ะ…”

“หา” ดวงตาดำขลับของเถียนหลิงหลิงเบิกกว้าง

แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมแพ้แล้วอันหลินต้องแต่งหญิง แต่คิดๆ ดูแล้วก็น่าตื่นเต้นไม่หยอก…

“คุณอันหลิน ไม่ทราบว่าคุณจะเลือกดนตรีเพลงไหน” พี่หลิวเดินเข้ามา ตอนนี้จวนได้เวลาอันหลินขึ้นเวทีแล้ว จำต้องตัดสินใจเรื่องดนตรีแล้ว

อันหลินส่ายหน้า “ผมไม่เอาดนตรี ผมจะร้องอะแคปเปลลา![3]”

“อะไรนะ!” พี่หลิวได้ยินก็สะดุ้งโหยง

ร้องเพลงในคอนเสิร์ตแต่ไม่ต้องการดนตรีงั้นเหรอ

ล้อกันล่นหรือไง!

แต่เถียนหลิงหลิงกลับตาเป็นประกาย ไม่ใช้ดนตรี จะใช้การร้องอะแคปเปลลาพิชิตใจผู้ชมแปดหมื่นคน…

มันหมายความว่า…พรุ่งนี้จะได้เห็นอันหลินแต่งหญิงแล้วใช่ไหม

อันหลินพยักหน้ากับพี่หลิวอย่างจริงจัง

เพลงที่เขาจะร้อง เป็นเพลงที่เรียนมาจากสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน

แดนมนุษย์ไม่มีใครรู้ว่าจะบรรเลงดนตรีอย่างไร

ด้วยเหตุนี้ เขาก็จำต้องร้องอะแคปเปลลา

……………………………..

[1] หากเคยเห็นทะเล ย่อมไม่ชายตามองแม่น้ำ หมายถึง เคยเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า มากประสบการณ์ ย่อมไม่สนใจสิ่งที่ธรรมดากว่า

[2] หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก ใช้ด่าคนหน้าด้าน ไร้ยางอาย

[3] อะแคปเปลลา คือ เป็นดนตรีที่ใช้เสียงร้องหรือการร้องโดยปราศจากเครื่องดนตรีประกอบ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด