พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง – บทที่ 27 ดีเยี่ยม
“นายหญิง ข้าจำที่ข้าต้องพูดได้แล้ว แต่หากพวกเขาตีข้าอีกล่ะ” ปั้นฉินถาม พร้อมกับคุกเข่าบนเสื่อที่นั่ง ไม่ยอมลุกขึ้น
เฉิงเจียวเหนียงกำลังมองตัวอักษรที่อยู่บนฉากบังลมอีกครั้ง และใช้มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะเตี้ย พร้อมกับเขียนตัวอักษรอย่างช้าๆ
“เจ้าไม่ใช่คนในครอบครัวของพวกเขาสักหน่อย” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
ปั้นฉินตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะตอบว่าอืมอย่างเข้าใจ
“จริงด้วย ข้าไม่ใช่สาวใช้ที่พวกเขาซื้อมา แต่ข้าเป็นสาวใช้ที่เหล่าฮูหยินโจวซื้อให้แก่นายหญิง” ปั้นฉินกล่าว พร้อมกับยิ้มหัวเราะให้กับเฉิงเจียงเหนียงอีกครั้ง “ข้าเป็นคนของนายหญิง!”
เมื่อเห็นว่าปั้นฉินเข้าใจแล้ว เฉิงเจียวเหนียงจึงไม่ได้พูดต่อ
“หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิง ครั้งนี้ก็ไม่พูดว่านายหญิงเป็นผู้รักษาทนชายสี่ให้หายดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาใช่หรือไม่” ปั้นฉินถามอีกครั้ง
เฉิงเจียวเหนียงหยุดเขียน พร้อมกับมองไปที่ปั้นฉิน และขยับริมฝีปาก
บางครั้งอยากพูดแต่พูดไม่ออก ลำบากใจจริงๆ
“ตอนนี้เราทำความดีเล็กๆ น้อยๆ กันดีกว่า” เฉิงเจียวเหนียงต้องใช้ความพยายามมากที่จะใช้คำที่ง่ายอธิบายความคิดของตนออกมา
ปั้นฉินมึนงงเล็กน้อย
“พวกเขาไม่เชื่อข้า” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว “เชื่อเจ้าง่ายกว่าเชื่อข้า ให้พวกเขาเชื่อเจ้าก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
ปั้นฉิน เจ้าอยากถามอะไรอีกหรือ สาวใช้ที่รออยู่นอกประตูเร่งด้วยความหงุดหงิด
“ไปเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากพูดแล้ว” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว ขณะที่พิงโต๊ะเตี้ยอยู่
ร่างกายของนายหญิงไม่ค่อยดีนัก พูดก็ไม่ค่อยชัด หากนายใหญ่กับฮูหยินมาถามจริงๆ ความลำบากใจของนายหญิง ก็คงพูดไม่เข้าใจ หากเป็นเช่นนั้น รอก่อนค่อยพูด รอให้สุขภาพของนายหญิงดีขึ้นก่อน ตอนนี้ทำความดีความชอบ ได้ความสะดวกบ้างก่อน เพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น
ปั้นฉินตะลึงอีกครั้ง ที่นายหญิงพูดว่าตอนนี้ทำความดีความชอบเล็กๆ น้อยๆ ก่อน คือความหมายเช่นนี้เอง!
อยู่กับนายหญิง ปั้นฉินนับวันยิ่งฉลาดขึ้น!
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว นายหญิง ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” ปั้นฉินโค้งคำนับและออกเดินทางอย่างมีความสุข
นายใหญ่เฉิงได้ฟังสิ่งที่ฮูหยินใหญ่เฉิงพูดแล้ว แต่นายใหญ่เฉิงไม่ค่อยสนใจกับความคิดเล็กคิดน้อยของบรรดาผู้หญิงในบ้านนัก
ในความคิดของนายใหญ่แล้ว ไม่ว่าสาวใช้จะคิดเองหรือมีใครบอกก็ตาม ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าวิธีของพ่อมดและเชลยสาวเท่านั้น
คิดว่าฮูหยินใหญ่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือไม่ก็ค่อนข้างคิดไปในทางที่ไม่ดี
เหตุใดถึงทั้งดุทั้งทำให้ตกใจกลัวเช่นนี้ ซึ่งควรได้รับรางวัลถึงจะถูก
“เรื่องเช่นนี้จะให้ตอบแทนได้อย่างไร และบอกได้อย่างไรว่าที่ทำไปเพื่อให้ท่านชายสี่หายดี ” ฮูยินใหญ่เฉิงกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ในเมื่อถูกล่อลวงให้กล้าทำเช่นนี้ ครั้งนี้ถือว่าโชคดีไป หากครั้งหน้าถูกหลอกให้ป้อนยาพิษล่ะ ก็จะเอายาพิษมาให้ท่านชายสี่กินหรือ!”
ชุนหลานตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องไห้ไป หมอบกราบไป
“ข้าน้อยไม่กล้า ข้าน้อยไม่กล้า” ชุนหลานกล่าวพร้อมกับร้องไห้
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นเหตุผลเช่นนั้น แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนไม่ถูกต้อง
นายใหญ่เฉิงและนายรองเฉิงขมวดคิ้ว
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลวิบัติของผู้หญิงก็เป็นได้
“หล่อนจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” นายใหญ่เฉิงกล่าว
ในเวลานี้ สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกบอกว่าปั้นฉินมาถึงแล้ว ขัดจังหวะการซักถามที่อยู่ด้านในบ้าน
“นี่เจ้าคือคนนั้น…” นายใหญ่เฉิงถาม นายใหญ่เฉิงนึกชื่อของคนโง่ผู้นั้นไม่ออก ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส ไม่ควรเรียกผู้หญิงผู้นั้นว่าคนบ้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก จึงเรียกอย่างรวมๆ ว่า “เป็นสาวใช้ของ ”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นสาวใช้ของนายหญิงเจียวเหนียงเจ้าค่ะนายท่าน ฮูหยิน” ปั้นฉินกล่าวพร้อมกับคารวะ
ปั้นฉินคารวะด้วยท่านั่งยอง ไม่ใช่ท่าคุกเข่า หลังจากเคารพเรียบร้อยแล้ว ปั้นฉินจึงคุกเข่าลง
“เจ้าช่างกล้า!” ฮูหยินใหญ่เฉิงขมวดคิ้วพร้อมกับตะโกน
แม้แต่ฮูหยินใหญ่เองก็ไม่รู้ว่าท่าทีหรือว่าสิ่งที่ทำลงไปของปั้นฉินนั้นที่กล้านัก
หลังจากพูดประโยคนี้จบ ฮูหยินใหญ่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
กล้าทำร้ายท่านชายสี่เลยหรือ ก็ไม่ใช่ แต่กลับช่วยชีวิต
เพียงแค่การช่วยชีวิตครั้งนี้พิศดารเกินไป ในฐานะนายหญิงของตระกูลเฉิง ฮูหยินใหญ่เฉิงรับไม่ได้จริงๆ
“ข้าน้อยไม่กล้า” ปั้นฉินกล่าว
มันแตกต่างจากครั้งที่แล้ว อาจเป็นเพราะว่าคำพูดที่เฉิงเจียวเหนียงเตือนไว้นั้น ปั้นฉินจำจนขึ้นใจ ปั้นฉินจึงเริ่มไม่รู้สึกกลัวนายท่านและฮูหยินของตระกูลเฉิง
“เจ้าบอกให้ชุนหลานหลอกให้ท่านชายสี่ตกใจกลัวหรือ ” นายใหญ่เฉิงถามต่อจากฮูหยินใหญ่เฉิง
“ใช่เจ้าค่ะ” ปั้นฉินตอบอย่างไม่ลังเล และมองไปที่ชุนหลาน ซึ่งกำลังร้องไห้อยู่บนพื้นและไม่อาจลุกขึ้นได้ “พวกท่านอย่าถือโทษโกรธนางเลย ข้าเป็นคนบอกให้นางทำทั้งหมด”
“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสอนเราว่าต้องทำอย่างไร!” ฮูหยินใหญ่เฉิงกล่าวอย่างเย็นชา “ใครให้เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ”
ปั้นฉินมองไปที่ฮูหยินใหญ่เฉิงด้วยความงวยงง
“ข้าไม่มีอะไร ข้าแค่ต้องการช่วยท่านชายสี่เท่านั้น” ปั้นฉินกล่าว
“เจ้า เจ้า เหตุใดไม่มาบอกข้าเอง” ฮูหยินใหญ่เฉิงถาม
“หากข้าพูด ฮูหยินจะเชื่อข้าหรือไม่” ปั้นฉินถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
ไม่เชื่อแน่นอน…
ฮูหยินใหญ่เฉิงพูดไม่ออก
“เจ้าเสี้ยมสอนชุนหลานเองหรือ เจ้าเห็นท่านชายสี่เป็นอะไร หากผิดพลาดขึ้นมา…” ฮูหยินใหญ่เฉิงกล่าวด้วยความโกรธ
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกฮูหยิน” ปั้นฉินยิ้มตอบพร้อมกับทำมือ “อาการแบบท่านชายสี่ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ก่อนหน้านี้ที่วัดลัทธิเต๋า เหล่าบรรดาอาหญิงนักบวชเต๋า ล้วนรักษาด้วยวิธีนี้กัน มันง่ายมากจริงๆ ”
ฮูหยินใหญ่เฉิงกัดฟัน ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“อันที่จริงข้าก็อยากจะบอกนายท่านกับฮูหยิน แต่ ที่ที่พวกท่านอยู่ไม่ใช่ปิ้งโจว ข้าพูดไปก็กลัวว่าพวกท่านจะไม่เชื่อ อาการป่วยของท่านชายสี่ไม่กล้ารอช้า หากอยู่ที่ปิ้งโจว แค่ข้าพูดว่าเป็นคนของชิงอวิ๋นกวน ทุกคนก็เชื่อแล้ว” ปั้นฉินกล่าว ดวงตาสุกสกาว ท่าทางร่าเริง มีชีวิตชีวา
เมื่อปั้นฉินพูดถึงตรงนี้ ก็มองไปที่นายรองเฉิง
“นายรอง ท่านต้องรู้แน่ๆ ชิงอวิ๋นกวนของพวกเราปิ้งโจว ไล่ผีและวิญญาณชั่วร้ายได้เก่งที่สุด” ปั้นฉินกล่าว
นายรองเฉิงถูกถามจนหน้าดำคร่ำเครียด
นายรองเฉิงอยากให้โลกนี้ไม่มีชิงอวิ๋นกวน จะให้มีความสนใจเป็นพิเศษกับชิงอวิ๋นกวนได้อย่างไรกัน
อีกทั้ง ไหว้เทพขอผีเหล่านี้ มีแต่ภรรยาในบ้านทำกัน ข้าที่เป็นพ่อบ้านจะเข้าใจได้อย่างไร
นายรองเฉิงเปล่งเสียงเฮ้อออกมา โดยไม่ได้พูด
ดูท่าทาง เสียงที่ไพเราะและชัดเจนของปั้นฉินแล้ว บรรยากาศภายในบ้านที่เคยหดหู่ กลับร่าเริงและมีชีวิตชีวา
แม้แต่นายใหญ่เฉิงก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“เจ้านี่จริงใจหรือกล้ามากกันแน่ เจ้าบอกพวกข้าดีๆ มีหรือที่พวกข้าจะไม่เชื่อ” นายใหญ่เฉิงกล่าวออกมา
“นายท่าน ฮูหยิน แม้พวกท่านจะเชื่อข้า แต่หากเทียบกับชุนหลานแล้ว พวกท่านคงเชื่อชุนหลานมากกว่า” ปั้นฉินกล่าว
ช่างเป็นสาวใช้งี่เง่าของคนบ้าจริงๆ คำพูดเช่นนี้ก็สามารถพูดออกมาได้
นายรองเฉิงและฮูหยินรองต่างมองไปที่ปั้นฉินด้วยสีหน้าแปลกๆ
ชุนหลานคุกเข่าอยู่บนพื้น อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
หากรู้ก่อนว่าสาวใช้ของคนโง่พึ่งไม่ได้! ปั้นฉินทำไมทำให้ลุ่มหลง!
“เจ้า … ” ฮูหยินใหญ่เฉิงกำลังเกิดโทสะ
นายใหญ่เฉิงแย่งพูดก่อน
“เหตุใดถึงพูดเช่นนี้” นายใหญ่เฉิงถาม
“เพราะพวกท่านเป็นนายใหญ่ของบ้าน จึงมีเรื่องให้กังวลใจมากมาย ชุนหลานไม่เหมือนพวกท่าน ในสายตาของชุนหลานมีท่านชายสี่เป็นนายผู้เดียว ขอเพียงแต่ช่วยท่านชายสี่ให้รอดได้ นับประสาอะไรกับการแค่หลอกให้ตกใจกลัว ข้าแค่ใช้หัวใจของชุนหลาน ซึ่งชุนหลานพร้อมที่จะควักหัวใจออกมาโดยไม่ลังเล” ปั้นฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นายหญิงเคยพูดว่า นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดถึงหลอกนายท่านกับฮูหยินไม่ง่ายเลย ในทางกลับกัน มีเพียงใจผูกพันของสาวใช้ชุนหลานเท่านั้นที่หลอกง่าย
ชุนหลานคิดไม่ถึงว่าปั้นฉินจะช่วยตนพูดเช่นนี้ ชุนหลานก้มหมอบอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องไห้เสียงดังด้วยความดีใจปนน้อยใจ
ฮูหยินใหญ่เฉิงขมวดคิ้ว นายใหญ่เฉิงกลับหัวเราะเสียงดัง
“คำพูดของผู้หญิง คำพูดของผู้หญิง” นายใหญ่เฉิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ สีหน้าไม่ได้ตำหนิ
“จริงเจ้าค่ะ นายท่าน ปั้นฉินไม่ได้พูดผิด ตอนอาศัยอยู่ที่วัดลัทธิเต๋า เหล่าอาหญิงนักบวชเต๋ารักษาผู้คน โดยไม่บอกครอบครัวผู้ป่วยล่วงหน้า ใช้ผักกุยช่ายที่บดไว้ อุดรูจมูกและปาก หากพูดเช่นนี้กับทางครอบครัวก่อน พวกเขาคงไม่เชื่อว่าการทำเช่นนี้สามารถช่วยคนให้รอดได้” ปั้นฉินกล่าว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของปั้นฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แน่นอนนี่ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าอาหญิงนักบวชเต๋าทำ เหล่านักบวชเต๋ารู้วิธีกินกุยช่าย แต่ไม่รู้ว่ากุยช่ายมีสรรพคุณที่รักษาโรคได้ ผู้ที่รู้ว่ากุยช่ายสามารถรักษาโรคได้ก็คือนายหญิงเฉิงเจียวเหนียง
หากครอบครัวนั้นรู้ว่า ตอนนั้นในห้องหลังฉากบังลม ท่านแม่ของพวกเขาถูกนายหญิงอุดปากและจมูกจนแทบจะหายใจไม่ออก พวกเขาคงสู้ไม่คิดชีวิตเป็นแน่
“เหล่านักบวชกล่าวไว้ว่า เรื่องบางเรื่องการกระทำสำคัญกว่าคำพูด” ปั้นฉินกล่าว
“พูดได้ดี พูดได้ดี”
มีคนที่อยู่ด้านนอกกล่าวยกย่องเสียงดัง
“ขอผล อย่าถามวิธี เป็นทางของหมอวิเศษโดยแท้!” หมอเหลียวกล่าวพร้อมกับปรบมือ “วิเศษมาก วิเศษมาก”
หมอเหลียวผู้นี้มาตั้งแต่เมื่อใดกัน นายใหญ่เฉิงกับนายรองเฉิงรีบลุกขึ้น เพิ่งลุกขึ้นยืนก็ตะลึงอีกครั้ง ห้องโถงนอกจากหมอเหลียวแล้ว ยังมีชายหนุ่มท่านหนึ่งยืนอยู่ด้วย
ชายหนุ่มผู้นี้อายุราวๆ สิบหก สิบเจ็ด สวมชุดคอกลมสีน้ำหมึก ผิวสีเข้มเล็กน้อย รูปร่างแข็งแรง ยืนอยู่ตรงนั่นด้วยท่าทางเงียบขรึม
อายุยังน้อย แต่กลับมีท่าทางน่าเกรงขาม โดยเอามือจับไว้ที่เอว ตั้งท่าถือมีดไว้ แม้ว่าจะไม่มีมีดพาดเอวจริงๆ ก็ตาม
ท่าทางนี้ดูเป็นธรรมชาติและสบายๆ จะเห็นได้ว่าเป็นปกติวิสัย
นี่คือ เป็นลูกศิษย์ของหมอเหลียว
ลูกศิษย์หมอไม่ควรมีลักษณะโหดเหี้ยม น่ากลัว
นั่นคือยามรักษาความปลอดภัย แต่ยามไม่น่ามีความเป็นผู้ดีเช่นนี้
นี่คือ…
“เจ้าคือสาวใช้ที่ท่านยายของข้ายกให้กับนายหญิงตะกูลเฉิงหรือ ” ชายหนุ่มเริ่มถาม
สายตาของชายหนุ่มนั้นไม่ได้มองไปที่สมาชิกของครอบครัวเฉิงที่อยู่ในบ้านด้วยเลย แต่กลับมองไปที่ปั้นฉิน ซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่
ปั้นฉินหันศีรษะ เพียงพริบตาเดียว ก็รู้สึกถึงแสงพราวเจิดจ้า อดไม่ได้ที่จะตะลึง แม้แต่คำพูดที่จะพูด ก็ลืมสนิท
ชายหนุ่มก็ไม่ได้ต้องการให้ปั้นฉินตอบ
“ไม่เลว เจ้าทำได้ดีมาก” ชายหนุ่มพยักหน้า กล่าวพร้อมกับมองปั้นฉินด้วยความหยิ่งผยองเล็กน้อย
………………………………………………………………
คอมเม้นต์