การตอบโต้ของผู้แข็งแกร่ง [Strongest Counterattack] – บทที่ 23 ฉันไม่พอใจสุดๆเลย
[SC] บทที่ 23 ฉันไม่พอใจสุดๆเลย
ยอดฝีมือตัวจริงมักจะพรางตัวเองในเมือง ฮาวเหล่ยเชื่อแล้วว่าเรื่องพวกนี้เป็นความจริง เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าฉางป๋าจี้ซึ่งทำงานในสถานที่แบบนี้จริง ๆ แล้วเป็นคนที่มีพลังแบบเขา ทำไมคนแบบนี้ถึงมาอยู่ที่นี่กัน?
สำหรับฮาวเหล่ย ฉางป๋าจี้เป็นคนที่มีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในทุกที่ที่เขาไป บางทีคนเช่นฉางป๋าจี้อาจมีสภาพจิตใจที่แตกต่างกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจคนเช่นนี้โดยใช้สามัญสำนึกเพียงอย่างเดียว
ฮาวเหล่ยเป็นคนตรงไปตรงมา เขาซื่อสัตย์ เมื่อเขาเปิดใจให้ใครซักคน เขาจะปฏิบัติต่อเขาในฐานะเพื่อนแท้ นี่คือเหตุผลที่เขาสนิทกับซิงเฉิงมาก
หลังจากเข้าไปในรถของเขา ฮาวเหล่ยก็โทรหาซิงเฉิงเพื่อบอกเขาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงวิธีที่เขาพบท่านผู้เฒ่า เรื่องที่ผู้ฝึกตนเฒ่าคนนั้นส่งลูกศิษย์ของเขาไปเซี่ยงไฮ้ และวิธีที่ลูกศิษย์ของเขา ฉางป๋าจี้ที่ทำงานในคองเกรสเซเว่นผู้มีความสามารถมากจนเขาเอาชนะห่าวเล่ยได้
ซิงเฉิงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็ตอบกลับได้ว่า “นายได้ลำบากแน่” เพื่อปลอบโยนเขา
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก มันก็เป็นแค่บทเรียนน่า” ฮาวเหล่ยหัวเราะและพร้อมที่จะออกจากซีอานไปเซี่ยงไฮ้ ในความเป็นจริงฮาวเหล่ยเองก็รอที่จะทำเรื่องอันแสนยิ่งใหญ่ในเซี่ยงไฮ้
ก่อนที่จะวางสาย ซิงเฉิงได้ให้คำสั่งครั้งสุดท้ายแก่ฮาวเหล่ยว่า “ฉันจะไม่ไปด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้นะ แต่จะให้มีคนขับรอพามาให้ แล้วเราค่อยคุยกัน”
หลังจากวางสาย ซิงเฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากคำบรรยายของฮาวเหล่ย แค่ได้ฟังก็พอรู้แล้ว่าฉางป๋าจี้ถือเป็นคนที่น่าสนใจไม่น้อยเยทีเดียว ซิงเฉิงรู้ว่าเขาเป็นคนเข้มแข็งและมีความสามารถ ท้ายที่สุดชายคนนี้ก็ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากอาจารย์เก่าผู้ศักดิ์สิทธิ์คนนั้น
ชายหนุ่มมีความทรงจำเล็กน้อยในการพบกับชายชราคนนั้นครั้งสองครั้งเมื่อเขายังเด็ก ดังนั้นซิงเฉิงจึงตั้งตารอที่จะได้พบกับชายที่มีความสามารถพิเศษอย่างฉางป๋าจี้
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ แสงจากผู่ตงก็เริ่มหรี่ลง ซิงเฉิงอยู่บนโซฟาปิดตาครึ่งหนึ่ง เขานอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวคนแอบเข้ามาในบ้าน
ทันใดนั้นไฟในห้องนั่งเล่นก็พลันสว่างจ้า ดวงตาของซิงเฉิงนั้นแทบจะไม่สามารถปรับให้เข้ากับแสงจ้านั่นได้ทัน เขาหันไปมองที่มาของแสง ต้นเหตุของแสงไฟที่แท้ก็คือหานปิงที่ออกมาจากห้องนอนของเธอ
“ทำไมถึงตื่นอยู่ล่ะ?” ซิงเฉิงถามด้วยความสงสัย
หานปิงสวมชุดนอนผ้าไหมสีเทาเผยให้เห็นคอหิมะสีขาวและต้นขาของเธอ หญิงสาวเดินช้า ๆ ไปทางโซฟาแล้วนั่งลง “ฉันนอนไม่หลับ ฉันคิดถึงพ่อ”
ซิงเฉิงอยากจะปลอบโยนเธอ จะยังไงก็ตามเธอก็เติบโตขึ้นมาภายใต้การป้องกันของหาน เกาผิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“มีบางอย่างที่ฉันอยากจะคุยกับคุณ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ฉันคิดว่ามันจำเป็นต้องทำเช่นนั้น” ซิงเฉิงพยายามฝืนที่จะพูดเรื่องต่อไปนี้
หานปิงไม่คิดว่าเธอแต่งตัวไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจเป็นเพราะเธอเชื่อใจซิงเฉิงแล้วก็เป็นได้
“พูดออกมาเถอะ” หานปิงกล่าวขณะที่เธอมองซิงเฉิงด้วยความอ่อนโยน
ซิงเฉิงลุกขึ้นเพื่อรับแก้วน้ำจากหานปิง เมื่อเขากลับมาเขาไม่ได้กลับมานั่งเฉย ๆ ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “เธอต้องรู้ว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหนในตอนนี้หานปิง ทำไมถึงมีคนอยากจะฆ่าเธอนัก? ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจที่เป็นเพื่อนพ่อเธอหรือศัตรูของเขา วัตถุประสงค์ของพวกเขาคือสิ่งที่พ่อของคุณทิ้งไว้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครจัดการมรดกของเขา แต่มันก็เหมือนกับเนื้อชั้นดี ทุกคนต่างหมายตาของพวกเขา และเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์เพียงผู้เดียวของความมั่งคั่งของเขา ตราบใดที่เธอยังอยู่ใกล้ พวกเขาจะไม่สามารถได้ความมั่งคั่งของพ่อเธอได้”
“ฉันรู้เรื่องนี้ซิงเฉิง บอกสิ่งที่นายต้องการพูดออกมาดีกว่า เพราะฉันเข้าใจทุกอย่างที่นายพูดไปแล้ว” หานปิงจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ทั้งในสหราชอาณาจักร เธอฉลาดมากอย่างแน่นอน แม้จะไม่มีประสบการณ์ใด ๆ ในการติดต่อธุรกิจของพ่อเธอ แต่เธอก็เคยเห็นและได้ยินมามาก
ซิงเฉิงหันไปหาฮันปิงมองตาเธอและพูดว่า “ตอนนี้เธอมีสองทางเลือก ตัวเลือกแรกคือเข้าควบคุมธุรกิจของลุงหานที่ทั้งดีและไม่ดีเพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตามไม่เพียง แต่เราจะต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมาย แต่จะมีคนต้องเจ็บปวดแบบผู้เฒ่าหวู่และเฉินเป่ยหมิงอีกแน่ จะต้องมีผู้เสียสละชีวิตของพวกเขา แและชีวิตของเธอเองก็อาจตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ตัวเลือกที่สองคือยอมแพ้ทุกอย่างและในฐานะผู้สืบทอดบริษัท ก่อนจะประกาศล้มละลายและปรับโครงสร้างธุรกิจ จากนั้นเธอออกจากวงนี้ ปล่อยให้คนที่ต่อสู้เพื่อบริษัททำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ?”
“นายคิดว่าฉันจะเลือกแบบไหน และนายจะแนะนำแบบไหน?” หานปิงถามอย่างเก็บอารมณ์
ซิงเฉิงยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะตอบออกไป “เธอควรตัดสินใจด้วยความคิดของเธอเอง บางคนเต็มใจที่จะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในขณะที่คนอื่นเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ยากขึ้น อย่าทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขโดยเฉพาะตอนนี้ที่ไม่มีใครรู้สึกเสียใจกับเธอ ฉันจะสนับสนุนเธอโดยไม่ลังเล หากเธอเลือกตัวเลือกแรก ถ้างั้นฉันก็จะปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหมดที่เข้ามา ใครก็ตามที่พยายามจะทำร้ายเธอ ฉันจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตามหากเธอเลือกตัวเลือกที่สอง เป็นแบบนั้นฉันก็จะช่วยคุณจัดการทุกอย่างเพื่อให้คุณสามารถดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขด้วยชีวิตที่มั่นคง”
“ทำไมนายถึงใจดีกับฉันนักซิงเฉิง?” หานปิงถามซิงเฉิงอย่างอ่อนโยนแทนที่จะตอบคำถามของเขา เป็นเพราะหานปิงประทับใจในคำพูดของซิงเฉิงมาก
ฉินเฉิงถูกจับตามองด้วยคำถามของเธอและไม่สามารถพูดได้ชั่วหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันต้องการให้คุณปลอดภัยหลังจากที่ลุงหานเสียชีวิต เพราะนี่คือสิ่งที่ฉันสัญญาไว้ให้เขาทำ ไม่มีทางที่ฉันจะนั่งเฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลย.”
“ฉันเลือกตัวเลือกแรก แต่ฉันคงจะไม่สามารถพอใจกับมันได้” หานปิงกล่าวด้วยน้ำเสียที่ฟังดูผิดหวัง เธอรู้ว่าซิงเฉิงพูดความจริง แม้ว่าหญิงสาวจะรู้ว่าเธอสวยมาก แต่ซิงเฉิงเองก็มีเสน่ห์มากพอที่สามารถดึงดูดผู้หญิงที่สวยจำนวนมากได้เช่นกัน ดังนั้นเขาคงไม่ตกหลุมรักเธออย่างง่ายดาย
ซิงเฉิงเข้าใจว่าทำไมหานปิงเลือกตัวเลือกแรก เธอเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและกล้าหาญ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ ในความเป็นจริงเธอจะเหนื่อยล้าในการใช้ชีวิตแบบนั้น … แต่น้ำเสียงของเธอที่ฟังดูไม่พอใจนี่หมายถึงอะไรกัน?
“ทำไมถึงไม่พอใจล่ะ?” ซิงเฉิงงถามออกไป
หานปิงตอบโดยที่น้ำตาเริ่มที่จะไหลออกมา “ฉันไม่พอใจเพราะฉันไม่สามารถรักษามรดกครอบครัวที่พ่อหามาอย่างยากลำบากได้ มรดกไม่ได้มีความหมายอะไรกับฉัน ฉันไม่พอใจเพราะถ้าปู่หวู่และ เป่ยหมิงตายไปฉันก็ไม่มีทางที่จะแก้แค้นพวกเขา ท้ายที่สุดพวกเขาก็เสียสละชีวิตเพื่อฉัน”
หญิงสาวสะอื้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ในตอนที่เธอพูดจบ
ซิงเฉิงช่วยเธอปาดน้ำตาแล้วก็พูดอย่างช้า ๆ “เด็กโง่ ถ้าเธอทำไมได้ คนที่ทำก็จะเป็นฉันนี่แหละ”
หลังจากการสนทนาเสร็จ ซิงเฉิงก็ชักชวนให้หานปิงกลับไปนอนหลับ ชายหนุ่มนั้นค่อนข้างง่วงนอนแล้วในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงนอนลงบนโซฟาและหลับไปจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น
ในขั้นต้นแรก หานปิงควรจะไปที่สำนักงานเพื่อการประชุมผู้อำนวยการอย่างไรก็ตาม ซิงเฉิงกลับเลื่อนเวลาไปจนถึงบ่าย เขาต้องการรอให้ฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้มาถึงเซี่ยงไฮ้ก่อนที่จะให้เธอเข้าไปประชุม
หานปิงต้องรับโทรศัพท์หลายสายในตอนเช้า ปลายสายที่โทรมันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ติดตามของหาน เกาผิง ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงการโทรจากบริษัทออกแบบของเธอเองด้วย ในเวลานี้ซิงเฉิงอยู่ในห้องนั่งเล่นอ่านหนังสือฆ่าเวลาไปเรื่อย
ทั้งสองคนได้สั่งอาหารกลางวันมาทาน และที่น่าประหลาดใจก็คือการที่หานปิงไม่ได้บ่นว่าอาหารห่วยแตก ดูเหมือนว่าเธอจะเติบโตเต็มที่ในชั่วข้ามคืน ความมุ่งมั่นในวัยเด็กของเธอได้หายไปแล้ว
ในที่สุดซิงเฉิงก็ปล่อยให้หานปิงออกจากบ้านไปพร้อมกับเขาหลังจากที่คนขับรถมารับฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้ก่อน พวกเขากลับไปที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่าซึ่งอยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวายเมื่อไม่มีตัวตนของหานปิง
ฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้มาถึงในที่สุดหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง
เมื่อมาถึง ฮาวเหล่ยก็เรียกซิงเฉิงและเข้าสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น ก่อนที่พวกเขาจะเร่งรีบมากันที่บ้านพักตากอากาศอันแสนกว้างขวางในผู่ตงที่ซึ่งที่ดินราคาแพงเช่นเดียวกับสาวงามที่ยืนอยู่ติดกับซิงเฉิง… ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อฮาวเหล่ยที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
หลังจากทักทายฮาวเหล่ย ซิงเฉิงก็เข้าไปหาฉางป๋าจี้และทักทายเขาอย่างสุภาพพูดว่า “ยินดีต้อนรับสู่เซี่ยงไฮ้ ลูกพี่ฉาง”
ฉางป๋าจี้เริ่มประเมินสภาพแวดล้อมและสำรวจผู้คนตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในห้อง ในที่สุดเขาก็หยุดความสนใจของเขาที่ซิงเฉิงและหานปิง เขาหัวเราะและพูดทักทายกลับ “ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็น นายยังอยู่ในโรงเรียนมัธยม เวลาผ่านไปจริง ๆ ! นายเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”
“ฉันแปลกใจมากกว่าที่ยังจำฉันได้!” ซิงเฉิงว่า อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะทำให้การสื่อสารของพวกเขาง่ายขึ้นมาก
“ความจำฉันดีน่ะนะ” ฉางป๋าจี้ตอบอย่างร่าเริงจนทำเอาฮาวเหล่ยถึงกับผงะเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉางป๋าจี้ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาฉางป๋าจี้ค่อนข้างเป็นศัตรูกับเขา
ซิงเฉิงดึงหานปิงเข้ามา แล้วเริ่มแนะนำเธอให้ฉางป๋าจี้รู้จัก “นี่คือเพื่อนของฉัน หานปิงเธอเป็นลูกสาวคนโตของหาน เกาผิง “แล้วก็หันไปทางหานปิง แล้วเขาพูดว่า” นี่คือฮาวเหล่ยและพี่ฉาง”
หานปิงจับมือฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้ เธอรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของซิงเฉิงที่ชายหนุ่มเชิญมาช่วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่แค่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่มีความสามารถเป็นแน่
“หานปิง ระหว่างนี้ก็เตรียมพร้อมละ เดี๋ยวฉันขอตัวไปคุยเรื่องบางเรื่องกับฉางป๋าจี้และฮาวเหล่ยก่อน” หานปิงเข้าใจความตั้งใจของซิงเฉิงในทันทีและทิ้งพวกผู้ชายไว้ตามลำพัง
เมื่อคนในห้องที่เหลือออกไป ซิงเฉิงก็เชิญฉางป๋าจี้และหลี่เล่ยเข้าห้องนั่งเล่นและเสิร์ฟชา ในที่สุดซิงเฉิงถอนหายใจและพูดว่า “พี่ฉาง ฉันจะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ของนาย ถ้าฉันไม่ได้จนปัญญา ไม่กี่วันที่ผ่านมาฉันไปเที่ยวที่เทียนฉุยและเกือบจะไม่ได้กลับมาอีก อันที่จริงเพื่อนของฉันสองคนไม่ได้กลับมาเหมือนกับพวกเรา”
เนื่องจากซิงเฉิงและฮาวเหล่ยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ดังนั้นซิงเฉิงจึงไม่รีรอที่จะขอความช่วยเหลือจากฮาวเหล่ย ยิ่งกว่านั้นเขาเองก็ได้บอกอะไรมากมายให้กับฮาวเหล่ยฟังเรียบร้อยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ที่คุยกันในโทรศัพท์กันครั้งก่อน ทางด้านฮาวเหล่ยเอง เขาก็มีเหตุผลของเขาที่มาที่เซี่ยงไฮ้ แต่สำหรับฉางป๋าจี้มันเป็นเรื่องที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ฉันรู้ว่าอาจารย์มีเหตุผลของเขาในการส่งฉันมาหานาย ยังไงฉันก็เชื่อฟังเขา นายไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายเพิ่มเติม เพียงแค่บอกสิ่งที่นายต้องการก็พอ” ฉางป๋าจี้ไม่ชอบการพูดคุยแบบนี้ เขามักจะพูดว่าบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไร้ประโยชน์ เขามักจะตรงไปที่ประเด็นเมื่อพูดคุยกับคนอื่น ๆ
ซิงเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “เอาล่ะ เราสามารถใช้เวลาอธิบายส่วนที่เหลือได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการปกป้องหานปิง”
ฉางป๋าจี้และฮาวเหล่ยมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างรู้กัน
หลังจากนั้นซิงเฉิงก็ให้คำแนะนำกับฉางป๋าจี้และฮาวเหล่ยเกี่ยวกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สำหรับวันนี้เป็นต้นไป ฮาวเหล่ยจะเป็นคนขับรถของหานปิง ทั้งเขาและฉางป๋าจี้จะเป็นผู้คุ้มกันของหานปิง นอกจากนี้ฉางป๋าจี้จะช่วบซิงเฉิงทุกครั้งที่เขาต้องการเขา
หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าทุกคนเข้าใจตรงกันแล้ว ซิงเฉิงก็เรียกหาหานปิงเพื่อให้เธอลงมาชั้นล่าง ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปที่สำนักงาน นี่คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้แบบประจัญบาน …
คอมเม้นต์