เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 122 ทำไมเราต้องตอบแทนความแค้นด้วยความดี

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว!剑仙在此 ตอนที่ 122 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 122 ทำไมเราต้องตอบแทนความแค้นด้วยความดี

ดวงตาแห่งความอิจฉาริษยาหลายสิบคู่จ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน

ไม่มีใครคิดเลยว่าเจ้าแกะดำสมองเสื่อมจะวาสนาดีถึงเพียงนี้

จักรวรรดิเป่ยไห่ตั้งอยู่ทางชายแดนตอนเหนือของดินแดนตงเต้า พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดกับชายทะเล

ทะเลเป่ยไห่

มันเป็นชื่อที่ถูกตั้งตามนามของจักรวรรดิ

แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือห่างไกลออกไปจากเขตแดนของทะเลเป่ยไห่ ก็ยังมีมหาสมุทรใหญ่ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

มหาสมุทรเป่ยไห่

ว่ากันว่ามหาสมุทรเป่ยไห่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมดินแดนจรดฟ้าดิน เมื่อหลงเข้าไปในมหาสมุทรแห่งนี้แล้ว แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่มีทางกลับออกมาได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้น มหาสมุทรเป่ยไห่จึงมีอีกหนึ่งฉายาว่ามหาสมุทรเทพมรณะ

และในน่านน้ำที่ใกล้กับมหาสมุทรใหญ่นั้นเอง ก็มีชาวทะเลอาศัยอยู่บนหมู่เกาะจำนวนมาก

ในหมู่เกาะเหล่านี้ มีเกาะอยู่ 3 แห่งที่ถูกยกให้เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์

ตำนานเล่าขานเอาไว้ว่าเกาะกลางทะเลเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้จากร่างกายของเทพเจ้าที่เสียชีวิต

เกาะเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของจักรวรรดิเป่ยไห่หรือใครก็ตามบนแผ่นดินใหญ่

ชาวทะเลปกครองตนเองอย่างเป็นเอกเทศ

เมืองไป๋หยุนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิเป่ยไห่อย่างไร เกาะศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 แห่ง ก็เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวทะเลอย่างนั้น

ยุคแรกเริ่มที่ก่อตั้งจักรวรรดิเป่ยไห่ ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชาวทะเลกับผู้คนบนแผ่นดินใหญ่อย่างหนักหน่วง ต่อมา ทั้งสองฝ่ายจึงได้เจรจาสงบศึกโดยนำผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ชาวทะเลจะอาศัยอยู่ในทะเล ชาวจักรวรรดิจะอาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกันและกัน นอกจากจะทำการค้ากันบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทั้งสองฝ่ายก็ดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ความสงบสุขเรื่อยมา

ไม่มีใครคิดเลยว่าเฒ่าทะเลคนนี้จะมาจากเกาะตงหลิว ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เกาะศักดิ์สิทธิ์จากมหาสมุทร

จึงไม่ต้องแปลกใจอีกแล้วว่าทำไมชายชราถึงมีลักษณะแปลกประหลาด โดยเฉพาะผมที่ยาวสลวยเหมือนสาหร่ายพันเกลียว เพียงมองดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช่บุคคลบนแผ่นดินใหญ่แน่นอน

การได้เป็นลูกศิษย์ของเกาะตงหลิว นับเป็นโอกาสที่ดีงามในชีวิตของจอมยุทธ์สักคน สถานะเป็นรองก็แต่เพียงลูกศิษย์ของเมืองไป๋หยุนเท่านั้น

เฉาพั่วเถียนทั้งประหลาดใจและอิจฉา อดไม่ได้ต้องเหยียดยิ้มออกมา

“เจ้าเคยหัวเราะเยาะที่ข้าทรยศอาจารย์ของตนเองใช่หรือไม่? โฮะโฮะ ดูซิว่าเมื่อตัวเจ้าเองได้รับข้อเสนอที่ดีงามเช่นนี้ เจ้าจะสามารถปฏิเสธได้ลงคอไหม หลินเป่ยเฉิน ทันทีที่เจ้าคุกเข่ากราบเฒ่าทะเลเป็นอาจารย์คนใหม่ ความยอดเยี่ยมที่เจ้าทำมาเมื่อสักครู่นี้ก็จะถูกลบเลือนไปในพริบตา เจ้าจะกลายเป็นตัววายร้าย ที่ทอดทิ้งอาจารย์ของตัวเองเพื่อผลประโยชน์”

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าก็ได้ยินแล้วว่าติงเล่ยกล่าวว่าอย่างไร เขาไม่ได้ยอมรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะลังเลอยู่ทำไมอีก?” ไป๋ไห่ชินพูดก่อนที่จะหัวเราะเสียงดังสนั่นสวนดอกไม้

ณ โต๊ะอาหารของเจ้าภาพ

หลิงจุนเซวียนกับชินหลันซูพร้อมใจกันจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความสนใจ

ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังวนซ้ำรอยเดิม

ขณะนี้ หลิงอู๋ก็กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยดวงตาเป็นประกาย

เด็กหนุ่มอยากรู้ว่าหลินเป่ยเฉินจะตัดสินใจอย่างไร

ถึงการตัดสินใจครั้งนี้ จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขาก็ตาม แต่หลิงอู๋รู้สึกว่ามันคือการตัดสินใจสำคัญครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บที่แขนของตัวเอง เมื่อหันมามองจึงได้พบว่าน้องสาวกำลังจับแขนเขาแน่นด้วยความวิตกกังวล

ฉู่เหินจ้องมองสลับไปมาระหว่างหลินเป่ยเฉินกับติงซานฉือ ถึงลึกๆ ในใจแล้ว อาจารย์หัวหน้าชั้นปี 2 จะหวังให้หลินเป่ยเฉินปฏิเสธคำเชิญของเฒ่าทะเล แต่ฉู่เหินก็รู้ดีว่ามันเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย เขาไม่ควรร้องขอให้เด็กหนุ่มอายุ 14 ปีต้องทำตัวเป็นคนดีขนาดนั้น

ขณะนี้ ไป๋ชินหยุนกำลังยกมือกอดอกหน้าตาบึ้งตึง

นางไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองจะเครียดไปทำไม

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงไปเรียบร้อยแล้ว

เขายิงฟันยิ้ม

“ข้าน้อยไม่คิดเลยขอรับว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง”

เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงปลื้มปิติ “หลายท่านคงทราบดีว่า ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน ข้าน้อยเป็นคนที่ชาวเมืองเกลียดชังมากที่สุด เมื่อ 20 วันที่แล้ว ยังมีคนไปรวมตัวกันอยู่ที่หน้าทางเข้าสถานศึกษากระบี่ที่สาม เพื่อหวังจะรุมทำร้ายข้าน้อยให้ตกตายเสียตรงนั้น…แต่บัดนี้ อะฮิอะฮิ ข้าน้อยรู้สึกมีความสุขจนเหมือนตนเองกำลังจะลอยได้แล้วขอรับ”

เมื่อได้ยินประโยคเหล่านี้ ริมฝีปากของไป๋ไห่ชินกับเฉาพั่วเถียนก็บิดตัวเป็นรอยยิ้ม

ฉู่เหินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

ไป๋ชินหยุนสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่หลายครั้ง ทำให้หน้าอกไหวกระเพื่อมขึ้นลง นางแอบต่อว่าเด็กหนุ่มอยู่ในใจ “ตอนนี้เจ้าก็เป็นคนที่ชาวเมืองเกลียดชังเหมือนเดิมนั่นแหละ ที่หน้าสถาบันไม่มีใครไปดักรอเจ้าอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากฆ่าเจ้า แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่กล้าไปต่างหาก”

หลิงอู๋ถอนหายใจออกมายาวแรง ก่อนร้องอุทานว่า “ฮื่อ ข้าเจ็บนะ…”

แขนของเขาถูกผู้เป็นน้องสาวจิกเล็บลงไปในเนื้อโดยที่นางไม่รู้ตัว

ติงซานฉือมีสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าอาจารย์ชรา

“อาจารย์ติง ท่านอยากให้ข้าคำนับเป็นลูกศิษย์ท่านเฒ่าทะเลหรือขอรับ?” เจ้าแกะดำไร้ความสามารถถามพร้อมยิ้มกว้าง

ติงซานฉือตอบว่า “เจ้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกหนทางชีวิตของตนเอง”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าและกล่าวต่อ “อาจารย์ติงขอรับ รู้ตัวไหมว่าเพราะเหตุใดท่านถึงหลุดจากตำแหน่ง 1 ใน 5 มือกระบี่คนสำคัญของเมืองไป๋หยุน จนต้องตกอับกลายเป็นอาจารย์ในสถานศึกษาบ้านนอกอย่างนี้ นั่นเป็นเพราะว่าท่านปล่อยให้ผู้อื่นมาขโมยลูกศิษย์ของตนเองได้ง่ายดายเกินไป แล้วแบบนี้ อาจารย์จะทนทานความเจ็บปวดไหวหรือขอรับ?”

ติงซานฉือขมวดคิ้วนิ่วหน้า

แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร หลินเป่ยเฉินก็กล่าวต่อโดยทันที “ที่อาจารย์ต้องเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าอาจารย์ทำตัวเป็นคนดีมากเกินไป”

“เป็นคนดีมากเกินไปอย่างนั้นหรือ?”

ติงซานฉือมีสีหน้าไม่เข้าใจโดยแท้จริง

“หมายความว่าอย่างไรกัน?”

บัดนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าไม่เข้าใจเหมือนติงซานฉือกันหมดแล้ว

มีเพียงไป๋ไห่ชินคนเดียวเท่านั้นที่อดหัวเราะออกมาไม่ได้

เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ เพียงเพื่อจะได้เป็นลูกศิษย์ของเฒ่าทะเล จึงเจตนาพูดประจบเอาใจติงเล่ยจนออกนอกหน้า ไป๋ไห่ชินอยากรู้นักว่า ในตอนนี้ศิษย์พี่ติงของเขาจะรู้สึกอย่างไร

หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น “หากข้าเป็นท่าน ข้าจะไม่มีทางปล่อยเฉาพั่วเถียนไปเป็นศิษย์คนอื่นโดยง่ายเด็ดขาด ก่อนอื่น ข้าจะจับเขาหักแขนหักขา ทำลายวรยุทธ์ทิ้งไปทุกอย่าง แล้วดูซิว่าอาจารย์คนใหม่ของเขา จะยังต้องการตัวเขาอีกหรือไม่ ทำไมอาจารย์ถึงได้ปล่อยเขาไปง่ายดายนัก ในเมื่อเขาทรยศและหักหลังอาจารย์อย่างไม่น่าให้อภัยขนาดนี้?”

“หืม?”

รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋ไห่ชินจางหายไปแล้ว

หลินเป่ยเฉินพูดต่อ “กฎก็คือกฎ ความจริงก็คือความจริง คนที่ไม่เคารพกฎและความจริงจะต้องถูกลงโทษ ไม่สมควรได้รับการให้อภัยโดยง่าย อาจารย์ติงขอรับ ตลอดชีวิตนี้ อาจารย์ทำตัวเป็นคนดีมากเกินไป อาจารย์ใจอ่อนยิ่งกว่าสตรีเสียอีก วันนี้ข้าน้อยมีเรื่องอยากถามอาจารย์ว่า ทำไมเราต้องตอบแทนความแค้นด้วยการทำดีด้วย?”

ติงซานฉือถึงกับตกตะลึงไปแล้วจริงๆ

เกิดความเงียบงันยาวนานในงานเลี้ยงด้านหลังสวนดอกไม้

คำว่าการแก้แค้นด้วยการทำดี เป็นประโยคที่ได้รับการยกย่องเสมอมาจากบรรดามือกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่

มันหมายถึงว่ามือกระบี่ผู้นั้นมีคุณธรรมสูงส่ง

แต่คำพูดของหลินเป่ยเฉินทำให้ทุกคนต้องคิดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งชายหญิง

จริงด้วยสินะ

“ทำไมเราต้องตอบแทนความแค้นด้วยการทำดี?”

ในหัวใจติงซานฉือพลันเกิดความหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว

คำถามนี้เป็นเสมือนคมกระบี่ทิ่มแทงเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของหัวใจเขา

มีความสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวระดับ 12 ริกเตอร์ในหัวใจของชายชรา

แล้วสีหน้าของติงซานฉือก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หัวใจที่มักจะห่อหุ้มด้วยคำว่าคุณธรรมความดีเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา

หลินเป่ยเฉินกล่าวย้ำเสียงดังว่า “คำตอบนั้นเรียบง่ายมากขอรับ เราไม่ควรตอบแทนความแค้นด้วยการทำดี เพราะสิ่งที่เราต้องทำ คือการคืนความยุติธรรมให้กับคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม และเราควรจะทำดีกับคนดีๆ เท่านั้นต่างหาก”

เฮือก!

ในหัวใจของติงซานฉือแทบจะเกิดลำแสงสว่างไสวฉายฉานออกมา

หัวใจของชายชราส่องแสงสว่างยิ่งกว่ายามพระอาทิตย์ขึ้น

กระบี่คุณธรรมในมือชายชราเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของ มันเริ่มสั่นสะเทือนอยู่ในฝักอย่างรุนแรง

ตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมา หัวใจของติงซานฉือถูกย่ำยีครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องเกิดความเจ็บปวดทรมานทุกค่ำคืน แต่ทุกครั้งชายชราเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ทว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้ทุกอย่างในจิตใจของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ติงซานฉือไม่เคยรู้สึกหัวใจปลอดโปร่งเท่านี้มานานแล้ว

แม้แต่พลังลมปราณในร่างกายก็ยังไหลเวียนด้วยความรุนแรงขึ้นมาทันที

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด