การตอบโต้ของผู้แข็งแกร่ง [Strongest Counterattack] – บทที่ 20 ถ้ายังไม่ตายก็อย่ายอมแพ้
[SC] บทที่ 20 ถ้ายังไม่ตายก็อย่ายอมแพ้
ผู้เฒ่าหวู่และเฉินเป๋ยหมิงเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเพื่อซื้อเวลาอันมีค่าให้กับซิงเฉิงและหานปิง ชายหนุ่มพยายามพาหานปิงออกไปให้ไกลที่สุด เขาเติบโตขึ้นมาบนเนินเขาและนี่เป็นข้อได้เปรียบที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งสองคน ทางด้านหานปิง หญิงสาวก็ออกจากหมู่บ้านหานไปเซี่ยงไฮ้เมื่อเธออายุสิบหกเท่านั้น หมู่บ้านหานไม่เพียงแต่เป็นบ้านเกิดของพ่อแม่เท่านั้น แต่มันยังเป็นบ้านเกิดของเธอด้วย หญิงสาวเคยเล่นรอบภูเขาดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับพื้นที่โดยรอบมาก
ในตอนแรกซิงเฉิงเป็นห่วงว่าหานปิงจะไม่หนี แต่นี่เป็นเรื่องของชีวิตและความตาย เขาจะไม่ปล่อยให้หานปิงทำเรื่องวุ่นวายซึ่งเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมตอนนี้ชายหนุ่มถึงต้องอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่ง
โชคดีที่หานปิงน้ำหนักเพียง 100 ปอนด์ ถือได้ว่าไม่หนักเกินไปเพราะเธอเองก็มีรูปร่างที่ผอม ซิงเฉิงถือเสียว่าการหลบหนีเป็นการออกกำลังกาย ชายหนุ่มพยายามออกแรงฝืน แต่ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหานปิงเอง หญิงสาวก็เอาแต่ดิ้นไม่หยุด ดังนั้นซิงเฉิงจึงต้องจับสะโพกของเธอ นี่ทำให้หานปิงอายอย่างมาก
ซิงเฉิงหอบอย่างหนักเมื่อเขาวางหานปิงลง ชายหนุ่มมาถึงขีดจำกัดแล้วจริง ๆ นี่ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของเขา คนธรรมดาคงจะไม่วิ่งมาได้ไกลขนาดนี้หรอก
อย่างไรก็ตามซิงเฉิงไม่กล้าหยุดพัก เพราะเขากลัวว่าศัตรูอาจตามพวกเขามาอยู่ไม่ไกลแล้วก็เป็นได้ หลังจากพักฟื้นพลัง ชายหนุ่มก็จับมือหานปิงและวิ่งต่อไป คราวนี้หานปิงเกือบจะทันกับจังหวะของซิงเฉิงแล้ว
“มีมอเตอร์เวย์หลายสายในพื้นที่ที่เป็นภูเขานี้ คุณรู้ไหมว่าสายไหนที่ใกล้ที่สุด และสายไหนไกลที่สุด?” ซิงเฉิงถามเบา ๆ หลังจากพวกเขาวิ่งต่อไปอีก 10 นาที พวกเขาไม่ต้องการที่จะถูกจับได้อย่างสุ่ม ๆ เพราะเมืองนี้จะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ชายหนุ่มเองต้องการที่จะติดต่อกับเพื่อนคนนั้นของเจียเซียนเป่าด้วย
หานปิงเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะพบว่าโชคดีที่ยังมีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ เมื่อค้นหาด้วยจีพีเอสอยู่สักพัก หญิงสาวก็พูดขึ้นมาว่า “มีมอเตอร์เวย์อยู่ทางเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก มีทางด่วนเหลาฮู๋ไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ในขณะที่ทางด่วนที่ไปทางทิศตะวันตกและทิศใต้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงถ้ำหม่ายจีและวัดจิงถู๋”
“ทางไหนใกล้ที่สุด?” ซิงเฉิงถาม
“ทางด่วนทิศตะวันออก” หานปิงตอบกลับขณะที่เธอส่งโทรศัพท์มือถือของเธอให้ซิงเฉิง
หลังจากการพิจารณาอย่างจริงจังซิงเฉิงก็พูดออกมา “ลองลงทางด่วนหลานฮู๋กันก่อน หวังว่าเราจะสามารถขโมยรถบางคันมาได้ ถ้าไม่เราคงต้องคิดหาวิธีอื่น มันจะเป็นการดีที่จะไม่ไว้วางใจคนแปลกหน้า”
หานปิงยินดีที่จะทำตามการตัดสินใจของซิงเฉิง หญิงสาวยินดีที่จะเชื่อทุกอย่างที่ซิงเฉินพูดเพราะนี่คือเครื่องรางสุดท้ายของเธอ…
ณ จุดที่เฉินเป่ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่เกิดเรื่อง คนแปลกหน้าพวกนั้นกำลังรวมตัวกันไล่หาทุก ๆ นิ้วของพื้นที่โดยรอบ หากแต่มันก็ไม่มีร่องรอยของหานปิงเลยแม้แต่น้อย หัวหน้าของคนพวกนั้นเริ่มที่จะด่าเสียงดังแล้ว “พวกแกมัวแต่ทำอะไรอยู่? พวกแกยอมปล่อยให้พวกมันหนีไปได้อย่างนั้นเหรอ?”
“หัวหน้าพวกเราโดนหลอกแล้วล่ะ พวกมันทำให้เราคิดว่าพวกมันอยู่ที่นี่” ชายคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ
หัวหน้าด่าออกมาอีกครั้งหนึ่ง “พวกแกหาให้หมดทั้งภูเขา ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ได้เงิน!”
“หัวหน้าผมมีแผนแล้ว!” ชายคนหนึ่งเสนออกมา
ชายอีกคนก็วิ่งเข้ามาพอดี “หัวหน้าพวกตำรวจกำลังมา มีคนแจ้งตำรวจครับ”
“เวรแล้ว! รีบทำลายหลักฐานซะ พวกเราถอยกันก่อน” ชายคนนั้นยังคงสบถออกมาในตอนที่สั่งให้ลูกน้องของเขาทำลายหลักฐาน
ไม่รู้ว่าพวกเขาวิ่งมานานเท่าไหร่ ทั้งซิงเฉิงและหานปิงหมดแรงในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นทางด่วนเหลียนฮู๋ ที่นี่มีรถมากมายขับสวนกันไปมา แต่ก็ไม่มีใครหยุดจอดให้ทั้งคู่ขึ้นเลยแม้แต่คัดเดียว
ในที่สุดความอดทนของพวกเขาก็หมดลงและไม่สนใจอันตรายอีกต่อไป ทั้งคู่พากันเดินมาที่กลางถนนและเปิดไฟฉายบนโทรศัพท์มือถือเพื่อพยายามเรียกรถ
ในที่สุดโตโยต้าแคมรี่คันหนึ่งก็หยุดข้าง ๆ พวกเขา ตอนแรกซิงเฉิงไม่กล้าเปิดประตูรถเพราะเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าเป็นโจร ชายหนุ่มยกให้หานปิงที่ใช้ความงามของเธอเป็นข้อได้เปรียบ
หานปิงแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเพื่อนที่หลงทางบนเนินเขา ก่อนจะพบเข้ากับทางด่วนเพื่อออกจากเขา ชายสองคนในรถถูกหลอกล่ออย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดพวกเขาก็เดินทางไปยังใจกลางเมืองเทียนฉุย
เมื่อรถขับออกไป หานปิงก็สามารถผ่อนคลายได้ในที่สุด ทันใดนั้นหญิงสาวก็กอดซิงเฉิงและเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ในอีกด้านหนึ่งหานปิงคิดว่าเธอจะตายไปแล้ว และในทางกลับกันพวกเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าเฉินเป๋ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่ยังมีชีวิตอยู่หรือตายกันแน่
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” ซิงเฉิงพยายามปลอบใจหานปิง ชายหนุ่มกังวลว่าชายสองคนในรถจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ลักพาตัวหรือลักลอบค้ามนุษย์
หลังจากนั้นไม่นานหานปิงก็หมดแรงจากการร้องไห้และหลับไปด้วยการพิงเข้ากับไหล่ซิงเฉิง ผู้หญิงคนนี้จะต้องปรับตัวอย่างไรเมื่อสิ่งที่เธอประสบในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นแตกต่างอย่างมากกับชีวิตก่อนหน้านี้ของเธออย่างสิ้นเชิง?
หลังจากที่หานปิงหลับไปครู่เดียวเท่านั้น ซิงเฉิงก็ดึงโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาเพื่อโทรไปยังหมายเลขนั้น หลังจากเสียงรอสายดังขึ้นไม่นานในที่สุดก็มีคนรับสาย เห็นได้ชัดว่าเจียเซียนเป่าได้บอกกับปลายสายเรื่องซิงเฉิงไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะเมื่อเขารับสายสิ่งแรกที่ปลายสายพูดก็คือ “ซิงเฉิงรึเปล่า?”
“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ คุณฉวน” ซิงเฉิงพูดอย่างสุภาพ
ชายคนนี้ชื่อจ้าวฉวน ในตอนแรกเขาเริ่มต้นทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากที่เขาเลิกทำ เขาก็กลายเป็นคนที่มีอำนาจมากในกานซู
จ้าวฉวนอธิบายต่อ “ตาแก่เจียกับฉันเป็นเพื่อนกันหลายปี ในเมื่อเธอเป็นลูกชายของเจียเซียนเป่า ถ้างั้นเธอเองก็ถือได้ว่าเป็นลูกชายของฉันด้วย ไม่จำเป็นต้องให้ต้องมากพิธีกันหรอก เรียกฉันว่าลุงก็ได้”
ลูกชายของเจียเซียนเป่า?
แม้ว่าซิงเฉิงจะไม่พอใจกับวิธีที่เจียเซียนเป่าใช้ประโยชน์จากเขา แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจจุดประสงค์ของเจียเซียนเป่า จ้าวฉวนผู้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้คงไม่ยอมยินดีช่วยแน่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“มีใครซักคนในเทียนฉุยที่พอจะไว้ใจได้ไหม?” แตกต่างจากวิธีที่เขาโต้ตอบกับเจียเซียนเป่า ซิงเฉินเลือกที่จะไม่พูดอย่างเป็นทางการกับจ้าวฉวน ท้ายที่สุดเขาก็รู้วิธีที่จะเจรจาต่อรองและมีไหวพริบในการกำหนดสถานะระหว่างพวกเขาสองคน
“ตอนนี้ลุงอยู่ในเทียนฉุย” จ้าวฉวนบอก ในความเป็นจริงเขามีการพบปะทางสังคมกับผู้นำของเมืองเทียนฉุยที่โรงแรมยี่หยวนบนถนนยี่ฮั๋ว “ตาแก่เจียบอกลุงว่าเธอได้พบกับอันตรายในการเดินทางครั้งนี้ที่เทียนฉุย เนื่องจากลุงมีเรื่องที่ต้องจัดการในเทียนฉุย ดังนั้นลุงเลยมาถึงที่นี่สองวันก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ลุงจะส่งคนไปรับเธอเอง”
“ผมได้พบกับปัญหาบางอย่าง ตอนนี้ผมกำลังเดินทางบนทางด่วนเหลียนฮู๋ อาจต้องใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงใจกลางเมืองเทียนฉุย” ซิงเฉิงกล่าวตามความจริง
จ้าวฉวนหยุดพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เอาหละมาที่โรงแรมยี่หยวน อย่าตกใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าลุงจะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยในกานซูได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแตะเธอที่เทียนฉุยแน่นอน”
แม้ว่าซิงเฉิงจะไม่แน่ใจว่าจ้าวฉวนพูดเกินจริงหรือเปล่า แต่คำพูดของชายคนนี้นั้นช่างทรงพลังจริง ๆ คำพูดของจ้าวฉวนทำให้ชายหนุ่มสบายใจ เขาแค่กังวลว่าศัตรูจะมีอำนาจมากเกินไปสำหรับพวกเขา
หลังจากวางสาย ซิงเฉิงได้ร้องขอชายสองคนในรถทันทีเพื่อให้พวกเขาไปส่งไปที่โรงแรมยี่หยวนและสัญญาว่าจะจ่ายเงิน 500 ดอลลาร์เพื่อเป็นการตอบแทน
แม้ว่าเงิน 500 ดอลลาร์จะไม่ใช่เงินจำนวนมากที่สามารถทำให้ใครรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ชายสองคนซึ่งตอนแรกค่อนข้างลังเลรู้สึกสบายใจ
ผู้ว่าเทียนฉุยกำลังเพลิดเพลินกับอาหารที่โต๊ะ จ้าวฉวนโทรไปที่เจียเซียนเป่าอย่างรวดเร็วและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น
ขณะนั้นเจียเซียนเป่ากำลังมีนัดกับเหล่าผู้อาวุโสในเมืองฉีเฉิน แต่เมื่อได้ทราบข่าว เขาก็พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ต้องรบกวนนายแล้วล่ะ เพื่อนฉวน รอบนี้ฉันขอติดหนี้นายไว้ก่อนแล้วกัน”
“อย่าไปใส่ใจ ถ้าเจ้าเด็กนั่นเป็นอะไรไปฉันก็คงไม่สามารถสู้หน้านายได้เหมือนกัน” จ้าวฉวนพูดพร้อมกลั้วหัวเราะ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงนึง ในที่สุดซิงเฉิงและหานปิงก็มาถึงโรงแรมยี่หยาน ตอนนั้นจ้าวฉวนยังอยู่ระหว่างจัดการธุรกิจของเขา ดังนั้นเขาจึงให้ทั้งสองคนไปพักผ่อนก่อนที่จะมาเจอกับเขา
ขณะที่ทางหมู่บ้านหาน ตอนนี้พวกตำรวจได้มาถึงแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาค้นพบคือรถยนต์สองคันที่ถูกทิ้งไว้และไม่มีอะไรอื่นเลย แม้แต่ร่างของเฉินเป่ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่ คนชั่วเหล่านี้เก่งในสิ่งที่พวกเขาทำจริง ๆ
ตำรวจพยายามรวบรวมหลักฐาน พวกเขาขอความช่วยเหลือจากสาธารณะ ในที่สุดพวกเขาสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถสองคันและใช้เวลาสักครู่ในการติดต่อกับครอบครัวหาน พวกผู้ใหญ่ของตระกูลหานต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินข่าวและพวกเขาเรียกญาติตระกูลหานและหานปิงทันที
ในขณะที่โทรศัพท์ของหานปิงยังคงดังอยู่ ซิงเฉิงก็ได้บอกหญิงสาวว่าอย่าตื่นตระหนก พวกเราต้องรอคุยกับจ้าวฉวนก่อนว่าจะต้องทำอะไรต่อไป
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อจ้าวฉวนจัดการธุระเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นก็เข้ามาหาพวกเขาและชวนดื่มเหล้า ไม่เพียงแต่ชายคนนี้จะเป็นนักดื่มคอแข็งเท่านั้น เขายังมีลูกน้องที่สามารถดื่มได้เยอะพอ ๆ กันอีกด้วย
“ลุงฉวน” ซิงเฉิงกล่าวทัก
หลังจากที่สำรวจซิงเฉิงอีกนิดหน่อย จ้าวฉวนก็พูดต่อ “นั่งก่อนสิซิงเฉิง บอกมาหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ก่อนที่ซิงเฉิงจะอ้าปากพูด จ้าวฉวนก็เห็นหานปิงผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างซิงเฉิง “ลูกสาวของหาน เกาผิงสินะ?”
หานปิงตื่นตระหนกในทันทีเพราะเธอไม่ได้คาดคิดว่าชายคนนี้จะจำเธอได้ หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เธอได้แต่จับที่แขนของซิงเฉิงเอาไว้แน่น
“ถูกแล้วครับ นี่หานปิง ลูกสาวของหาน เกาผิง” ซิงเฉิงอธิบายอย่างใจเย็น
จ้าวฉวนยิ้มให้แล้วอธิบายคลายความกังวล “ไม่ต้องกังวล พ่อเธอกับฉันเราเป็นเพื่อนกัน เขาดูแลฉันทุกครั้งที่ฉันไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ แล้วทำไมพวกเธอสองคนถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ซิงเฉิงถอนหายใจแล้วพูดต่อ “ลุงฉวนอาจไม่ทราบว่าลุงหานล่วงลับไปแล้ว เรากลับไปที่เทียนฉุยเพื่อพาลุงหานกลับบ้าน”
นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจต่อจ้าวฉวนมาก หลังจากนิ่งไปเป็นเวลานานเขาก็พูดว่า “เกาผิงตายแล้วเหรอ?”
“เรื่องมันยาวผมจะบอกรายละเอียดในภายหลัง ตอนนี้ผมต้องการความช่วยเหลือจากลุงจ้าว เรามีเพื่อนที่เราไม่แน่ใจว่าตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว” ซิงเฉิงเปล่งคำขอของเขาออกมา
“บอกรายละเอียดมาได้เลย…” จ้าวฉวนทำท่าให้ซิงเฉิงเล่าต่อไป
ซิงเฉิงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ขณะที่จ้าวฉวนฟังอย่างตั้งใจ การแสดงออกของเขาเริ่มบูดบึ้งมากขึ้นเมื่อเขาฟังไปเรื่อย ๆ ตอนนี้จ้าวฉวนรู้แฃ้วว่าศัตรูเหล่านี้ไม่ได้เรื่องง่าย คนพวกนั้นกล้าแม้กระทั่งใช้ปืน
เมื่อซิงเฉิงพูดจบจ้าวฉวนก็ไตร่ตรองสักครู่แล้วถามว่า “เธอต้องการที่จะแก้ปัญหานี้อย่างเงียบ ๆ หรือต้องการให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยวด้วย?”
การจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ นั้นหมายถึงการให้พวกเขากลับไปเซี่ยงไฮ้อย่างปลอดภัยและปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นในเทียนฉุยไปเลยตามเลย นี่หมายความว่าจ้าวฉานไม่ต้องเสี่ยงกับใครหรืออะไรก็ตาม
หากพวกเขาเข้าไปหาตำรวจเพื่อทำการสอบสวน ผู้คนจำนวนมากจะถูกเอาเข้ามาพัวพัน พวกเขาอาจไม่สามารถค้นหาความจริงได้ และในขณะเดียวมันก็จะกินเวลาค่อนข้างนานเลยทีเดียวในการจะแก้ไขปัญหาที่ว่า
ซิงเฉิงหันมามองหานปิงราวกับว่าเขากำลังขอความคิดเห็นจากเธอ จากการแสดงออกของหญิงสาว ซิงเฉิงรู้ว่าหานปิงต้องการให้เขาตัดสินใจ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกมาทันที เขาพูดออกไป “ผมเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือให้ตำรวจทำการสอบสวน ผมเดาว่านี่จะเป็นการเตือนให้อีกฝ่ายไม่กล้าเกินไป”
“งั้นลุงจะคอยช่วยเท่าที่จำเป็น” จ้าวฉวนตอบโดยไม่ลังเล
“ลุงจ้าว ถ้าคนเหล่านั้นเป็นภัยคุกคามต่อลุง ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรามากเกินไป” ซิงเฉิงพูดอย่างใช้ความคิด
จ้าวฉวนพยักหน้า เขารู้สึกว่ามีภาระหลุดออกมาจากไหล่ของเขาหลังจากได้ยินคำพูดนี้ของซิงเฉิง
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดต่อ “ลุงจ้าวถ้าเป็นไปได้อยากให้ลุงช่วยตรวจสอบภูมิหลังของคนที่ทำสิ่งนี้อย่างเงียบ ๆ ได้ไหมครับ เมื่อผมรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ผมจะรับช่วงต่อจากนั่นเอง”
แม้ว่าซิงเฉิงจะคิดว่านี่เป็นคำร้องขออย่างกะทันหันและอาจเรียกร้องมากเกินไป แต่เขาก็อยากรู้ว่าใครเป็นคนที่จ้องจะเอาชีวิตของหานปิงกันแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้ชายหนุ่มโกรธ เขาจะไม่ยอมแพ้ในการค้นหาความจริงแม้ว่าหานปิงอาจจะไม่ต้องการก็ตาม
“จะพยายามเท่าที่ทำได้…” จ้าวฉวนตอบอย่างง่ายๆ
คอมเม้นต์