ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 81 : ผลลัพธ์คือความเงียบสงัด
เซี่ยหลิวฮุยเข้าไปยังที่พนักของเซี่ยงเส้าหยุน และยืมเอาความรุ่งโรจน์ของเซี่ยงเส้าหยุนมาใช้ จึงกลายเป็นจุดสนใจของฝูงชนในที่สุด
‘ช่างเป็นความรู้สึกน่าอัศจรรย์’ เซี่ยหลิวฮุยคิดในใจ ด้วยไม่อยากแยกจากความรู้สึกนี้ แต่เมื่อเขาได้พบกับเสี่ยวไป่ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามในสวนนั่น เขากล่าว “ข้ารู้ ข้ามันหล่อ เจ้าเหมียว หยุดมองข้าแบบนั้นได้แล้ว”
เสี่ยวไป่กระโจนเข้าใส่ และกัดที่เท้าของเขาทันที
“อ๊าก! หยุดนะ! ไปให้พ้น! เจ็บจะตายแล้ว! ไปให้พ้น ข้าจะไม่ลืมเรื่องนี้แน่!” เซี่ยหลิวฮุยตะโกนขณะสะบัดขาซ้ำไปซ้ำมา พยายามสลัดเสี่ยวไป่ออก แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็มิอาจสลัดเจ้าเสือน้อยออกไปได้ เขาออกด้วยความเจ็บปวด
“เสี่ยวไป่ ไปเถิด” เสียงของเซี่ยงเส้าหยุนดังขึ้น ด้วยคำสั่งทำให้เสี่ยวไป่ปล่อยเซี่ยหลิวฮุยในที่สุด มันร้องเหมียวใส่เซี่ยหลิวฮุยก่อนจะเดินจากไปอย่างภาคภูมิใจ และนอนลงที่มุมหนึ่งของสวน
เซี่ยหลิวฮุยเผยสีหน้าอนาถ ขณะบ่น “อะไรกันลูกพี่? นี่มันเจ็บมากเลยนะ!”
“ก็เจ้าไปเรียกเขาว่าเจ้าเหมียวก่อน มันเป็นความผิดของเจ้า” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว และเสริม “บอกให้คนข้างนอกไปเสีย ข้าต้องการเวลาเพื่อฝึกฝน”
“ได้เลย ลูกพี่! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” เซี่ยหลิวฮุยตอบก่อนจะวิ่งออกไปด้านนอก
ในสวน เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจขณะกล่าวคำเบา “ดูเหมือนชื่อเสียงจะไม่ใช่สิ่งที่ดีสักเท่าไหร่ เกรงว่าเราคงต้องหายตัวไปจากสายตาผู้อื่นสักหน่อย”
ดังนั้น ไม่กี่วันถัดมา เซี่ยงเส้าหยุนได้เริ่มฝึกยุทธ์อย่างสันโดษ เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับตำหนักยุทธ์เพราะต้องการต่อสู้ และความมั่งคั่ง เขาไม่สนใจชื่อเสียงแม้แต่น้อย เขาต้องการเพียงสถานที่ซึ่งสามารถฝึกฝนเพื่อเพิ่มแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว และเงียบเชียบ
หลังจากปล้นอู่ฝูเซี่ยงมา ตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนมีทรัพยากรมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถร้องขอสิ่งที่ต้องการจากตำหนักยุทธ์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงจำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากรใด และเริ่มรวบรวมทรัพยากรที่ต้องการเพื่อเพิ่มพูลการฝึกยุทธ์ และขยายทะเลจักรวาลดวงดาวของตน
ด้วยความเร็วในการเติบโตของเด็กหนุ่มเพียงพอแล้ว สิ่งที่ต้องการมากกว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วคือความมั่นคง สิ่งแรกที่ทำระหว่างแยกตัว คือการเสริมวิชาการต่อสู้ของตนเอง เขาได้เริ่มเรียนวิชากระบี่ขั้นต้นระดับสามนาม ‘ดาบสายฟ้าระห่ำ’ และยังได้รับชิ้นส่วนสุดท้ายของตำราวิชาดัชนีทลายดวงดาวจากโถงวิทยายุทธ์ เพื่อนำมาเสริมสร้างวิชาดังกล่าวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่คิดจะฝึกฝนวิชายุทธ์ใดในตอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันคือเรื่องยากในการจดจำวิชายุทธ์ทั้งหมด แต่เขาต้องการเติบโตอย่างมั่นคงกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เขามีภาพวิชายุทธ์ระดับสี่ในหัวมากมาย ซึ่งสามารถเริ่มฝึกฝนได้ทันทีที่บรรลุระดับแปรสภาพ
ดาบสายฟ้าระห่ำเป็นวิทยายุทธ์ธาตุสายฟ้า และมันมีถึงสามกระบวนท่า แต่ละท่านั้นมีพลังอันยอดเยี่ยม เพียงแค่วิชานี้ก็เพียงพอสำหรับเขาในเวลานี้
สำหรับวิชาดัชนีทลายดวงดาว เซี่ยงเส้าหยุนได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันจนแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยพลังที่ยิงออกจากนิ้วนั้นสามารถทะลุผ่านหิน และเกราะระดับสองได้อย่างง่ายดาย
นอกเหนือจากนั้น หลังจากเปิดใช้งานร่วมกับวิชาก้าวราชันเก้าปรโลก ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปดก็ยากจะแข่งขันด้านความเร็วกับเขาในตอนนี้
ทว่า วิชาก้าวราชันเก้าปรโลกแท้จริงแล้วไม่ใช่วิชาเคลื่อนไหว เซี่ยงเส้าหยุนรู้อยู่เต็มอกว่าความจริงแล้ว มันคือวิชาต่อสู้ที่สามารถใช้ต่อสู้ได้จริง
หากเชี่ยวชาญในการใช้ก้าวราชันเก้าปรโลกแล้วละก็ เพียงหนึ่งก้าวก็สามารถทำลายภูเขา และแม่น้ำ สร้างความสะพรึงแก่สรวงสวรรค์ แต่แน่นอนว่าระดับนั้นยังห่างไกลอยู่มาก
นอกจากนี้ เซี่ยงเส้าหยุนยังฝึกฝนจนสามารถใช้วิชาดาบหมาป่าสีทอง และหอกอัสนีได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว เขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งของวิชาทั้งสองได้เต็มกำลัง เพิ่มศักยภาพในการต่อสู้อย่างมาก
อาจกล่าวได้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของการฝึกยุทธ์ เซี่ยงเส้าหยุนได้รับวิทยายุทธ์ที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวพึงมีจำนวนมาก ความสันโดษยังทำให้สามารถบรรลุช่วงสูงสุดของขั้นสีได้อย่างสมบูรณ์
การเติบโตก่อนหน้านั้นรวดเร็วมาก หากเขาไม่ปรับอารมณ์ตัวเองอย่างเหมาะสม อาจทำให้รากฐานสั่นคลอน ดังนั้น เขาจึงดูดซับปราณสีม่วงจากแสงแรงของดวงอาทิตย์ และพลังอันไร้ขอบเขตของดวงจันทร์ และดวงดาว โดยปราศจากการเพิ่มระดับยุทธ์ แต่เขากลับระงับการดูดซับพลังเพื่อปรับอารมณ์ และรักษาฐานของการฝึกยุทธ์
คืนหนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนนั่งอยู่ที่สวน ราวกับวานรที่จมดิ่งสู่สมาธิ เขานิ่งสนิท ในบางครั้ง รังสีจากแสงดาวส่องลงมายังเด็กหนุ่มทำให้มีพลังมหาศาลรวมอยู่ในร่างกาย ทำให้เป็นนความรู้สึกอันน่าพิศวง และน่าเกรงขามอย่างยิ่ง และเขาดูราวกับบุตรแห่งสวรรค์ที่ลงมาจุติยังโลกโลกีย์
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อมีผู้บรรลุระดับดวงดาว คนผู้นั้นจะสามารถดูดซับพลังดวงดาวจากดวงดาวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถดูดซับพลังนั่นได้เพียงเล็กน้อย ความจริวแล้ว ปริมาณของพลังดวงดาวที่คนทั่วไปสามารถดูดซับได้นั้นเล็กมากจนไม่สามารถเห็นได้ ซึ่งต่างกันกับเซี่ยงเส้าหยุนที่มีพลังดวงดาวหนาแน่นมารวมตัวอยู่โดยรอบตัวเขา
ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง ผู้ที่คุ้มกันเซี่ยงเส้าหยุนในเงามือ ยังคงตกใจต่อภาพที่เห็น
“นี่คุณชายมีห้าดวงดาวสถิตร่างจริงหรือนี่? จากสภาพในตอนนี้ เขาอาจจะมีหกดวงดาวสถิตก็เป็นได้ ข้าไม่แปลกใจเลย หรือแท้จริงแล้ว…บางทีร่างกายของเขา…” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงตัดความคิดนี้ให้สั้นลงเพราะมันน่ากลัวเกินไป
ผู้คนมากมายต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งศิษย์ที่มาพรสวรรค์อันน่าพรั่นพรึง
ภายในร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุน คลื่นจากแสงดวงดาวกระเพื่อมไปทั่วทุกหนแห่ง ก่อนจะผสมกับทะเลจักรวาลดวงดาวในที่สุด กลายเป็นทะเลสาบดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ จนสามารถมองเห็นปราณสีม่วงลอยอยู่บนทะเลสาบ สร้างโลกลึกลับอันน่าเหลือเชื่อภายในร่างกาย
ในตอนนี้ ทะเลจักรวาลดวงดาวนั้นมีขนาดราวสองตารางเมตร นี่เป็นบทสรุปที่เขาใช้เวลาร่วมเดือนในการดูแลทะเลจักรวาลดวงดาวด้วยยาวิญญาณ ขนาดสองตารางเมตรนั่นเป็นผลลัพธ์ที่เซี่ยงเส้าหยุนพอใจอย่างมาก
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว และยามรุ่งอรุณได้มาถึง เช้านั้น เซี่ยงเส้าหยุนได้เริ่มดูดซับปราณสีม่วงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาหนึ่งเดือนในปราบปราม และปรับเสถียรภาพของการฝึกยุทธ์ ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะเติบโตขึ้นไปอีก
ปราณสีม่วงจำนวนมากถูดดูดซับ และเมื่อปราณสีม่วงเข้าไปในร่างกาย กระดูกสีม่วงเริ่มดูดซับพวกมันส่วนใหญ่เอาไว้ ความจริงแล้ว กระดูกสายฟ้าเป็นเพียงส่วนเล็กของกระดูกสันหลัง ส่วนเล็ก ๆ ซึ่งเปลี่ยนเป็นสีม่วง ในการแปรเปลี่ยนกระดูกสันหลังทั้งหมดให้เป็นสีม่วงจะต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม กระดูกสายฟ้าขนาดเล็กนั่น สามารถพบพลังงานสายฟ้าโดยธรรมชาติได้ มันคือพลังสายฟ้าโดยกำเนิด
เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่พบวิธีการใช้งานกระดูกสายฟ้านั่น แต่หลังจากบรรลุระดับแปรสภาพ เขาจะได้รับพลังในการจ้องมองภายใน ตอนนั้นคงจะสามารถควบคุมกระดูกสายฟ้า และได้รับพลังอันน่าหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้น
เมื่อนั่งสมาธิจนเสร็จ เซี่ยงเส้าหยุนยืนขึ้น ก่อนนะกล่าวคำเบากับตัวเองด้วยความอิ่มเอมใจ “นี่ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว คงถึงเวลาจ่ายคืนหอคอยแห่งขีดจำกัดแล้ว หรือบางที เราน่าจะออกไปท่องเที่ยวแทน การซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอดเวลาจะทำให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
หลังจากกล่าวกับผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเขาก็ออกไปด้านนอก เซี่ยงเส้าหยุนเตรียมไปเยีย่มเยียนในเมืองกับเสี่ยวไป่ เมื่ออู่ฝูเซี่ยงตาย ตระกูลอู่จึงถูกปกคลุมด้วยความหวานกลัว จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทำอันตรายต่อเด็กหนุ่มได้อีก
“คุณชาย โปรดอนุญาตให้ข้าไปกับท่านเถิด ข้าไม่ต้องการเห็นท่านตกอยู่ในอันตรายอีก” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงกล่าว
เซี่ยงเส้าหยุนมองดูด้วยความลังเลก่อนจะกล่าว “ก็ได้ เราไปด้วยดันเถอะ ข้าแค่อยากออกไปสูดอากาศด้านนอก”
และเมื่อผู้อาวุโสเจิ้นเผิงไปกับเซี่ยงเส้าหยุน เด็กหนุ่มจึงชวนเซี่ยหลิวฮุยไปด้วยกัน เมื่อพวกเขาออกมาด้านนอก มีใครบางคนเฝ้าดูพวกเขาออกไปด้านนอก วินาทีนั้นเอง มีนกพิรายตัวหนึ่งบินออกไปมา
คอมเม้นต์