Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – บทที่ 21 ฮาร์ปซิคอร์ด
วิกเตอร์พอใจอย่างยิ่งที่ลูเซียนยังคงเรียนรู้ได้รวดเร็วเหมือนวันก่อนๆ ภายในไม่ถึงห้าสิบนาที เขาก็จำกฎการใช้ไวยากรณ์ที่เหลือทั้งหมดได้แล้ว ดูเหมือนว่านอกจากเขาจะฉลาดและมีพรสวรรค์ด้านภาษาแล้ว ความทรงจำเขายังล้ำเลิศด้วยเช่นกัน
เพราะสภาพอารมณ์ที่ดี จู่ๆ วิกเตอร์ก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจ เขาฮัมเป็นทำนองสั้นๆ จากนั้นก็ปรบมือหนึ่งครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน เราเรียนกันมาสักพักแล้ว ควรจะพักดื่มชายามบ่าย กินผลไม้ และผ่อนคลายสักหน่อย”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็เดินขึ้นบันไดไปจดทำนองตัวโน้ตของเขา
เมื่อหยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวประณีตงดงามขึ้นมา ลูเซียนก็จิบชาดำรสชาติประหลาดลงไป และพบว่าตนคุ้นชินกับรสชาตินี้เสียแล้ว เขานวดขมับที่ปวดตุบจากการเรียนอันเข้มข้นในหลายวันที่ผ่านมา
“เฟลิเซีย เมื่อไหร่จะเชิญเราไปล่าสัตว์ที่คฤหาสน์ของตระกูลเจ้าอีกล่ะ ข้าคิดถึงอากาศสดชื่นที่นั่น แล้วก็กระต่ายกับลูกกวางที่กระโดดไปมาด้วย”
แอนนี่ เด็กสาวจากชนชั้นสูงอีกคนพลันเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางเป็นหญิงสาวที่มีผมสีบลอนด์สลวยรับกับดวงตาสีเขียวมรกต ทว่าเครื่องหน้าของนางไม่มีอะไรโดดเด่น กลับธรรมดาสามัญ และตระกูลของนางก็ไม่ได้มีฐานะดีมาก บิดานางเป็นผู้ที่ไม่โดดเด่นที่สุดในบรรดาลูกๆ ของบารอนท่านหนึ่ง ไม่เพียงเขาจะไร้ความสามารถจนไม่ได้รับสืบทอดตำแหน่งบารอน ยังดูเหมือนว่าแม้แต่คฤหาสน์และเขตการปกครองเขาก็ไม่ได้รับมา รายได้ทั้งหมดจากงานเสมียนในศาลาว่าการและเงินรายปีประจำตำแหน่งนั้นแทบไม่พอใช้
ในทางตรงกันข้าม ในฐานะสมาชิกตระกูลเฮย์นที่เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเขตการปกครองของดยุกแห่งออร์วาริต แม้ว่าบิดาของเฟลิเซียจะพลาดจากการได้รับสืบทอดตำแหน่งเอิร์ลและไม่ได้เขตแดนมา ทว่าก่อนที่เอิร์ลคนก่อนจะสิ้นก็ได้ทิ้งที่ดินผืนใหญ่นอกตัวเมืองอัลโต้ไว้ให้ มันเป็นที่ดินที่มีป่าล้อมรอบ เต็มไปด้วยพืชผลไม้ และมีไร่องุ่น ทั้งยังมีเหมืองหินแกรนิตและอสังหาริมทรัพย์ภายในเมืองอีกด้วย
ดังนั้น ตระกูลของเฟลิเซียจึงถือว่าดีที่สุดในหมู่เด็กสูงศักดิ์ทั้งหมดในที่นี้
ในช่วงหน้าร้อน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการหลบหนีไอร้อนไปยังคฤหาสน์นอกเมือง และเพลิดเพลินไปกับไวน์เลิศรสที่ผลิตโดยตระกูลตน นี่คือสิ่งที่น่าอิจฉาที่สุดสำหรับเด็กชนชั้นสูงหลายๆ คน รวมถึงล็อตต์ที่ไม่มีคฤหาสน์ประจำตระกูลเช่นกัน แต่ความริษยาของพวกเด็กผู้หญิงดูจะชัดเจนที่สุด ด้วยเหตุนี้ แอนนี่จึงพยายามเอาใจเฟลิเซีย
“จริงหรือ ท่านหญิงเฟลิเซีย คฤหาสน์ของท่านมีกระต่ายกับลูกกวางน่ารักๆ ด้วยงั้นหรือเจ้าคะ” เรเน่ เด็กสามัญชนร่วมวงด้วยท่าทางปรารถนาและอยากรู้อยากเห็น
ตอนที่ลูเซียนมาเรียนวันแรก เรเน่พยายามจะตีสนิทกับนักเรียนจากชนชั้นขุนนางอย่างเฟลิเซีย ล็อตต์ และแอนนี่ด้วยการพูดคุยเรื่องดนตรี ซึ่งดูจะได้ผลดีอย่างยิ่ง
นางมีกำลังใจขึ้น จึงใช้ทฤษฎีดนตรีนี้ต่อไป แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้นางไปหาความรู้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มาจากที่ใด จึงสามารถถามเฟลิเซียกับแอนนี่คล้ายขอความรู้และด้วยความสงสัยอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่นางพยายามอย่างหนัก นางก็เริ่มสนิทสนมกับเด็กจากชนชั้นสูงและสามารถเข้าร่วมวงสนทนากับพวกเขาได้ในที่สุด
เมื่อเห็นตัวอย่าง คอลินกับเดวิด เด็กหนุ่มสามัญชนทั้งสองจึงมองหาหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับดนตรีและพยายามเข้าหาเด็กๆ จากชนชั้นสูง และมันก็ได้ผลเหมือนกัน จะมีก็เพียงลูเซียนที่เอาแต่จดจ่อกับการเรียน ไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ
ในเมื่อลูเซียนไม่เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นล็อตต์กับเฟลิเซียจากตระกูลขุนนาง หรือเรเน่กับคอลินจากชนชั้นกลางก็ไม่มีใครคิดจะเข้าไปพูดคุยกับลูเซียนก่อนแน่ๆ ทั้งยังคงแสดงท่าทางห่างเหินต่อไป
เฟลิเซียยังคงนั่งหลังตรงดูสง่างาม ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพแบบเวลาเข้าสังคม “ข้าเองก็คิดถึงเหล่าสัตว์น้อยน่ารักพวกนั้น แต่อีกเพียงสามเดือนก็จะถึงเวลาที่ท่านวิกเตอร์ต้องขึ้นแสดงแล้ว ล็อตต์ เฮโรโดตัส และข้าต้องมาที่นี่หรือไม่ก็ไปสมาคมนักดนตรีเพื่อช่วยท่านวิกเตอร์ซ้อมเพลงและให้ท่านฝึกเล่นเครื่องดนตรี ข้าไม่มีเวลาไปล่าสัตว์ที่นอกเมืองจริงๆ”
แน่อยู่แล้วว่าเฟลิเซียพึงพอใจและชอบที่แอนนี่ประจบสอพลอ ชอบที่เรเน่ปรารถนาอยากได้อยากมี อิจฉาและคอยประจบ ใครบ้างเล่าที่จะไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้
ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขา แน่นอนว่าลูเซียนเองก็อยากจะไปเห็นกับตา และอยากจะมีที่ดินเป็นของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการรอวิกเตอร์เพื่อขอยืมพจนานุกรมภาษากลาง และจะบันทึกเนื้อหาทั้งหมดในพจนานุกรมเล่มหนาเก็บไว้ในห้วงจิตอย่างรวดเร็วได้อย่างไรขณะอยู่ในห้องโถงนี้
เฟลิเซีย แอนนี่ คอลิน เรเน่ และคนอื่นๆ หยุดพูดคุยทันทีที่วิกเตอร์ก็เดินลงมา ใบหน้าเขาประดับด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจกับทำนองที่รังสรรค์ออกมาเมื่อครู่
แต่ขณะที่วิกเตอร์กำลังจะเริ่มสนต่อ พ่อบ้านเอซก็เปิดประตูเดินเข้ามากระซิบข้างหูวิกเตอร์ “นายท่านขอรับ แขกที่นัดไว้มาถึงแล้วขอรับ”
“โอ้ ข้าลืมไปเลย ให้ตายสิ เมื่อเช้าข้าเล่นดนตรีเพลินอีกแล้ว” วิกเตอร์โบกมือขวา ท่าทางดูหัวเสียเล็กน้อย “รีบเชิญพวกเขาเข้ามาเลย”
หลังจากพ่อบ้านเอซออกไปตามคำสั่ง วิกเตอร์ก็หันมามองลูเซียนและนักเรียนคนอื่นๆ เผยมือออก ใบหน้าแสดงความเสียใจ “ต้องขออภัยด้วย สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่น่ารัก ข้าลืมไปเลยว่าวันนี้จะมีแขกมาเยือน เราค่อยเรียนกันต่อวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองโมงได้หรือไม่”
วิกเตอร์สุภาพมาก ล็อตต์ เฟลิเซีย แอนนี่ และลูเซียนโกรธเขาไม่ลง เพียงแต่ลูเซียนตัดสินใจจะขอยืมพจนานุกรมภาษากลางจากวิกเตอร์สักสองสามวันขณะที่วิกเตอร์กล่าวขออภัย
แต่ก่อนที่ลูเซียนจะได้พูดอะไร พ่อบ้านเอซก็พาแขกเข้ามาในห้องโถงแล้ว หนึ่งในนั้นคือชายผมสีเงินหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อเชิ้ตสีแดงและแจ็คเก็ตสีดำ ส่วนอีกคนคือชายชราผมสีดอกเลาที่ถือกระเป๋าที่ทำจากไม้มาด้วย
“ท่านไรห์น…” ลูเซียนและเฟลิเซียเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
สองแก้มของเฟลิเซียมีสีแดงเรื่อ แต่ลูเซียนนั้นมีแต่ความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าไรห์น กวีขับลำนำผู้นี้จะกลายเป็นแขกคนสำคัญของนักดนตรีดังอย่างวิกเตอร์
“ไง เฟลิเซีย ไง ลูเซียน” ไรห์นแย้มยิ้มและทักทายด้วยท่าทางสง่างามประจำตัว
เฟลิเซียยิ้มตอบอย่างเก้อเขิน แต่แล้วก็ได้สติ ก่อนจะหันไปมองลูเซียนด้วยความประหลาดใจพร้อมกับล็อตต์และคนอื่นๆ เขารู้จักไรห์นด้วยเช่นนั้นหรือ
“ลูเซียน เจ้ารู้จักท่านไรห์นด้วยหรือ” วิกเตอร์ถามยิ้มๆ
ลูเซียนพยักหน้า “ข้าเคยพบกับท่านไรห์นครั้งหนึ่งขอรับ แต่ข้าไม่คิดว่าจะได้พบกับท่านไรห์นที่บ้านท่านวิกเตอร์เลยขอรับ”
ไรห์นแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มกังวาน “แม้จะเคยพบกันเพียงครั้งเดียว แต่ลูเซียนทำให้ข้าประทับใจอย่างยิ่ง โอ เจ้าได้เรียนหนังสือแล้วจริงๆ อืม ข้าชื่นชมคนหนุ่มที่มีความทะเยอทะยานและช่างฝันที่สุด”
ความเห็นจากไรห์นทำให้ลูเซียนซาบซึ้งจนสั่นสะท้านไปถึงหัวใจ
วิกเตอร์แนะนำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านไรห์นคือคอนเสิร์ตมาสเตอร์ของวงซิมโฟนี ออร์เคสตร้าที่ข้ากำลังร่วมงานด้วย ความเข้าใจเรื่องดนตรีของเขาลึกซึ้งอย่างยิ่ง และเพราะข้าได้พูดคุยกับเขาจึงมีแรงบันดาลใจจนสามารถเขียนโน้ตเปียโนคอนแชร์โตที่น่าพอใจออกมาได้”
‘เขา เขากลายเป็นคอนเสิร์ตมาสเตอร์แล้วเหรอตอนนี้?!’ ลูเซียนแทบจะอึ้งจนอ้าปากค้าง ไม่กี่วันก่อนไรห์นยังพักอยู่ที่ร้านมงกุฎทองแดงแถวสลัมอยู่เลย
หลายวันมานี้ หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างเฟลิเซีย ล็อตต์ และคนอื่นๆ ลูเซียนจึงเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดห้วงจิตและได้เรียนรู้ว่าตำแหน่งแต่ละอย่างในวงซิมโฟนี ออร์เคสตร้าของโลกนี้ โดยรวมแล้วเหมือนกับโลกก่อน และเขาก็ได้รู้อะไรมาเยอะแยะ ทั้งยังเข้าใจว่าตำแหน่งคอนเสิร์ตมาสเตอร์ก็คือนักไวโอลินลำดับที่หนึ่ง และเวลาที่วาทยกรไม่อยู่ เขาจะรับช่วงเป็นผู้ควบคุมและประสานงาน แล้วตำแหน่งสำคัญขนาดนี้กลับมอบให้กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะมาถึงเมืองอัลโต้และแทบไม่เคยซ้อมกับวงเลยเนี่ยนะ
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลูเซียน ไรห์นก็หัวเราะขัน “เพราะว่าคอนเสิร์ตมาสเตอร์คนก่อนตกหลุมรักกับท่านหญิงสูงศักดิ์และหนีตามนางไปอาณาจักรไซราคิวส์เมื่อหลายวันก่อน ข้าจึงได้มาแทนที่ทั้งๆ ที่แทบไม่มีโอกาส”
เฟลิเซียอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแทรก “ถึงแม้คอนเสิร์ตมาสเตอร์คนก่อนจะยังอยู่ ท่านไรห์นก็เก่งพอจะเป็นนักไวโอลินลำดับที่หนึ่งเจ้าค่ะ กับคนในวง เพียงซ้อมให้บ่อยขึ้นก็ใช้ได้แล้ว”
“ใช่แล้ว ท่านไรห์นคือนักไวโอลินที่เก่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมาเลยล่ะ เขามีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับดนตรีในแบบของเขา” วิกเตอร์ก็ร่วมวงชื่นชม “การได้พบกับเขาถือเป็นโชคดีที่สุดสำหรับข้าเลยล่ะ”
ลูเซียนมองไปทางไรห์นที่ยืนยิ้มอย่างมีลับลมคมใน แล้วอดรู้สึกแปลกๆ ในใจไม่ได้ มันดูจะบังเอิญเกินไปที่กวีขับลำนำผู้เพิ่งเดินทางมาจากอาณาจักรไซราคิวส์พร้อมกับฮาร์ปหนึ่งตัว จะกลายเป็นนักไวโอลินลำดับที่หนึ่งของวงออร์เคสตร้าได้ภายในไม่กี่วัน มันเหลือเชื่อและแปลกประหลาดอย่างที่อธิบายไม่ได้
ไรห์นกุมมือขวาแนบอกซ้ายแล้วโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อขอบคุณวิกเตอร์สำหรับคำสรรเสริญเยินยอ ก่อนจะหันไปแนะนำชายชราผมสีดอกเลาข้างตัว “นี่คือท่านซาเวียร์ หนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ปซิคอร์ดที่เก่งที่สุดในอัลโต้ เขาน่าจะช่วยท่านวิกเตอร์ปรับแก้ฮาร์ปซิคอร์ดได้โดยสมบูรณ์” ฮาร์ปซิคอร์ดก็คือเปียโนโบราณที่ใช้การเกี่ยวดึงสายโลหะให้เกิดเสียง
“ยินดีต้อนรับ ท่านซาเวียร์ ที่ต้องเรียกท่านมาก็เพราะฮาร์ปซิคอร์ดในตอนนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของโน้ตเปียโนคอนแชร์โตชิ้นใหม่ของข้าได้ ข้าหวังว่าท่านจะแก้ไขมันได้” วิกเตอร์ทักทายชายชราด้วยความกระตือรือร้น พลางพาไรห์นกับซาเวียร์เดินขึ้นไปยังชั้นสอง โดยไม่ให้โอกาสลูเซียนได้เอ่ยปากขอยืมพจนานุกรม
ทว่า ดูเหมือนว่าวิกเตอร์จะลืมบอกให้พ่อบ้านนำทางลูเซียน แอนนี่ คอลิน และคนอื่นๆ ออกไป ส่วนพ่อบ้านเอซที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูเซียนกับไรห์นเป็นอย่างไรกันแน่ จึงไม่สะดวกใจจะบอกตรงๆ ว่าให้พวกเขากลับไปก่อน ด้วยประการฉะนี้ แอนนี่ คอลิน และคนอื่นๆ ที่สงสัยใคร่รู้ต่างก็เดินตามหลังเฟลิเซียและผู้อาวุโสขึ้นบันไดไปเงียบๆ
ลูเซียนยังไม่ได้ขอยืมพจนานุกรม เขาจึงไม่เต็มใจจะจากไป และเดินตามหลังคนอื่นๆ ไปติดๆ
บนชั้นสอง วิกเตอร์พาไรห์นและซาเวียร์เข้ามาในห้องดนตรีของเขา
“ท่านซาเวียร์ ข้าอยากให้คีย์บอร์ดของฮาร์ปซิคอร์ดไวต่อการสัมผัสจากปลายนิ้วข้ากว่านี้เพื่อที่จะควบคุมความดังได้แม่นยำเป็นอิสระกว่านี้ ผลงานใหม่ของข้าต้องการขอบเขตของเสียงที่กว้างกว่านี้ ต้องทุ้มกังวานและมีพลังกว่านี้ และต้องประณีตชัดเจนขึ้นอีกด้วย” วิกเตอร์บอกความต้องการของตนขณะที่ซาเวียร์เปิดฝาดูภายในฮาร์ปซิคอร์ด ข้างในนั้นคือกลไกหน้าตาซับซ้อน มีทั้งแจ็คดึงสาย และสายมากมายเต็มไปหมด
ตั้งแต่มีการประดิษฐ์ฮาร์ปซิคอร์ดขึ้น ข้อบกพร่องที่มันมีก็ชัดเจนมาตลอด การจะเปลี่ยนระดับความดังของเสียงด้วยการเปลี่ยนน้ำหนักที่ใช้กดคีย์นั้นทำได้ยากมาก เช่นเดียวกับการควบคุมพลังและความแตกต่างของเพลง ทว่า นักดนตรีและผู้ผลิตฮาร์ปซิคอร์ดหลายคนต่างพยายามจะปรับแก้ส่วนนี้ ด้วยการเพิ่มกลไกอื่นๆ เข้าไป เช่น แจ็ค ซาวด์บอร์ด เปลี่ยนแผงคีบอร์ดเพื่อให้สร้างเสียงได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการที่สุด แต่ท้ายที่สุดก็ทำให้มันกลายเป็นเครื่องดนตรีที่แทบควบคุมการเปลี่ยนระดับความดังไม่ได้ และด้วยตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นเหล่านั้น วิกเตอร์จึงอยากจะปรับแก้ฮาร์ปซิคอร์ดเพื่อให้มันตรงกับความต้องการของเขา
ซาเวียร์ขมวดคิ้วมุ่น “ข้าเกรงว่าจะทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้ขอรับ หลังจากมีการพัฒนามากว่าสามร้อยปี ฮาร์ปซิคอร์ดก็มาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว แม้แต่การปรับแก้เพียงเล็กน้อยก็ยากมากขอรับ”
วิกเตอร์กับไรห์นไม่คิดว่าซาเวียร์จะตอบอย่างมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งสองนิ่งเงียบไป โดยเฉพาะวิกเตอร์ แล้วใบหน้าของพวกเขาก็เริ่มซีดเผือด ถ้าฮาร์ปซิคอร์ดไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ ผลงานเปียโนคอนแชร์โตชิ้นใหม่ก็จะนำเสนอออกไปได้ไม่สมบูรณ์ นั่นหมายความว่า ครั้งแรกที่วิกเตอร์จะได้แสดงในหอประชุมบทสวด เขาล้มเหลวตั้งแต่ก่อนจะเริ่มด้วยซ้ำ ทั้งยังจำเป็นต้องแก้และแต่งเพลงขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้
ความเงียบงันเข้าครอบคลุมทั้งห้องครู่ใหญ่ จนเฟลิเซียและคนอื่นๆ รู้สึกเหมือนหลอนว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออก
“ทำไมถึงไม่ดึงสายที่ยึดไว้ขึ้นแล้วเปลี่ยนไปใช้ค้อนเคาะสายแทนล่ะขอรับ” ลูเซียนคิดอยู่นาน ชั่งดูระหว่างผลดีกับผลเสียว่าเขาจะเผยพิรุธอะไรออกไปหรือไม่ แต่สุดท้ายก็โพล่งออกไปเสียงแผ่วเบา
ดูเหมือนว่าโลกนี้จะยังไม่ได้ประดิษฐ์ ‘ราชาแห่งเครื่องดนตรี’ หรือเปียโนสมัยใหม่ขึ้นมา ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของเปียโนโบราณสองชนิด ถ้าเขาช่วยวิกเตอร์ยกเครื่องเปียโนโบราณเป็นเปียโนสมัยใหม่ได้สำเร็จ ไม่แน่ว่าเขาอาจไม่ต้องเสียค่าเรียน และการจะยืมพจนานุกรมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ตั้งแต่ที่ได้ยินความต้องการของวิกเตอร์ ลูเซียนก็เพ่งจิตเข้าไปในห้องสมุด เปิดหนังสือสองเล่มที่ชื่อ ‘การผลิตและจูนเสียงเปียโน’ และ ‘องค์ประกอบกลไกเปียโน’ แล้วรีบกวาดตาอ่านหน้าแรกๆ เพื่อให้เข้าใจพื้นฐาน
ซาเวียร์ถลึงตามองลูเซียนอย่างดุดัน “เช่นนั้นมันจะต่างอะไรกับคลาวิคอร์ดกันเล่า แม้ว่าระดับความดังจะควบคุมได้ด้วยการออกแรงจากปลายนิ้วและความแตกต่างของโน้ตจะชัดเจนขึ้น แต่ระดับเสียงจะแผ่วเกินไป นุ่มเกินไป และบางเกินไป เหมาะเพียงเล่นในบ้าน ไม่ใช่ในหอประชุมบทสวด”
เพราะที่นี่คือเมืองอัลโต้ เมืองแห่งบทสวด เมืองแห่งเสียงเพลง ซาเวียร์ ไรห์น หรือวิกเตอร์จึงไม่ประหลาดใจหรือนึกสงสัยถึงเหตุผลแท้จริงว่าทำไมลูเซียนถึงเข้าใจความแตกต่างระหว่างเปียโนทั้งสองชนิด
————————————————
คอมเม้นต์