ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – ตอนที่ 159 ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณ
“เจวี้ยนเอ๋อร์ เจ้าอยากกินอะไร รีบบอกเถ้าแก่ปู้เร็วๆ เข้า!” หลัวซานเหนียนพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมเอามือโอบบ่าบอบบางของเจวี้ยนเอ๋อร์ด้วยท่าทางผึ่งผายเหมือนชายชาตรี เจวี้ยนเอ๋อร์เป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้สั่ง นางจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนให้รีบบอกสิ่งที่ตนเองต้องการกินไป
เจวี้ยนเอ๋อร์มองไปที่รายการอาหาร ดูเหมือนว่าจะแอบอายที่ต้องพูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมา อาหารทุกอย่างดูน่าอร่อยไปหมด นางจึง… อยากสั่งทุกจาน แต่หากทำเช่นนั้น ทุกคนจะต้องมองนางผิดไปจากเดิมแน่นอน
“เถ้าแก่ปู้… ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณ… คืออะไรหรือเจ้าคะ อร่อยไหม” เจวี้ยนเอ๋อร์ถามเสียงเบา น้ำเสียงของนางอ่อนโยนเหมือนสายน้ำไหล
ปู้ฟางชะงักไปเล็กน้อย ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณรึ นั่นมันอาหารจานใหม่ของร้านมิใช่หรือ เขาได้สูตรนี้มาจากภารกิจงานสมโภชร้อยครอบครัว และยังไม่ได้เปิดดูเลยจนวันนี้ ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดว่าระบบจะใส่อาหารจานนี้เข้าไปในรายการเสียแล้ว
“ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณก็คือทาร์ตไข่เต่าพลังปราณ แน่นอนว่าอร่อยมาก” ปู้ฟางเหลือบมองเจวี้ยนเอ๋อร์แล้วเอ่ยตอบ
ดวงตาของเจวี้ยนเอ๋อร์เป็นประกายขึ้นมาทันที นางเห็นว่าบรรดาพี่สะใภ้ไม่ได้สั่งอาหารจานนี้ จึงอยากลองสั่งมาชิมดู
“เช่นนั้น… ข้าเอาทาร์ตไข่เต่าพลังปราณก็แล้วกันเจ้าค่ะ” เจวี้ยนเอ๋อร์พูดพร้อมชี้นิ้วเรียวยาวไปที่รายการอาหารบนผนัง
ปู้ฟางพยักหน้าจากนั้นก็บอกให้ลูกค้ารอสักครู่ ก่อนเดินเข้าครัวไป
ระหว่างนั้นหยางเฉินก็นำบรรดาพี่สะใภ้ของเขาเดินไปที่โต๊ะ ดูเหมือนว่าพวกนางจะพอใจกับบรรยากาศและการตกแต่งอันแสนอบอุ่นภายในร้านพอตัวเลยทีเดียว
แต่ในความเป็นจริงแล้วหยางเฉินกำลังเหงื่อกาฬแตกพล่าน พี่สะใภ้ของเขาทุกคนเป็นหญิงแกร่งที่มีระดับพลังปราณสูงพอตัว… แต่อาจจะต้องยกเว้นพี่สะใภ้สองนามว่าเจวี้ยนเอ๋อร์ซึ่งเป็นสตรีขี้อายเอาไว้คนหนึ่ง
วันนี้หยางเฉินพาเหล่าพี่สะใภ้ของเขามาเลี้ยงอาหาร สามคนเป็นภรรยาของพี่ชายทั้งสามของเขา ส่วนคนสุดท้ายเป็นภรรยาของลูกพี่ลูกน้องเขา ทุกคนเป็นสตรีตระกูลหยางที่เก่งกล้าสามารถทั้งในกิจการนอกบ้านและในบ้าน
ก่อนหน้านี้เขาชื่นชมความสามารถในการทำอาหารของปู้ฟางให้บรรดาพี่สะใภ้ฟังตลอด วันนี้เพิ่งได้โอกาสพามาเจอของจริงเสียที
ปู้ฟางเดินเข้าครัวไปแล้วเริ่มทำอาหารเรียงตามรายการที่ลูกค้าสั่ง การเคลื่อนไหวของเขาหมดจดเป็นประสิทธิภาพในทุกอณู หลังจากที่ทำอาหารจานเดิมซ้ำๆ ทุกวัน เขาก็ย่อมเคยชินกับกรรมวิธี และสามารถทำอาหารทุกจานได้เร็วขึ้นเป็นธรรมดา
“เสี่ยวอี้ วานยกอาหารออกไปให้ลูกค้าที”
หลังจากที่ทำอาหารแต่ละจานเสร็จ ปู้ฟางจะวางจานไว้ที่หน้าต่างครัวแล้วตะโกนเรียกเสี่ยวอี้ให้มายกไปให้ลูกค้า
ส่วนตัวเขาเองก็จะจดจ่อกับการทำอาหารจานต่อๆ ไป
ไม่นานนักเขาก็ทำอาหารเสร็จทุกจาน ยกเว้นทาร์ตไข่เต่าพลังปราณที่สตรีร่างบอบบางผู้นั้นเป็นคนสั่ง
ถึงปู้ฟางจะคุ้นเคยกับทาร์ตไข่ดี แต่ก็ยังอดงุนงงไม่ได้ที่เห็นอาหารจานนี้ปรากฏขึ้นในรายการอาหาร ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าระบบจะมอบให้แต่อาหารรูปแบบตะวันออกเสียอีก แต่จู่ๆ ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณก็โผล่ขึ้นมาเสียได้
ปู้ฟางล้างมือด้วยน้ำเปล่าแล้วฉีกยิ้มกว้าง เขาจดจ่อจิตใจไปที่การทำอาหาร พลางเริ่มอ่านวิธีการทำทาร์ตไข่ที่ระบบมอบให้
หลังจากที่พึมพำกับตนเองอยู่สักพัก ปู้ฟางก็จำขั้นตอนการทำทุกอย่างได้ขึ้นใจ จากนั้นก็หยิบชามกระเบื้องสีฟ้าขาวชามใหญ่ออกมาจากตู้เก็บจาน
วิธีการทำทาร์ตไข่นั้นซับซ้อนพอตัว ปู้ฟางหยิบอุปกรณ์และวัตถุดิบออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า รวมถึงแป้งสาลี นมหนึ่งถ้วยจากอสูรเวทชนิดใดก็ไม่ทราบได้ นมผงหนึ่งถ้วย และไข่เต่าพลังปราณสองสามใบ
ขั้นตอนแรกคือการทำแป้งทาร์ต ปู้ฟางผสมแป้งกับน้ำ จากนั้นก็ใส่เนยลงไปแล้วเริ่มนวดแป้งให้เป็นก้อน เขาค่อยๆ เทน้ำลงในแป้งแทนที่จะใส่ลงไปทีเดียวทั้งหมด เพื่อควบคุมความแข็งของก้อนแป้ง
เมื่อพื้นผิวของแป้งเรียบลื่นเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เลิกนวด แล้วนำแป้งไปใส่ไว้ในตู้ที่ระบบเตรียมไว้ให้ เพื่อพักแป้งให้เข้าที่
เขารออยู่สักพักแล้วหยิบก้อนแป้งที่พักไว้ออกมา โรยแป้งลงไปบนเขียงเล็กน้อย พลางเริ่มนวดให้แป้งเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมด้วยไม้นวดแป้ง จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในกายในการนวด ทุกครั้งที่เขาพับแป้งเพื่อนวด เขาจะส่งพลังปราณเข้าไปในแป้งเพื่อพลิกก้อนแป้งจากในไปนอก
นี่เป็นวิธีนวดแป้งวิธีเดียวกับที่เขาใช้ในการทำเกี๊ยวที่งานสมโภชร้อยครอบครัว ซึ่งเป็นวิธีนวดแป้งที่เขาคิดขึ้นมาเอง และต้องใช้ความสามารถในการควบคุมพลังปราณได้อย่างเที่ยงแท้ไม่ขาดไม่เกิน
หากเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว โครงสร้างภายในของแป้งจะเริ่มไม่คงที่ จนอาจทำให้แป้งทาร์ตแตกขณะอบได้
หลังจากที่นวดแป้งด้วยวิธีนี้ไปสองถึงสามครั้ง เขาก็ใส่แป้งเข้าไปในตู้อีกครั้งเพื่อพัก จากนั้นปู้ฟางก็หันมาทำไส้ครีมสำหรับทาร์ตไข่
รสชาติของทาร์ตไข่นั้นขึ้นอยู่กับไส้ครีมล้วนๆ
ชายหนุ่มหยิบไข่เต่าพลังปราณออกมา ไข่นั้นเป็นไข่ใบเล็กที่มีลายน่าเกลียดอยู่บนพื้นผิว มีแม้กระทั่งกลิ่นอ่อนๆ ที่ลอยออกจากไข่แต่ละใบ เขาเทนมของอสูรเวทชนิดหนึ่งและนมผงลงในชามกระเบื้องสีฟ้าขาวขนาดใหญ่ จากนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายขาวคุณภาพสูงลงไป แล้วเริ่มตีทุกอย่างให้เข้ากัน
หลังจากที่ผสมวัตถุดิบทั้งหมดให้เข้ากันเรียบร้อย แล้วดูให้แน่ใจว่าน้ำตาลละลายหมดแล้ว ปู้ฟางก็ตอกไข่เต่าพลังปราณใส่ชาม
การตอกไข่นี้ต้องใช้ทักษะเช่นกัน เนื่องจากต้องแยกเอาเพียงไข่แดงเท่านั้น จะปล่อยให้ไข่ขาวตกลงไปในส่วนผสมไม่ได้เป็นอันขาดเนื่องจากจะส่งผลต่อรสชาติ
ปู้ฟางตอกไข่อย่างคล่องแคล่ว ทันทีที่ไข่แดงสัมผัสก้นชาม เขาก็ใช้เปลือกไข่รับไข่ขาวเอาไว้ได้ทันท่วงที ไข่ขาวกับไข่แดงแยกออกจากกันอย่างหมดจดสมบูรณ์
หลังจากที่ใส่ไข่แดงของเต่าพลังปราณลงไปในส่วนผสมเรียบร้อย ปู้ฟางก็เริ่มตีส่วนผสมต่อ
ส่วนผสมเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวนมเป็นสีเหลืองอ่อน และหนืดขึ้นหลังจากถูกตีมาเป็นเวลานาน
ปู้ฟางหยิบตะแกรงออกมากรองเพื่อให้ส่วนผสมนุ่มเนียน จนเหลือเพียงไข่และนมเท่านั้น
จากนั้นเขาก็นำแป้งที่นวดไว้ออกมาจากตู้ แล้วตัดเป็นทรงกลมด้วยทักษะการใช้มีดแสนเยี่ยมยอด
ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าระบบเตรียมพิมพ์สำหรับทำทาร์ตไข่เอาไว้ให้แล้ว
เขากรุแป้งแผ่นกลมบางลงไปในพิมพ์ จากนั้นก็เทไส้นุ่มเนียนตามลงไปตรงกลาง ถือเป็นอันเสร็จกรรมวิธีการเตรียมทาร์ตไข่ก่อนอบให้สุก
ครัวของที่ร้านมีอุปกรณ์ครบครัน ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงสามารถใช้เตาอบในการอบได้ ตอนนี้เหลือเพียงต้องรอเท่านั้น
ปู้ฟางรู้สึกตื่นเต้นพอตัวขณะมองทาร์ตไข่เต่าพลังปราณที่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนสภาพในเตาอบ เขายืนจ้องมันโดยไม่กะพริบตา เฝ้ารอให้ทาร์ตไข่สุกพอดีด้วยความตื่นเต้น
โชคดีที่เตาซึ่งระบบจัดหามาให้นั้นทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ทาร์ตไข่จึงอบเสร็จในเวลาไม่นาน
ทันทีที่ปู้ฟางเปิดเตาอบ กลิ่นหอมของนมและไข่ก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้า
ไข่เต่าพลังปราณที่ยังไม่กนั้นมีกลิ่นหอมหวานน่าหลงใหลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากที่นำมาอบ กลิ่นนั้นก็ทวีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
ปู้ฟางจึ๊ปากด้วยความตื่นเต้น แม้ระดับของไข่เต่าที่ใช้จะไม่สูงมาก แต่กลิ่นที่ได้หลังจากปรุงเสร็จก็จัดว่ายอดเยี่ยมแซงหน้าระดับของมันไปไกล
ชายหนุ่มจัดการถอดทาร์ตออกจากพิมพ์ ได้ออกมาเป็นทาร์ตไข่เต่าพลังปราณชิ้นเล็กกลิ่นหอมฟุ้ง
เขาสูดกลิ่นหอมของอาหารจานนี้เข้าไปเต็มปอด กลิ่นนมจากอสูรเวทที่เลือกใช้นั้นหอมจนไม่อยากเดินหนีไปไหน
ปู้ฟางวางทาร์ตไข่สองชิ้นบนจานกระเบื้องสีขาว ก่อนเดินออกจากครัวมาเอง
บรรดาลูกค้าในร้านกำลังตื่นเต้นกับกลิ่นอาหารที่ลอยออกจากครัว ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ปู้ฟางซึ่งกำลังเดินออกมาจากเงามืดของห้องครัว
ปู้ฟางถือจานกระเบื้องสีขาวอยู่ในมือ จานนั้นมีอาหารหน้าตาประหลาดวางอยู่ข้างบน กลิ่นหอมฟุ้งลอยกระจายไปทั่ว พร้อมด้วยควันขาวที่ลอยอยู่เหนือจาน
“นี่ทาร์ตไข่เต่าพลังปราณที่สั่ง กินให้อร่อย” ปู้ฟางพูดขณะวางจานทาร์ตไข่เต่าพลังปราณลงตรงหน้าเจวี้ยนเอ๋อร์ ผู้ที่กำลังรออยู่ด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาของเจวี้ยนเอ๋อร์เป็นประกายขณะมองไปที่อาหารแสนประหลาดตรงหน้า ทาร์ตไข่นั้นดูทั้งสวยงามวิจิตรและน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม แต่กลับมีกลิ่นหอมหวานน่าหลงใหลเหลือเกิน นางตื่นเต้นมากจนใบหน้าอ่อนเยาว์เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความขวยเขิน
“อาหารจานนี้หน้าตาแปลกดีแท้ เป็นขนมนึ่งหรือ” เจวี้ยนเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย นางเองก็ชอบทำอาหารเช่นกัน และถนัดการทำขนมนึ่งมากที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด ด้วยเหตุนี้นางจึงตื่นเต้นกับทาร์ตไข่ที่หน้าตาเหมือนขนมนึ่งเป็นที่สุด
ปู้ฟางมองหญิงสาวที่ดูเหนียมอายแปลกๆ ก่อนตอบหน้านิ่วคิ้วขมวด “นี่ไม่ใช่ขนมนึ่ง… แต่จะเรียกว่าเป็นของหวานหลังกินอาหารจานหลักเสร็จก็ได้”
“กลิ่นนี้หอมเยี่ยมยอดจริงๆ ขนมนึ่งธรรมดาเทียบไม่ติดเลย… เป็นของหวานหลังกินอาหารเสร็จหรอกหรือ อืม ข้าอยากกินแล้วสิ!” ดวงตาของเจวี้ยนเอ๋อร์หรี่เล็ก ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นอีกครั้ง
“เจวี้ยนเอ๋อร์ เจ้าจะกินหรือไม่กิน หากไม่กินข้าจะกินแทนนะ! มันหอมเกินไปจนข้าอยากกินบ้างแล้ว…” หลัวซานเหนียนพูดเสียงดังลั่นพร้อมจ้องมาที่ทาร์ตไข่จากอีกฟากของโต๊ะ
เมื่อได้ยินคำประกาศนั้น เจวี้ยนเอ๋อร์ก็รีบตาลีตาเหลือกหยิบทาร์ตไข่ขึ้นมาชิ้นหนึ่งทันที ทาร์ตนั้นยังร้อนอยู่จึงทำให้หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย นางเป่าให้ทาร์ตเย็นลงก่อนกัดเข้าไปหนึ่งคำ
คอมเม้นต์