Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 17 แสบ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา ตอนที่ 17 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
บทที่ 17 แสบ

จอห์นแย้มยิ้ม “มีกฎสองข้อในกฎระเบียบของอัศวินที่ว่า รักษาบ้านเกิดและปกป้องผู้อ่อนแอ ข้าไม่คิดว่าข้าได้แหกกฎข้อใดนะ เซอร์เวนน์ย่อมสามารถเข้าใจในเรื่องนี้ หากเทียบกันแล้ว คำพูดของอันธพาลอย่างเจ้าดูจะไม่น่าเชื่อถือยิ่งกว่า”

“เจ้าไม่มีหลักฐาน!” แจ็คสันดูท่าทางเชื่อมั่นอย่างร้ายกาจ

หลายๆ คนรู้ดีว่าพวกอันธพาลเก่งเรื่องการข่มขู่พยานให้กลัวหรือไม่เต็มใจจะให้การยืนยัน ทางโบสถ์เองก็มักไม่เอาตัวเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ อีกอย่างคือ ผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังแก๊งอารอนก็ไม่ได้มีอำนาจในโบสถ์

ลูเซียนหัวเราะ พลางนึกย้อนไปถึงหลายๆ ประโยคจากชนชั้นสูงและอัศวินที่ชอบรังแกผู้อื่นที่เขาเคยได้ยินหรือเห็นมา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “หลักฐานงั้นรึ เขาคืออัศวินฝึกหัด ส่วนเจ้าก็แค่หัวหน้ากลุ่มของแก๊งอันธพาล นี่แหละหลักฐาน!”

ตอนไปที่ร้านมงกุฎทองแดง ลูเซียนได้รู้ว่าในเขตการปกครองของดยุกแห่งออร์วาริต เหล่าอัศวินถือเป็นชนชั้นสูงที่แท้จริง แม้ว่าอัศวินฝึกหัดจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงมาก แต่ก็ไม่ใช่ระดับต่ำแน่นอน ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่าหัวหน้ากลุ่มตัวเล็กๆ อย่างแจ็คสันไม่มีคุณสมบัติอะไรจะไปกล่าวหาอัศวินฝึกหัดหรอก อย่างไรเสีย การทำเช่นนั้นกับลูเซียนและจอห์นก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรต่อแก๊งอารอน

ในทางตรงกันข้าม จอห์นที่ได้รับอิทธิพลจากเกียรติของอัศวินและกฎระเบียบทั้งหลาย รวมถึงคำพูดของอะลิซ่า จึงเป็นเรื่องยากที่จอห์นจะหลงกลคำพูดอีกฝ่าย

แจ็คสันที่โดนลูเซียนพูดขัดพลันเงียบไป การกล่าวหาเอาผิดอัศวินฝึกหัดสักคนหนึ่งนั้นย่อมเป็นไปได้สำหรับแก๊งอารอน แต่มันต้องใช้เส้นสายและความพยายามมากเพียงใดกันเล่า อารอนไม่มีทางทำแบบนั้นเพื่อหัวหน้ากลุ่มตัวเล็กๆ แน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรยากาศในเมืองอัลโต้ช่วงนี้ดูแปลกๆ คล้ายกับว่าจะเป็นคลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา แม้แต่หัวหน้าแก๊งอย่างอารอนยังต้องลอบเดินทางไปมาทั้งวัน แจ็คสันไม่รู้ว่าเจ้านายเขากำลังเตรียมการทำอะไร ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงขมขู่จอห์นเท่านั้น

อีกอย่าง เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การแก้แค้นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันหรอกหรือ เขาไม่ควรจะเอาชีวิตและอนาคตของตัวเองมาเสี่ยง

หลังจากที่เขาได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่ม แจ็คสันก็สูญเสียความเข้มแข็งไปโดยปริยาย

ดังนั้นแจ็คสันจึงถามเสียงห้วน “พวกเจ้าต้องการค่าชดเชยเท่าไหร่ ข้ามีเพียงสองนาร์อยู่กับตัวในตอนนี้”

เมื่อลูเซียนเห็นว่าเขาข่มขู่แจ็คสันได้สำเร็จ ก็หันหน้าไปมองจอห์น ให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปทางสุดปลายถนน ก่อนจะกระซิบบอก “ดูเหมือนว่ายามรักษาการณ์กำลังมาทางนี้แล้วล่ะ รีบไปจากที่นี่ก่อนจะเกิดเรื่องเถอะ”

สำหรับคนของแก๊งอารอนแล้ว พวกเขามีวิธีรับมือกับยามรักษาการณ์มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเหตุผลในการหลบหนี

ลูเซียนนึกกังวลว่าพวกอันธพาลอาจแอบมาแก้แค้นเขาในอนาคต แม้ว่าเขาจะคิดถึงความเป็นไปได้ในการกำจัดต้นตอของปัญหาเพื่ออนาคต แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือจอห์นก็ไม่มีพลังมากพอจะทำให้มันสำเร็จได้ และการสังหารผู้คนบนท้องถนนอาจดับชีวิตจอห์นจริงๆ เลยก็ได้

จอห์นปฏิบัติตามกฎระเบียบของอัศวิน ไม่คิดจะรีดไถแจ็คสัน จึงพยักหน้า “ก็ได้ มอบค่าชดเชยมาสองนาร์”

ลูเซียนแค่ถูกปล้นไปราวๆ สี่สิบเฟลล์ กับเศษขยะที่ยังไม่ได้จัดการ ส่วนเงินที่เหลือนั้นเขาเอาไปซ่อนไว้ใต้ซากกระท่อมของแม่มดอย่างระมัดระวัง เพราะหวาดกลัวแม่มดและเกรงว่าจะถูกสาป พวกอันธพาลจึงไม่กล้าเข้าไปใกล้บริเวณนั้น เลยไม่พบเงินที่ซ่อนไว้ ในส่วนของข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกทำลายนั้นแค่หนึ่งนาร์ก็เกินพอ ฉะนั้น ค่าชดเชยสองนาร์ถือว่าได้มาสองเท่าตัว

แจ็คสันหยิบถุงเงินขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะโยนให้จอห์น ในถุงนั้นว่างเปล่า มีเพียงเหรียญเงินสองเหรียญเท่านั้น “เหรียญเฟลล์ข้ามอบเป็นรางวัลให้ลูกน้องข้า”

จอห์นเทสองเหรียญเงินที่เปล่งประกายงดงามนั้นออกจากถุงแล้วยื่นให้ลูเซียน ก่อนจะโยนถุงเงินใส่มือแจ็คสัน “อยากจะไปหาตัวพวกมันเพื่อนำเหรียญเฟลล์ที่ถูกปล้นกลับมาไหม”

หลังจากรับเหรียญเงินมา ลูเซียนก็พยักเพยิดคางไปทางกลุ่มของยามรักษาการณ์ที่กำลังใกล้เข้ามา “สายไปแล้วล่ะ เรารีบไปกันเถอะ”

แม้ว่าเขาจะถูกยามรักษาการณ์จับตัวไป เขาก็อาจไม่ได้รับโทษอะไร แต่เขาต้องรอบคอบ ลูเซียนไม่กล้าเอาอนาคตของจอห์นมาเสี่ยง เขาจึงยอมเสียเหรียญทองแดงที่น่ารักของเขาไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าวยิ่งนัก

“ได้!” จอห์นคว้าไม้พลองขึ้นมา ท่าทางไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด ส่วนลูเซียนก้มลงไปเก็บกริชของแจ็คสันที่ตกอยู่ไม่ไกล

จากนั้นลูเซียนกับจอห์นก็รีบออกวิ่ง มุ่งหน้าไปยังถนนอีกสาย แล้วเลี้ยวเข้าไปในตรอก ไม่นานก็อันตรธานหายไปจากเขตตลาด

“ฟู่ หยุดวิ่งเถอะ ใกล้จะถึงแล้ว ขอพักหน่อย” เมื่อเห็นว่าพวกตนวิ่งกลับมาถึงเขตสลัม ลูเซียนก็โล่งอกในที่สุด เขาพิงตัวกับกำแพงขณะหอบหายใจหนัก และในตอนนั้นเองที่เขาพบว่าขาของเขาอ่อนแรงอย่างยิ่ง ก็ไม่แปลก เขาวิ่งมาตลอดทั้งเช้า ลูเซียนจึงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน “ฮ่าๆ หมดแรงเลย ฟู่”

จอห์นเองก็หอบหายใจ เมื่อเห็นว่าสองบาดแผลบนตัวลูเซียนไม่ได้ลึกมาก และเลือดก็หยุดไหลไปแล้ว เขาจึงนั่งลงและเอนตัวพิงลูเซียน “ข้าก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว การถูกคนนับสิบรุมล้อมแค่สิบวินาทีนี่มันเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งติดต่อกันนานๆ เสียอีก แต่ว่านะ ข้าไม่ได้สู้แบบนั้นมานานมากแล้ว ช่างสบายเนื้อสบายตัวเสียจริง!”

ทั้งสองนั่งพิงกันและกันอยู่บนพื้น ต่างหอบหายใจและพยายามฟื้นคืนกำลัง

“ใช่เลย มันช่างสบายเนื้อสบายตัวเสียจริง” ลูเซียนหรี่ตาลงและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแสนสดใส การต่อสู้เมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจ เหมือนกับได้ระบายความเครียด ความเจ็บปวด ความสับสน และความลังเลนับแต่ทะลุมิติมาออกไปจนหมด จิตใจเขามีแต่ความชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาก็ยอมรับแล้วว่าจอห์นเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ”

เสียงหัวเราะของเขาทั้งสดใสร่าเริงและซุกซน

จอห์นประหลาดใจ “ลูเซียน เจ้าหัวเราะเรื่องอะไร”

“ข้าคิดว่าในอนาคต หลังจากที่เรียนหนังสือและเก็บเงินได้พอสมควร ข้าจะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทวีปเพื่อชื่นชมทิวทัศน์มากมาย ลิ้มลองอาหารหลากหลาย ไปให้ทั่วทุกอาณาจักร และฟังตำนานแสนยอดเยี่ยมทั้งหมด”

ลูเซียนไม่ได้ตอบคำถาม เขากลับเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าและพูดเช่นนั้นช้าๆ ในขณะที่คิดกับตัวเองในใจว่า

‘ฉันอยากเรียนเวทมนตร์ ฉันจะต้องเดินทางไปให้ทั่วทั้งทวีปเพื่อสำรวจหาความรู้และกลไกของโลกนี้ จะได้เจาะลึกลงไปหาความจริงของโลกนี้ เพื่อหาทางกลับบ้าน’

‘ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลว นี่คือวิถีทางของฉัน เพื่อพ่อแม่ในโลกก่อน และเพื่อเพื่อนอย่างจอห์น’

‘ตอนนี้ฉันเก็บเงินได้มากกว่าสามนาร์แล้ว และฉันก็ต้องรีบไปกู้ยืมเงินให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้เรียนเวทมนตร์ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แก๊งอารอนคงไม่กล้ามาแก้แค้นตรงๆ แต่พวกนั้นเก่งการลอบกัดมาก’

การถูกคนของแก๊งอารอนรุมซ้อมคือปัจจัยภายนอก และเมื่อรวมกับผลจากความรู้สึกด้านลบ และความโหยหาพลังอำนาจ ฐานะ ชีวิตดีๆ ความสุขสมหวัง และอีกมากมายที่เป็นปัจจัยภายใน ทำให้ลูเซียนตัดสินใจจากก้นบึ้งของหัวใจว่าจะเรียนเวทมนตร์

จอห์นยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งทวีปงั้นรึ โอ้ ลูเซียน แม้ว่าหลายๆ อาณาจักรทางตะวันออกของทวีปจะให้คนของศาสนจักรไปกำจัดปีศาจและสัตว์เวทจนแทบไม่เหลือแล้ว แต่ในป่าก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี พวกคนหัวสุนัข ก็อบลิน และมนุษย์หมาป่าสามารถออกลูกออกหลานได้มากมายเหมือนหนู และพวกมันเป็นนักล่า ไม่นานพวกมันก็จะกลับมารวมตัวกันได้ ด้วยพละกำลังที่เจ้ามี ข้าเกรงว่าเจ้าจะเดินทางตามลำพังไม่ได้นะ”

“คนหัวสุนัข ก็อบลิน มนุษย์หมาป่า เอ่อ มันกินได้หรือไม่” ลูเซียนถามออกไปโดยไม่รู้ตัว สำหรับเขาแล้ว ความคิดแรกในการกำจัดสัตว์ประหลาดที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วก็คือการกินพวกมันเสีย

จอห์นอึ้งไปเล็กน้อยและไม่อาจเข้าใจความคิดของลูเซียนได้ “ไม่…ควรนะ”

“ช่างเถอะ” ลูเซียนกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

จอห์นไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าสดใสก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความหวัง “ถ้าข้าได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินจริงๆ ข้าก็อยากจะท่องเที่ยวไปทั่วทั้งทวีปเช่นกัน ข้าไม่รู้เลยว่านอกอาณาเขตของอัลโต้มีหน้าตาเป็นอย่างไร จะงดงามอย่างที่พวกกวีขับลำนำบอกเล่าหรือไม่”

“ว่าแต่ว่า ลูเซียน ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวด้วย พยายามอย่าออกไปนอกเมืองหรือไปในที่เปลี่ยว พวกอันธพาลนั่นทำเรื่องชั้นต่ำได้จริงๆ”

“ข้ารู้ จอห์น เมื่อเจ้ากลับไปหาเซอร์เวนน์ เจ้าต้องสารภาพทันทีและขอรับโทษทัณฑ์ด้วยตัวเองนะ” ลูเซียนบอกจอห์น

จอห์นประหลาดใจในทีแรก แต่ก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ได้ เฮ้อ น่าเสียดายที่ข้าจะได้เรียนหนังสือเกี่ยวกับการทหารก็ต่อเมื่อข้าได้เป็นอัศวินฝึกหัดระดับสูงแล้วเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าคงจะสอนเจ้าได้”

ทั้งสองต่างอารมณ์ดี จึงพูดคุยตอบโต้กันไปมา จนกระทั่งเรี่ยวแรงฟื้นคืนมาพอสมควร พวกเขาจึงลุกขึ้นเดินไปที่บ้านอะลิซ่า

อะลิซ่าไปที่เขตบริหารปกครองเพื่อตามโจเอลให้กลับมาบ้าน และตอนนี้ทั้งสองก็กำลังเดินวนไปมารอบบ้านอย่างเป็นกังวล ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อในที่สุดก็เห็นว่าจอห์นกับลูเซียนกลับมาแล้ว ทั้งยังเดินหัวเราะร่าเคียงข้างกันมา

โจเอลอ้าแขนออกพร้อมกับยิ้มกว้าง “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน สองวีรบุรุษ พวกเจ้าทำให้ข้านึกถึงตัวเองตอนยังหนุ่มๆ”

จอห์นเข้าไปกอดโจเอล “ท่านพ่อ ช่วงนี้ท่านต้องระวังตัวนะขอรับ ข้ากังวลว่าพวกอันธพาลนั่นจะทำลอบกัดในภายหลัง”

“เจ้าพวกนี้เป็นพวกขี้ขลาดที่สุด พอพวกเจ้าไปอัดพวกมันจนเละเทะครั้งหนึ่ง พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว” โจเอลยิ้ม แต่แล้วสีหน้าเขาก็กลายเป็นจริงจัง “ความจริงแล้ว เจ้าควรจะขออนุญาตเซอร์เวนน์ก่อนเป็นอันดับแรก เจ้าคือคนของท่าน ทุกๆ การกระทำของเจ้าส่งผลต่อชื่อเสียงและความน่านับถือของท่าน”

จอห์นเองก็รู้ว่าเขาทำลงไปด้วยความหุนหันพลันแล่น แต่นั่นก็เพราะตอนแรกเขายังกังวลว่าเซอร์เวนน์จะไม่เห็นด้วย “ขอรับ ท่านพ่อ พอข้ากลับไปที่คฤหาสน์ จะขอรับโทษทัณฑ์ทันที”

อะลิซ่านำผ้าเก่าสะอาดๆ มาทำแผลให้ลูเซียน

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เมื่อลูเซียนเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาจึงลุกขึ้นขอตัว เตรียมจะไปยังร้านมงกุฎทองแดงก่อนจะถึงเวลาเที่ยงวันในอีกหนึ่งชั่วโมง เพื่อขอกู้ยืมเงินมาเก็บให้ครบห้านาร์ การเรียนหนังสือและเวทมนตร์คือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้

‘ถ้าฉันเรียนเวทมนตร์ได้อย่างไร้อุปสรรค การจะหาเงินมาใช้คืนส่วนที่กู้มาก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าฉันเรียนไม่ได้ มันก็คงจะอันตรายยิ่งขึ้น แต่ไม่มีอะไรที่จะได้มาโดยไม่ต้องเสี่ยงใช่ไหมล่ะ’

ลูเซียนพร้อมที่จะรับผลจากการกู้หนี้ยืมสิน

“เดี๋ยวก่อน อีวานส์น้อย” โจเอลพลันเรียกรั้งลูเซียนไว้

ลูเซียนหันกลับมาด้วยความงุนงง “มีอะไรหรือขอรับ ท่านลุงโจเอล”

โจเอลนำเอาถุงผ้าใส่เงินเก่าๆ ออกมาแล้วยื่นให้ลูเซียน “ในนี้มีอยู่ทั้งหมดแปดนาร์ เจ้าเอาไปเถอะ”

“ท่านลุงโจเอล ท่านน้าอะลิซ่า พวกท่าน?” ลูเซียนรู้สึกตกตะลึง ในใจเขาท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย เขาคิดอยู่เสมอว่าครอบครัวของโจเอลน่าจะจนพอๆ กับเขา แล้วไอเวินก็อยู่ในวัยกำลังโต เขาจึงไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ในการขอยืมเงินจากพวกเขาเลย

อะลิซ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มให้เขา “อีวานส์น้อย ท่านลุงโจเอลของเจ้าไม่ได้มีเงินมากมาย ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาเก็บถึงสองปี แม้จะไม่มากนัก แต่มันน่าจะพอให้เจ้าเริ่มเรียนหนังสือได้”

“แต่นี่คือเงินเก็บทั้งหมดของพวกท่าน…” ลูเซียนรู้สึกแสบตาเล็กน้อย

โจเอลหัวเราะพลางตบบ่าลูเซียน “เมื่อก่อนเราต้องลำบากเพื่อจอห์นน้อย และพ่อเจ้าก็ช่วยเราเอาไว้มากเช่นกัน หากเจ้าได้เรียนหนังสือ อีกหน่อยเจ้าก็จะหางานดีๆ ทำได้ ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยนำเงินมาคืนพวกข้าก็ได้ หรือว่าเจ้ากังวลว่าตัวเองจะเรียนไม่ได้กันล่ะ”

“ข้ามั่นใจขอรับ ท่านลุงโจเอล” ลูเซียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“แม้เงินส่วนนี้ รวมกับเงินของเจ้า จะทำให้เจ้าได้เรียนแค่สองเดือน แต่ถ้าเราร่วมมือกัน อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเจ้าจะได้เรียนต่อไปทุกๆ สามหรือสี่เดือน เพราะฉะนั้นนะ ลูเซียน เจ้าต้องตั้งใจเรียนให้มาก เจ้าจะเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง” ถ้อยคำของโจเอลแสดงให้เห็นว่าเขามองว่าการเล่าเรียนของลูเซียนคือภาระความรับผิดชอบอย่างหนึ่งในครอบครัวเขา

ดวงตาของลูเซียนเริ่มพร่าเลือน “ขอบคุณขอรับ ท่านลุงโจเอล ท่านน่าอะลิซ่า แล้วก็จอห์น” ในขณะเดียวกันนั้น ลูเซียนก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำให้ครอบครัวของโจเอลมีชีวิตที่ดีขึ้น และไปจากเมืองอัลโต้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากเรียนเวทสักสองสามอย่างจนเชี่ยวชาญ เพื่อที่ครอบครัวนี้จะไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายทั้งหลาย

เมื่อออกมาจากบ้านอะลิซ่าในที่สุด จุดมุ่งหมายของลูเซียนยังคงเป็นร้านมงกุฎทองแดง ทว่าเขาไม่ได้จะมายืมเงิน แต่จะหาอาจารย์มาสอนอ่านเขียนให้จงได้

————————————————

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด