การตอบโต้ของผู้แข็งแกร่ง [Strongest Counterattack] – บทที่ 15 ซิงเฉิงทำไม่ได้
บทที่ 15 ซิงเฉิงทำไม่ได้
งานศพของหาน เกาผิงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่ แต่หานปิงกลับปฎิเสธไปอย่างเด็ดขาดจากการสนับสนุนของซิงเฉิงและเฉินเป๋ยหมิง
แต่ถึงกระนั้นข่าวของหาน เกาผิงที่ฆ่าตัวตายก็แพร่กระจายราวกับไฟลามทุ่ง มันทำให้ทุกคนที่ได้รับรู้ต่างก็ตกใจ หลังจากนั้นหาน เกาผิงก็ถูกยกให้เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในเซี่ยงไฮ้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้สถานการณ์ล่าสุดของหาน เกาผิง พวกเขากลับไม่ประหลาดใจเมื่อเห็นเขาเสียชีวิต นอกจากท่านวูที่สามผู้ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากสถานการณ์ของเขาแล้ว ผู้คนมากมายก็จะเสียผลประโยชน์ถ้าหากหาน เกาผิงยังไม่ตาย
การตายของเขาเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ในเช้าวันถัดมา ซิงเฉิงและเฉินเป๋ยหมิงวางแผนที่จะไปกับหานปิงเพื่อส่งอัฐิของหาน เกาผิงกลับไปยังเทียนฉุยเพื่อฝัง หานปิงไม่ได้เชิญใครให้ไปกับพวกเขา นอกจากทั้งสองคนนั้นแล้ว หญิงสาวก็ได้พาแค่ผู้เฒ่าวูผู้ติดตามหานเกาผิงมาหลายปีไปพร้อมกันกับเธอด้วย
ในคืนก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง ผู้ช่วยที่ไว้วางใจของหาน เกาผิงต่างก็มารวมกันที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่า แม้ว่าหาน เกาผิงจะตายไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องจัดการกับความยุ่งเหยิงที่เหลืออยู่นี่
“หานปิง ฉันไม่คิดว่าเธอควรรีบไปที่เทียนฉุย เธอเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ตอนนี้นายท่านจากไปแล้ว ยังไงก็ต้องมีคนรับหน้าที่ในการดูแลปัญหาที่เหลืออยู่ของบริษัท ธนาคารได้เริ่มเก็บเงินกู้แล้วด้วย หนี้ของเราตอนเยอะพอควร หากเราไม่สามารถจัดการได้ เราคงล้มละลายแน่” ชายวัยกลางคนสวมชุดสูทกล่าวในขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้ากัน ชื่อของชายผู้นี้คือ หลิวเหอจุน เขาเป็นผู้อาวุโสที่อยู่มากับหานเกาผิงมานาน
“พี่หลิวพูดถูก ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในบริษัท แต่โดยทั่วไปแล้วท่านหานได้ปล่อยปละละกับพันธมิตรรายอื่น ๆ ตอนนี้ทางธนาคารต่างก็กำลังกดดันเรา เงินทุนหมุนเวียนของเรากำลังจะพังในไม่ช้า หากพวกเราไม่มีวิธีแก้ไขปัญหา มีหวังพวกเราได้จบจริง ๆ แน่” เจิ้งปิงกล่าวออกมา เขาอยู่ในวัยสามสิบและเป็นอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ชายผู้นี้คอยจัดการกับประเด็นสำคัญ และเคลียร์ปัญหายิบย่อยทั้งหมดของบริษัท หาน เกาผิงให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างยิ่ง
ชายที่นั่งข้างหานปิงดื่มน้ำชาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจน “ฉันคิดว่าทุกอย่างสามารถยื้ออกไปก่อนได้ เราควรฟังหานปิง งานศพเองก็มีความสำคัญเหมือนกับ ท่านหานเองก็ทำงานหนักมาตลอดชีวิต ตอนนี้ได้เวลาให้ท่านพักผ่อนแล้ว”
ในห้องนั่งเล่น หานปิงนั่งบนโซฟาพร้อมกับใบหน้าที่ดูซีดเซียว หญิงสาวได้แต่นั่งฟังการถกเถียงอย่างเฉยเมย เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป
ซิงเฉิงและเฉิงเป๋ยหมิงยืนอยู่ข้างหลังเธอ เฉินเป๋ยหมิงได้บอกเขาเกี่ยวกับคนเหล่านี้ไว้แล้ว คนที่พูดคือจ้าวตงเฉิน เขาเป็นที่มีอำนาจเป็นอันดับสองในบริษัทรองแค่ประธานหานเท่านั้น ชายผู้นี้เป็นรองประธานและรับผิดชอบงานเบื้องหลังเหล่านั้น คนสามคนนี้เป็นตัวแทนของงานที่แตกต่างกันสามแบบ
หลิวเหอจุนเป็นตัวแทนพลังของผู้อาวุโส ส่วนจ้าวตงเฉินยืนหยัดอยู่กับฝ่ายพนักงานใหม่ ทั้งสองเป็นศัตรูกันเสมอ ท้ายที่สุดอำนาจที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มจ้าวตงเฉินก็ส่งผลโดยตรงต่อผลประโยชน์ของกลุ่มหลิวเหอจุน
สำหรับเจิ้งปิง ตามปกติแล้วเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย ชายผู้นี้เป็นคนกลาง อย่างไรก็ตามเจิ้งปิงก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางบริษัท
“พวกเราตัดสินเองไม่ได้ หานปิงเท่านั้นที่บอกเราได้” หลิวเหอจุนพูดเมื่อเขามองหานปิง
หานปิงพดอย่างไร้อารมณ์“ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปเทียนฉุย รอฉันกลับมาแล้ว ตอนนั้นเอาไว้เรามาพูดคุยปัญหาอื่น ๆ กัน ในช่วงเวลานี้ฉันจะต้องพึ่งพาท่านลุงทั้งสามคนไปก่อน”
“ผมเกรงว่าเราจะไม่สามารถที่จะยื้อไว้ได้นานขนาดนั้น” เจิ้งปิงพูดอย่างกังวลใจ ไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าจะต้องงก หากแต่เขาไม่ต้องการเห็นการล่มสลายขององค์กรที่ประธานหานจัดตั้งขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก
ตามความจริงแล้วหานปิงไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจของหาน เกาผิงเลย หญิงสาวเพียงแค่ต้องการส่งอัฐิพ่อแม่ของเธอกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อฝังศพเท่านั้น เกี่ยวกับปัญหาอื่น ๆ เธอจะจัดการกับพวกเขาในภายหลัง
หานปิงตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปกานซูก่อน คงจะใช้เวลาสักสองวัน เมื่อได้ยินคำยืนยันแบบนั้น คนอื่นก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเคารพการตัดสินใจของหานปิง
หลังทั้งสามจากไป ทั้งห้องก็เหลือเพียงหานปิง ซิงเฉิงและเฉิงเป๋ยหมิงอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเป็นแบบนั้น เฉิงเป๋ยหมิงจึงพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “คุณหนูครับ ไม่ว่าหลิวเหอจุนหรือจ้าวตงเฉินก็ไม่สามารถไว้ใจได้ทั้งนั้น แม้แต่ในตอนที่ประธานหานยังมีชีวิตอยู่ นายท่านเองก็ยังสงสัยว่าทั้งสองเล่นไม่ซื่อ”
“แล้วเจิ้งปิงล่ะ?” ซิงเฉิงถามตรง ๆ
เฉินเป่ยหมิงหัวเราะเยาะ “เขาไม่มีอำนาจ ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของชายคนนี้คือการที่เขารู้ว่าเขาควรหยุดเมื่อใด ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ประธานหานวางเขาในตำแหน่งนั้น ประธานหานควบคุมปัญหาใหญ่และอนุญาตให้เขาจัดการกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความประสงค์ของเขา”
ซิงเฉิงฟังเงียบ ๆ และหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ลังเล “ผมอยากรู้ว่าถ้าหานปิงไปที่เทียนฉุยจะมีอันตรายไหมครับ?”
“ถ้าไม่ ผู้อาวุโสหวูกับฉันก็คงไม่ต้องไปกับเธอแล้ว อย่างน้อยถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนู หลิวเหอจุนและ จ้าวตงเฉินจะได้ประโยชน์มากที่สุดไม่ต้องพูดถึงศัตรูของท่านประธานหานเลย คนพวกนั้นบางคนถึงกับต้องการจะฆ่านายท่าน ด้วยการใช้ชีวิตของคุณหนูเป็นการข่มขู่ ตอนนี้ประธานหานได้จากไปแล้ว คุณหนูจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน” เฉินเป่ยหมิงพูดตามความจริง เขาติดตามประธารหานมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงรู้ปัญหามากมายพวกนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ภักดีกับท่านประธานที่สุด ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะทุกสิ่งที่เขามีในวันนี้มาจากท่านประธานทั้งสิ้น หากปราศจากประธาน บางทีชีวิตของชายคนนี้อาจจะยังคงกระเสีอกกระสนอยู่ข้างถนนก็เป็นได้
การแสดงออกของซิงเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องพร้อมเสมอเพื่อรับมือกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วมองดูด้วยความสงสัย ตอนแรกซิงเฉิงกะว่าจะไม่ตอบรับ แต่เมื่อคนอื่น ๆ มองที่ชายหนุ่ม นั่นก็ทำให้เขาจำใจต้องรับ “มีอะไร จิ้งจอกเฒ่า?”
“ซิงเฉิงมาเจอฉันหน่อย” เจียเซียนเป่าที่เพิ่งประชุมกับเพื่อนของเขาที่โรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรียพูดเบา ๆ
ซิงเฉิงถามอย่างใจเย็น “ที่ไหน?”
“ห้องโถงของโรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรีย”
หลังจากวางสาย ซิงเฉิงก็หันมองหาหานปิงแล้วพูดว่า “ผมต้องไปเจอเพื่อนเก่าหน่อย”
“ไปเถอะ” หานปิงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็ถามว่า “คืนนี้จะกลับมาไหม?”
ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ เธอรู้สึกว่าคำพูดของเธอออกจะแปลกจนเกินไป ดังนั้นหานปิงจึงก้มหน้าด้วยความอาย
“แน่นอนครับ!” ซิงเฉิงพยักหน้ายืนยัน
แค่คำสั้น ๆ แต่มันก็ทำให้หานปิงรู้สึกสบายใจมากขึ้น …
ซิงเฉิงขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์จากตระกูลหานตรงไปยังวอลดอร์ฟแอสโตเรียบนถนนบัลด์
หลังจากซิงเฉิงจากไป เฉินเป่ยหมิงก็หันมาถามคุณหนูของเขาด้วยท่าทางที่ไม่ปกติ “คุณหนูรู้จักชายคนนี้มากน้อยแค่ไหนครับ?”
ในเวลานี้นอกจากผู้อาวุโสหวู เฉินเป่ยหมิงไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น หากไม่มีการยืนยันของหานปิง เขาเองก็ไม่กล้าวางใจ
“ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าพ่อของฉันให้เขามาคุ้มครองฉัน” หานปิงส่ายหัวของเธอ หญิงสาวไม่เคยสงสัยซิงเฉิงเลย กลับกันเธอกับเชื่อมั่นในซิงเฉิงมาก แม้ว่าเธอจะรู้จักผู้ชายคนนี้เพียงไม่กี่วันก็ตาม
ก่อนที่ท่านประะธานหานจะตาย เฉินเป่ยหมิงเคยเห็นซิงเฉิงเพียงครั้งเดียว แต่เขาเคยได้ยินประธานหานพูดถึงผู้ชายคนนี้สองครั้ง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังกลัวเรื่องที่ไม่คาดฝัน ดังนั้นจึงพูดไปว่า “ผมเกรงว่าเขาอาจจะเป็นหนอนบ่อนไส้น่ะครับ.”
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อคืนวานเขาบาดเจ็บขณะพยายามปกป้องฉัน คนที่พยายามจะฆ่าฉันมีฝีมือมาก เขาดูเหมือนจะถูกเรียกว่าหยางเติงหรืออะไรเนี่ยแหละ” หานปิงออกตัวปกป้องซิงเฉิงในทันที
เมื่อได้ยินชื่อหยางเติง การแสดงออกของเฉินเป๋ยหมิงก็เปลี่ยนไปทันที “เขาชื่อว่าอะไรนะครับ?”
“หยางเติง” หานปิงย้ำอีกครั้ง
เฉินเป่ยหมิงใช้ความคิด เขาประหลาดใจที่แม้แต่หยางเติงก็ยังเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าท่านหวูที่สามดูมุ่งมั่นที่จะกำจัดทุกคนในตระกูลหาน อย่างไรก็ตามซิงเฉิงนั้นกลับสามารถเอาชนะหยางเติงได้ ดังนั้นทักษะของชายคนนี้เองก็อาจจะไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
“เขาบริสุทธิ์” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหวูมาอยู่ตรงนี้ตอนไหน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดา ๆ อย่างไรก็ตามคำเหล่านี้เหมือนเข็มอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถตรึงทะเล และทำให้เฉิงเป๋ยหมิงผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์
เมื่อพูดถึงการตัดสิน เฉิงเป๋ยหมิงจะไม่สงสัยเลยอย่างแน่นอนถึงการตัดสินของผู้อาวุโสวูที่เคยเห็นผู้คนนับไม่ถ้วน
“อย่างนั้นก็ดี ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้”
ในห้องโถงหลักของโรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรีย เจียเซียนเป่านั่งอยู่คนเดียวในมุมห้อง และกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ชายร่างอ้วนไม่เคยคิดว่าจริง ๆ แล้วเขาจะต้องมาเคลียร์สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงสำหรับเด็กคนนี้ใครจะไปรู้ว่ากันว่าซิงเฉิงจะสามารถจัดการกับลูกน้องของท่านหวูที่สามได้
อย่างน้อยหาน เกาผิงก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว
ตอนนี้หลายคนกำลังจับตามองธุรกิจของหาน เกาผิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้เด็กเหลือขอเข้าร่วมได้
“แล้วทำไมถึงมีเวลามาเจอกันได้แบบนี้เนี่ย?” หลังจากที่ซิงเฉิงมาถึงโรงแรมวอลดอร์ฟแอสโทเรีย เขาก็พบกับเจียเซียนเป่าได้ง่ายเนื่องจากร่างที่ชวนสะดุดตาของชายผู้นี้
เมื่อมองไปที่ฉินเฉิงซึ่งนั่งตรงข้ามกับเขา เจียเซียนเป่าก็พูดออกมาด้วยท่าทางตึงเครียด “นายอยู่ในหายนะที่ยิ่งใหญ่เลยนะในตอนนี้ ทำไมนายยังมีอารมณ์ที่จะทะเลาะกับฉันอีก เด็กอย่างนายจะแก้ปัญหาอะไรได้หรือไง”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าหายนะ?” ซิงเฉิงรู้ว่า เจียเซียนเป่าจะพูดอะไรและหัวเราะอย่างจงใจ
“รีบทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลหานได้แล้ว นี่คือเซี่ยงไฮ้นะไม่ใช่ภูเขาซงนาน นายอาจจะมีทักษะ แต่นายก็อาจจะโดนเล่นงานจากลูกน้องของหวูที่สามก็ได้ หากไม่ใช่ฉันที่ออกมาเพื่อปกป้องนาย นายอาจถูกฆ่าและโยนลงไปในแม่น้ำหัวผูเป็นอาหารปลาก็ได้ “เจียเซียนเป่ารู้สึกโกรธเล็กน้อยตอนที่เขาดุเสียงดัง
เขามักที่จะยิ้มอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องยากสำหรับชายร่างอ้วนที่จะโกรธ แต่คราวนี้เขาโกรธอย่างมาก
เมื่อซิงเฉิงได้ยินสิ่งนี้เขาก็ยิ้มแห้ง ๆ
“ลุงเจีย หาน เกาผิงก็ตายไปแล้ว พวกมันไม่น่าที่จะทำอะไรต่อแล้วนี่?” ซิงเฉิงไม่เรียกเขาว่าจิ้งจอกเฒ่าอีกต่อไป แต่เขาเรียกเขาด้วยความเคารพว่าลุงเจีย
เจียเซียนเป่าถอนหายใจ “ซิงเฉิง มีแผนการใดบ้างที่ไม่ต้องการผลประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยงไฮ้สถานที่ที่เฟื่องฟูที่สุดในประเทศนี้เลย คนยิ่งใหญ่ในแถบนี้มีกองกำลังซุกซ่อนอยู่ในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี พวกเขาทุกคนอาจมีพลังที่ซับซ้อนเบื้องหลัง หาน เกาผิงเป็นชายที่มีอำนาจในเซี่ยงไฮ้ก็จริง แต่คิดบ้างไหมว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ? หวูที่สามไม่มีพลังมากพอที่จะบังคับให้เขาทำแบบนั้นได้หรอก เขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพราะเขามีส่วนร่วมในเรื่องที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก และพอหาน เกาผิงตายแล้ว นั่นก็เป็นโอกาสที่คนอื่นคิดจะหยิบฉวย”
“แต่ลูกสาวของหาน เกาผิง เธอเองก็ไม่ได้รับรู้อะไรพวกนี้” ซิงเฉิงพูดในขณะที่กัดฟันเอาไว้แน่น หานปิงไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องของหาน เกาผิง ทำไมเธอถึงต้องถูกกำจัดด้วย หรือเพราะเธอเป็นลูกสาวของหาน เกาผิงแค่นั้นเหรอ?
เจียเซียนเป่าไม่รู้ความสัมพันธ์ว่าของซิงเฉิงกับหาน เกาผิงหรือความแน่วแน่ของชายหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงตะคอกออกมาอย่างเย็นชา “นายมันยังไร้เดียงสาเกินไป!! เมื่อต้นไม้ล้มลง ลิงบนต้นไม้จะพากันกระจัดกระจายออกไป เมื่อกำแพงพัง มันจะต้องมีผู้คนจำนวนมากทะลักออกมาจากกำแพง”
“หลังจากที่หาน เกาผิงเสียชีวิต ตอนจากนี้ก็จะไม่มีใครดูแลลูกสาวของเขาอีกต่อไป ลูกน้องของเขาก็คงคิดแค่จะปกป้องชีวิตตัวเองหรือไม่ก็หาเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มเท่านั้น สำหรับคนนอก พวกเขาต่างก็จ้องมองมรดกอันยิ่งใหญ่ของเขากันทั้งนั้น!!”
ซิงเฉิงเหล่ตาของเขา สิ่งที่เจียเซียนเป่าพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง
“รู้ไหมว่าผลลัพธ์ที่ทุกคนปรารถนามากที่สุดคืออะไร?” เจียเซียนเป่าพูดอย่างคาดคั้น
หลังจากซิงเฉิงไตร่ตรองสักครู่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปทันที “ความตายของหานปิง”
“เข้าใจก็ดีแล้ว ทีนี้รู้รึยังว่าฉันเรียกนายมาทำไม?” เจียเซียนเป่าพยักหน้า เขาไม่สามารถปล่อยให้ซิงเฉิงไปหาที่ตายได้
ในที่สุดซิงเฉิงก็เข้าใจสถานการณ์ นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้ว่าการเดินทางของหานปิงไปยังเทียนฉุ่ยเต็มไปด้วยอันตรายขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทิ้งหานปิงและห่วงตัวเองได้
ใช่ เขาทำไม่ได้ …
คอมเม้นต์