เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – Chapter 66 – การแข่งขันของตระกูล

อ่านนิยายจีนเรื่อง Leveling Up and Becoming Undefeatable เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย ตอนที่ 66 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Chapter 66 – การแข่งขันของตระกูล

บรรยากาศในตอนนี้ก็เหมือนกับดาบที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องและอาจจะโดนสับได้ตลอดเวลา

แรงกดดันที่ออกมาจากร่างกายของลั่วเทียน.

โจวไทเหรินและซูเหยาซวง อยู่ในขึ้น ปราณเชี่ยวชาญขั้น 9 แรงกดดันของทั้งสองฝ่ายได้ทำลายแรงกดดันของลั่วเทียนอย่างฉับพลัน.

ทั้งจิตใจและสำนึกของลั่วเทียนก็ลดลง.

มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่เขาก็ยังคงทนได้.

แรงกดดันของลั่วเทียนเริ่มถดถอยลงและสมาชิกของตระกูลซูที่หลายสิบคนที่เข้าล้อมยามที่เฝ้าหน้าประตูได้สติและมีการแสดงออกที่หน้าของพวกเขา พวกเขากลิ้งถอยหลังและกลับมายืนด้วยเท้าของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็รับตะโกนว่า: “บิดาคนนี้จะฆ่าเจ้า!”

ใบหน้าของสาวกที่เป็นยามเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความกลัวขณะที่เขาตะโกนกลับไป: “เข้ามาถ้าเจ้ากล้า!”

“ดี มีคนบ้าเพิ่มมาอีกหนึ่ง!”

“เจ้าเป็นคนตระกูลลั่วของข้าจริงๆ!” ลั่วเทียนกล่าวชม.

เมื่อถึงเวลามันต้องบ้า พวกเขาเหล่านี้ล้วนกินใจมาก.

พวกเขาจะอยู่ในเมืองภูเขาหยกได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาถูกรังแกถึงหน้าบ้านของเขา?

ตระกูลลั่วสูญเสียภายในเป็นจำนวนมากและมันก็น่าจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความตกต่ำในเวลานี้ แต่ลั่วเทียนไม่ใช่คนที่ทำแบบนั้น.

มีคนบอกว่าพวกเขาจะถูกรังแกโดยคนอื่นและม้าเด็กก็จะถูกผู้คนขับไล่.

ถ้าพวกเขาทนสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ในวันนี้ พรุ่งนี้เหล่าสัตว์ร้ายพวกนี้ก็จะมาทำให้พวกเขาเดือดร้อนอีกครั้ง.

พวกเขาไม่อาจเข้าร่วมได้ แต่ในเมื่อเกิดการต่อสู้พวกเขาก็ต้องทำแม้แต่การฆ่า อย่าให้ใครมาดูถูกพวกเขา!

ทัศนคติของลั่วเทียนนั่นไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งมันเกิดความคาดหมายของคนตระกูลโจวและซู พวกเขาคิดว่าลั่วเทียนควรจะกลัวและก้มหัวให้พวกเขาและไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนเริ่มเมื่อมันเกิดขึ้น.

การแสดงออกของซูเหยาซวงเปลี่ยนไปและคำรามออกมา: “ซูชวง มาด้านหลัง!”

ใบหน้าของซูชวงที่ช้ำเหมือนหมู จากนั้นเขาก็โกรธและพูดขณะกุมใบหน้า: “ลุงผู้นำ ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยเขาในวันนี้…”

“กลับมาก่อน ข้าจะดูแลมันเอง.” ซูเหยาซวงพูดอย่างรอบคอบ.

ผู้อาวุโสของตระกูลซูก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยซูชวงก่อนที่จะกระซิบบางอย่างให้เขาสบายใจ.

“ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอนที่ไหนที่กล้าจะข่มขู่น้องชายข้า?”

“ไอ้สัตว์นรก กล้าที่จะข่มขู่น้องชายข้า? มาดูกัน ว่าบิดาคนนี้จะเล่นงานเจ้าให้ตายได้อย่างไร!”

ฟางเล่ยพุ่งออกมาด้านหน้าเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ขณะที่เข้ากวาดตามองไปยังฝูงชน ร่างกายที่กำยำและมีกลิ่นอายสัตว์ป่าระเบิดออกมาจากรอบๆตัวเขา.

ภาพลักษณ์ของเขาทำให้รู้สึกว่าเป็นบุลคลที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง.

แม้กระทั่งผู้ที่มีการบ่มเพาะที่สูงกว่าของฟางเล่ยก็ยังรู้สึกหนาวเย็นในใจของพวกเขาและมีความรู้สึกกลัวก่อตัวขึ้น.

สายตาของฟางเล่ยส่องประกายและคำรามออกมา “ใครก็ตามที่กล้าที่จะรังแกน้องชายข้า ออกมายืนตรงนี้ให้บิดาคนนี้ได้เห็น! ดูซิว่าบิดาจะทำให้มันขี้แตกได้อย่างไร!”

“หืม!”

ซูเหยาซวงมองไปยังลั่วเทียนอย่างเย็นชาก่อนที่เขาจะถามออกมา: “นี่เป็นวิธีการที่ตระกูลลั่วปฎิบัติต่อแขกของพวกเขา?”

ลั่วเทียนยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้า.

ฟางเล่ยรีบถอยหลังและยืนถัดจากลั่วเทียน ดวงตาของเขากวาดมองฝูงชนในขณะที่เขาเตรียมตัวอย่างรอบคอบ.

ลั่วเทียนยิ้มเยาะและพูด: “เมื่อเขาพบกับแขกเขายินดีต้อนรับทุกคนด้วยเสียงปรบมือ แต่สำหรับหมาบ้าที่วิ่งมาหน้าบ้านเราตั้งแต่ฟ้าสาง พวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยกำปั้น!”

“เจ้าว่าใครเป็นหมาบ้า?!” มีบางคนตระโกนออกมา.

“ใครตอบสนองก็เป็นหมาบ้า.” ลั่วเทียนตอบและยิ้ม.

ตาของซูเหยาซวงเริ่มกระตุกขณะที่เขาพูดด้วยความรังเกียจ: “เจ้าแสดงความยโสออกมาเพราะว่าพึ่งได้เป็นผู้นำตระกูล…เจ้าคิดอย่างไรกับอนาคตของตระกูลลั่ว?”

ซูไทเหรินยังก้าวไปข้างหน้าและปล่อยแรงกดดัน จากนั้นเขาก็ตะโกน: “แม้ว่าบิดาของเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่  เขาก็ยังปฎิบัติต่อพวกเราด้วยความสุภาพ เด็กที่พึ่งจะหย่านมแม่กล้าที่จะแสดงความยโสต่อหน้าพวกเรา? เจ้าคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่พิเศษกว่าคนอื่น?”

ทั้งสองตาของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจฆ่า.

พวกเขาทั้งสองได้ปล่อยแรงกดดันเพื่อกดดันจิตใจของลั่วเทียน.

ด้วยทั้งสองแรงกดดัน มันมีพลังเหมือนกับภูเขาเข้ามาทับเขา.

ลั่วเทียนต่อต้านมันด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดขณะที่เปลวไฟแห่งความโกรธในหัวใจของเขาได้ลุกฮือขึ้น เขารู้สึกเกลียดการถูกกดดันด้วยแรงกดดันและฉากเหล่านี้ทำให้เขาไม่สบายใจ.

ด้วยการทีึ่จิตวิญญาณและจิตสำนึกที่ถูกกดดันด้วยภูเขาที่ใหญ่โตมันน่ารำคาญราวกับกำลังออกมจากขุมนรก.

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตระกูลลั่ว พึ่งจะผ่านปัญหามา เขาจะกระแทกหน้าที่ิยิ้มแย้มของซูเหยาซวง.

เพื่อตระกูลลั่วและพี่น้องของเขา ลั่วเทียนต้องอดทนอีกนิด.

ลั่วเทียนไม่ได้เปิดเผยอารมณ์ใดๆบนใบหน้าของเขาและถาม: “พวกเจ้าไม่ได้มาที่นี่ในตอนเช้าเพื่อบอกสิ่งเหล่านี้ใช่มั๊ย?”

ด้วยแรงกดดันของทั้งสองทำให้ลั่วเทียนรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ซูเหยาซวงประหลาดใจก่อนที่จะพูด: “ตามหลักแล้วนั่นคือเหตุผลที่เรามาที่ตระกูลลั่วนี้.”

โจไทเหรินเสริมคำพูด: “ตระกูลโจวและตระกูลซูมีความต้องการที่จะทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างตระกูล…”

“ไม่สนใจ.”

ลั่วเทียนไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ.

การแข่งขันหมาๆอะไร? พวกเขาไม่เพียง แต่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ภายในของตระกูลลั่ว เมื่อพวกเขารู้ว่าในตอนนี้พวกเขามีคนที่มีพรสวรรค์น้อย?

พวกเขาต้องการใช้การแข่งขันเหล่านี้เพื่อจัดการตระกูลลั่วในอีกรูปแบบหนึ่ง?

แม้ว่าลั่วเทียนจะใช้นิ้วเท้าคิด เขาก็รู้แล้วว่าคนเหล่านี้ต้องการอะไร ผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ต้องการส่งคำเชิญให้ร่วมการแข่งขันระหว่างตระกูลงั้นรึ?

แน่นอน…

ถ้าลั่วเทียนไม่ใช่คุกกี้ที่แตกร้าว แล้วจะมีการแข่งขันระหว่างตระกูลใดๆ พวกเขาจะบังคับให้ตระกูลลั่วส่งมอบดินแดนส่วนหนึ่ง.

ด้วยสถานะที่ยากจัดการของลั่วเทียน เขาคงจะไม่มีทางที่จะมอบดินแดนของตระกูลลั่วโดยไม่มีการต่อสู้.

ถ้าพวกเขาต้องการใช้กำลังจริงๆ ตระกูลโจวและตระกูลซู ต้องเกิดความเสียหายบางอย่าง.

ซึ่งจะช่วยให้ตระกูลซ่งซึ่งเป็นบุคคลที่สามได้รับประโยชน์โดยไม่มีต้องทำอะไรเลย.

ไม่มีทางที่เจ้าแก่สองตัวนี้จะมอบผลประโยชน์เหล่านั้นให้.

นั่นคือเหตุผลที่ต้องใช้ข้ออ้างในการแข่งขันระหว่างตระกูล

ตระกูลลั่วในตอนนี้ยังไม่เสถียรนักและมีสาวกน้อยกว่าครึ่งที่เป็นสาวกชั้นยอด เพียงแค่ต้องทุกข์ทรมาณจากการสูญเสียนิดหน่อยก็ทำให้ตระลั่วล่มสลาย.

เมื่อถึงเวลานั้นดินแดนของตระกูลลั่วจะกลายเป็นของตระกูลโจวและตระกูลซู.

แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้รับการปฏิเสธจากลั่วเทียนมาก่อน

ใบหน้าของโจวไทเหรินและซูเหยาซวงมืดลง ขณะที่พวกเขาแอบเหลือบมองกัน ซูเหยาซวงก็ยิ้มด้วยความอายก่อนจะพูด, “ตระกูลลั่วกลัวหรือไง?”

โจวไทเหรินก็พูดออกมาทันทีว่า: “มันอาจจะไม่ใช่เพราะว่าตระกูลลั่วกลัว แต่พวกเขากลัวจริงๆ.”

ยั่วยุข้า?

ลั่วเทียนหัวเราะเบาๆในใจ หมาจิ้งจอกเฒ่าสองตัวนี้ต้องการให้ข้าเต้นแร้งเต้นกาตามการยั่วยุของมัน? บิดานี้ไม่ตกหลุมเจ้าหรอก.

ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆ “ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่มีอะไรอีกแล้วก็กลับไปได้ สำหรับการแข่งขันระหว่างตระกูล มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้มีความสนใจ พวกเจ้าสามารถแข่งกันสองคนได้ ในตอนนั้นข้าจะรอแสดงความยินดีกับผู้ชนะ”

หลังจากกล่าวจบแล้วลั่วเทียนก็หันหลังกลับไปทันที

โจวไทเหรินและซูเหยาซวงเหลือบมองกันพลางขมวดคิ้ว.

โจวไทเหรินก้าวออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยพลังปราณ จากนั้นเขาก็ตะโกน: “เนื่องจากผู้นำลั่วไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการแข่งขัน ถ้าอย่างนั้นก็มาพูดคุยเกี่ยวกับผู้อาวุโสโจวเป็นไง!”

“ตอนนี้สาวกตระกูลโจวอยู่ที่ไหน?!”

“ที่นี่!”

เกือบหนึ่งร้อยคนของสาวกตระกูลโจวตอบออกมาพร้อมกับเจตนาฆ่าอย่างพร้อมเพรียง.

ซูเหยาซวงก็คำราม: “สาวกตระกูลซูก็ต้องคิดบัญชีนี้เป็นเหมือนกัน สาวกตระกูลซูอยู่ที่ไหน?!”

“ที่นี่!”

สาวกตระกูลซูวิ่งออกมาพร้อมกัน

ซูเหยาซวงตะโกน: “สาวกตระกูลซูถูกทำร้าย ดังนั้นเราควระจะทำอย่างไร?”

“ส่งกลับคืนเป็นสิบเท่า!”

“เยี่ยม!”

ทางเข้าหลักของตระกูลลั่วที่เต็มไปด้วยผู้คน แม้แต่น้ำก็ยากที่จะซึมผ่านเข้าได้.

บรรยากาศเหมือนกับมีเชือกมาคล้องคอ.

นี่เป็นทางเลือกสุดท้าย.

ถ้าลั่วเทียนไม่ทำตามเขา พวกเขาก็จะต่อสู้.

แม้ว่าจะมีการสูญเสีย แต่ถ้าไม่มีการต่อสู้ในวันนี้ มันก็จะพลาดโอกาสดีที่ตระกูลลั่วกำลังระส่ำระส่ายด้วยมือของพวกเขาเอง ต้องกำจัดตระกูลลั่ววันนี้หลังจากนี้มันจะเป็นไปไม่ได้.

โดยไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ลั่วเทียนเลือก ไม่มีทางที่ตระกูลลั่วจะรอดจากการล่มสลายไปได้!

ถ้าเขาไม่เข้าร่วม พวกเขาจะต่อสู้ทันที ตระกูลโจวและซู ที่อาศัยอยู่ในเมือง จึงไม่มีทางไหนที่ตระกูลลั่วจะต่อต้านได้.

ถ้าเขาเข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขาทั้งสองตระกูลจะร่วมกันจัดการตระกูลลั่วอย่างแน่นอน พวกสาวกตระกูลลั่วที่ก้าวขึ้นเวทีจะต้องตายทีละคน เมื่อถึงเวลานั้นทั้งตระกูลลั่วจะจมอยู่กับความเสียใจและสุดท้ายพวกเขาจะต้องตายด้วยมือของพวกเขาเอง.

ด้วยดวงตาที่เหมือนกับแสงไฟ สาวกตระกูลลั่วก็รีบวิ่งขึ้นมาอยู่ด้านหลังลั่วเทียน.

ความโกรธของลั่วเทียนกระพือขึ้นขณะที่เขาปล่อยเจตนาฆ่าที่เหน็บหนาว ก่อนที่จะพูดว่า: “ดูเหมือนเราไม่มีทางเลือก?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด