ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – ตอนที่ 224 นี่มันปีศาจจากนรกอเวจีขุมไหนกันนี่

อ่านนิยายจีนเรื่อง ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ตอนที่ ตอนที่ 224 นี่มันปีศาจจากนรกอเวจีขุมไหนกันนี่ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เสียงแห่งท่วงทำนองนั้นไม่ได้ดังก้อง มันกังวานแผ่วเบาเหมือนสายลมอ่อนโยนที่พัดให้กระดิ่งสั่นไหวส่งเสียงเสนาะหู

เสียงนั้นทำให้จิตใจสงบ มันกระเพื่อมออกมาเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเข้าหล่อเลี้ยงจิตใจและทำให้สมองโล่งขึ้น พาให้พลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายไหลเวียนอย่างราบรื่น

นี่คือท่วงทำนองแห่งการตื่นรู้

กลิ่นประหลาดไม่เหมือนใครลอยออกจากร้าน กลิ่นนั้นเบาบางในทีแรกแต่กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับก่อนหน้านี้เป็นเพียงกลิ่นน้ำนมบางเบา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นกลิ่นของทะเลน้ำนมเข้มข้นซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ปู้ฟางชะงัก มู่หลิงเฟิงเองก็เช่นกัน ทั้งสองหันไปมองที่มุมธรรมดาๆ ภายในร้าน ต้นไม้ขนาดสูงกว่าคนเล็กน้อยกำลังสั่นไหวขณะเบ่งบานเต็มที่ อักขระแปลกประหลาดลอยวนอยู่รอบต้น ส่งให้มันดูเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยพลังปราณมากขึ้นไปอีก

กระถางต้นไม้ดินเผาสีเหลืองเองก็เปลี่ยนหน้าตาไปเช่นกัน จากที่ดูเขรอะฝุ่นจับกลับกลายเป็นสีหยกเขียวมันเงาสวยงาม ผิวดินสีเหลืองลอกออกเผยให้เห็นแก่นที่อยู่ภายใน

ผลไม้หน้าตาเหมือนมะนาวขนาดเท่ากำปั้นห้อยลงมาจากต้นตื่นรู้ บนผลนั้นมีรูปเมฆประดับอยู่ เมฆก้อนสุดท้ายกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นกับตา ทันทีที่กระบวนการทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น ต้นตื่นรู้ทางห้าสายก็จะเติบโตพร้อมผลที่สุกอย่างสมบูรณ์ แปลว่าสารัตถะแห่งการตื่นรู้ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแล้ว

เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ขั้นเทพแห่งสงครามก็ยังต้องหน้ามืดด้วยความละโมบ

เปลวไฟในดวงตาของมู่หลิงเฟิงสว่างไสวขึ้นทันที ผลไม้ของต้นตื่นรู้ทางห้าสายสุกงอมเต็มที่แล้ว!

ปู้ฟางเองก็มองผลไม้สีเขียวมะนาวบนต้นตื่นรู้ด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน เขาเคยเห็นผลตื่นรู้ทางสามสายมาก่อน แต่ผลไม้ที่เขาได้มานั้นไม่ได้อยู่ในสภาพยอดเยี่ยมนัก เนื่องจากอยู่ในคลังของจักรวรรดิวายุแผ่วมานานจนพลังกว่าครึ่งสลายหายไป เทียบไม่ได้เลยกับผลไม้สีสว่างสดใสเป็นมันเงาบนต้นไม้ตรงหน้า ที่ห้อมล้อมไปด้วยลวดลายก้อนเมฆส่องแสงสว่างเจิดจ้า

“เถ้าแก่ปู้ ต้นตื่นรู้นี่…ผลของมันสุกแล้วเช่นนั้นรึ”

มู่หลิงเฟิงในชุดสีแดงหันมามองปู้ฟาง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ

แต่ชายหนุ่มก็ต้องชะงักไปเมื่อปู้ฟางไม่ได้สนใจตนแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายกลับจ้องไปที่กิ่งก้านซึ่งกำลังสั่นไหวของต้นตื่นรู้ด้วยสายตาว่างเปล่า

“ระบบตรวจจับได้ว่าผลของต้นตื่นรู้ทางห้าสายสุกดีแล้ว ภารกิจฉุกเฉิน: นายท่านต้องปกป้องต้นตื่นรู้ทางห้าสายให้จงได้ และคิดค้นอาหารจานหนึ่งจากผลไม้นี้ อาหารจานใหม่นี้ต้องผ่านการประเมินจากระบบ รางวัล: สูตรอาหารผัดเต้าหู้เสฉวนสายฟ้า”

ทันทีที่ปู้ฟางเหลือบตาไปมองต้นตื่นรู้ทางห้าสาย ระบบก็ประกาศเสียงเรียบขึ้นในใจเขา จนทำเอาชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย

เขาไม่ได้คาดคิดว่าระบบจะประกาศอะไรออกมาในตอนนี้ แถมยังมอบภารกิจฉุกเฉินให้อีก

“ให้คิดค้นอาหารจากผลต้นตื่นรู้ทางห้าสายเช่นนั้นรึ” มุมปากของปู้ฟางกระตุก

เมื่อต้นตื่นรู้ทางห้าสายโตเต็มที่ บรรดานักรบมากมายก็พากันมาออตรงหน้าร้าน การที่ระบบประกาศภารกิจเช่นนี้ออกมาตอนนี้ ก็เป็นอันชัดเจนว่าตั้งใจจะทำลายความหวังของบรรดาขั้นนักพรตยุทธการที่อยู่ด้านนอกอย่างสิ้นเชิง

การจะทำอาหารจากผลของต้นตื่นรู้ทางห้าสายออกมาให้ผ่านการประเมินของระบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมผลของต้นตื่นรู้นี้มีเพียงสามผลเท่านั้น ซึ่งลำพังตัวเขาเองยังแทบไม่พอใช้

“เถ้าแก่ปู้…” มู่หลิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลามีแววไม่พอใจ ปู้ฟางบังอาจเมินเขาเช่นนั้นหรือ

แต่จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ มู่หลิงเฟิงหันไปมองหุ่นเชิดโลหะที่กำลังต่อสู้กับฝูงชนอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง จากนั้นก็หันไปมองต้นตื่นรู้ทางห้าสายที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงมุมห้อง ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือปู้ฟาง ผู้ที่มีปราณระดับห้าขั้นราชันยุทธการเท่านั้น…

หากเขาจัดการปู้ฟางได้ มิแปลว่าต้นตื่นรู้ทางห้าสายจะกลายเป็นของเขาหรือ

  …

หอกยาวที่ห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่เจ้าขาว ดวงตาของเจ้าขาวส่องแสงสีม่วงสว่างวาบ เศษหินดินทรายระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ

ทุกคนต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ แล้วก็ได้เห็นร่างใหญ่มหึมาเสียจนบดบังดวงอาทิตย์และท้องฟ้าจนหมดสิ้น ร่างนั้นคือมังกรสีดำตัวใหญ่ที่มีชายชราร่างเล็กหลังโกงอยู่บนนั้น

แม้ชายชราผู้นั้นจะตัวเล็ก แต่พลังปราณที่ปล่อยออกมากลับทรงพลังน่าเกรงขามเป็นอันมาก

“เปี้ยนฉางกงรึ” เซี่ยต้าที่ตัวโชกเลือดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นหอกตรงหน้าต้านทานการโจมตีของหุ่นเชิดเอาไว้ได้ หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นได้อีกครั้ง

ชายชราหลังโกงก้าวลงมา เดินเอามือไพล่หลังอยู่บนอากาศแล้วโบกมือเพื่อเก็บมังกรไป มังกรดำหุบปีกก่อนหายตัวไปในแสงสว่างวาบพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง

เปี้ยนฉางกง ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเจ้านั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามที่แข็งแกร่งยิ่ง

“เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสของวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ แต่กลับปล่อยให้ตนเองถูกซ้อมปางตายเหมือนหมาจนตรอก เจ้าทำให้ชื่อเสียงของสำนักอันแสนยิ่งใหญ่ของเราต้องมัวหมอง” เปี้ยนฉางกงตวัดสายตามองเซี่ยต้า ผู้ซึ่งเลือดโชกไปทั้งตัวและแทบเอาชีวิตไม่รอดจากการถูกฟันตัวขาดครึ่ง ชายชราส่งเสียงเยาะเย้ยอย่างโจ่งแจ้ง

จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเรียกหอกกลับมาเข้ามือ พลังกดดันโถมทับฝูงชนที่อยู่ในที่แห่งนี้เอาไว้ยามที่เขาโบกมือ

เปี้ยนฉางกงมองเจ้าขาวตาสีม่วงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เซี่ยต้ามีศักดิ์เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ เขาปล่อยให้หมอนั่นมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

กลิ่นหอมเข้มลอยฟุ้งออกมาจากร้าน พร้อมด้วยท่วงทำนองแห่งการตื่นรู้ที่กังวานก้องไปเกือบทั่วนครหลวง

บรรดาขั้นนักพรตยุทธการที่อยู่ในนครหลวงต่างพากันระเบิดพลังออกมาทีละคนสองคน พวกเขาทนนั่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป…ทำนองแห่งการตื่นรู้ลอยล่องในอากาศ ทำให้ทุกคนรู้ว่าต้นตื่นรู้ทางห้าสายบัดนี้ได้โตเต็มวัยผลิดอกออกผลโดยสมบูรณ์แล้ว และความหวังในการบรรลุขั้นปราณเพื่อเป็นขั้นเทพแห่งสงครามก็อยู่ที่ผลไม้นี้

วืด! วืด! วืด!

เงามากมายพุ่งตัดผ่านนครหลวงมาด้วยความเร็วราวสายฟ้า มารวมตัวกันที่ตรอกเล็กๆ แห่งนี้ทีละคน

จ่านคงกลับไปถึงโรงเตี๊ยมพอดีกับตอนที่อู๋อวิ๋นไป๋กำลังจะหนีออกไป เขายิ้มให้ภาพตรงหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

“ไม่จำเป็นต้องรีบ เราไปด้วยกันดีกว่า ข้าจะเป็นคนเอาผลตื่นรู้ทางห้าสายมาให้เจ้าเอง พอเจ้าบรรลุถึงขั้นสูงสุดของขั้นนักพรตยุทธการแล้ว ข้าจะช่วยให้เจ้าบรรลุระดับแปด” น้ำเสียงของจ่านคงแฝงความอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่ง

อู๋อวิ๋นไป๋มึนงงไม่น้อย ส่วนอาจารย์อาอู่ที่ยืนอยู่ข้างนางก็ได้แต่กะพริบตาปริบ พยายามกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วนบนใบหน้า

ณ จวนตระกูลเซียว เซียวเหมิงใส่ชุดเกราะเงินมันวาวกำลังหวีผมสีดำสนิทของตนอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบหอกขึ้นมา แล้วก้าวเท้าออกจากที่พัก มุ่งหน้าไปยังร้านเล็กๆ ของฟางฟาง

หลังจากคุ้มกันนครหลวงมาเป็นเวลานาน เซียงเหมิงก็รู้สึกว่าเขาสมควรที่จะทำอะไรเพื่อความก้าวหน้าของตนเองบ้าง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะบรรลุระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามเช่นกัน

กระบี่พุ่งตัดอากาศวาบพร้อมพลังกระบี่ที่ปะทุออกมา ชายชราผมขาวหนวดขาวกำลังเหาะอยู่บนกระบี่บินในท้องฟ้าเบื้องบน มุ่งหน้าไปยังตรอกที่ตนอยากจะลบความทรงจำอันเลวร้ายซึ่งเคยเกิดขึ้นออกไปจากสมองเหลือเกิน

หนวดของเทียนซวีจึลุกชันด้วยความหวาดกลัว แม้เขาจะรู้สึกเหมือนตรอกนั้นเป็นฝันร้าย แต่ก็ทิ้งผลตื่นรู้ทางห้าสายและความหวังที่จะบรรลุขั้นเทพแห่งสงครามไปไม่ได้

“ฮ่าๆๆ! นครหลวงมีชีวิตชีวาดีแท้วันนี้ ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าไปรุมทึ้งต้นตื่นรู้ทางห้าสายกันแล้ว จึ๊ๆๆ”

เสียงฝีเท้าลาเหยียบก๊อบๆ ลงบนพื้นของนครหลวงดังแจ่มชัด ชายชราขี้เมานั่งหัวเราะร่าพร้อมดวดสุราไปด้วยบนหลังลาคู่ใจ

หนี่หยันและเยี่ยจึหลิงกลอกตาใส่ตาแก่ขี้เมา ทั้งสองรีบวิ่งแซงอีกฝ่ายไป หายลับไปกับตาอย่างรวดเร็วราวกับเป็นนกกระจอกสองตัว

  …

ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบวาบ แสงสีม่วงเย็นเยียบอาบไปด้วยแรงสังหารปลิดชีพ ทุกคนที่ได้รับอิทธิพลของพลังงานนั้นพากันเสียวสันหลังวาบ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

แขนข้างหนึ่งของเจ้าขาวกลายสภาพเป็นกระบี่เล่มใหญ่ยักษ์ เมื่อโบกสะบัดเพียงเล็กน้อยก็นำมาซึ่งพลังลมคมกริบรุนแรง

เซี่ยต้ามองเจ้าขาวด้วยสายตาพรุ่นพรึง หัวใจของเขาสั่นสะท้าน หุ่นเชิดนี่คือพญามัจจุราชชัดๆ

เปี้ยนฉางกงชี้คมหอกไปที่เจ้าขาวแล้วพูดด้วยเสียงแหบห้าว

“หมอนี่เป็นนักรบจากวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ ท่านพอจะมีเมตตาไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่”

ใบหน้าของเซี่ยต้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขารู้สึกจุกหน้าอกจนพูดไม่ออก เป็นความรู้สึกอดสูที่จะไม่มีวันจางหายไป ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพน่าสมเพชเสียจนต้องให้ตาแก่นี่มาร้องขอความเมตตาให้แล้วหรือ…ช่างน่าทุกข์ระทมอะไรเช่นนี้

เจ้าขาวหันหน้ามามอง แสงสีม่วงในดวงตายังคงเป็นประกายขณะประกาศ “ผู้ใดก็ตามที่หมายสังหารนายท่านจะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก”

ปัง!

จากนั้นเจ้าขาวก็กระทืบเท้า ส่งเศษอิฐเศษปูนบนพื้นให้กระจายไปทั่ว มันพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงเสียจนตาของมนุษย์ยากจะมองเห็น

ม่านตาของเปี้ยนฉางกงหดแคบ ชายชราร้องคำรามเสียงกึกก้อง

“ถ้าเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าล่วงเกินก็แล้วกัน” พลังปราณก่อตัวขึ้นรอบกายเปี้ยนฉางกง รุนแรงยิ่งกว่าพลังของเซี่ยต้าเสียอีก

หอกพุ่งตัดอากาศไปข้างหน้าเหมือนมังกรโบยบิน ทันใดนั้นเค้าโครงร่างของมังกรก็ปรากฏขึ้น มันโบกสะบัดกรงเล็บและแยกเขี้ยวยิงฟัน ลมพายุพัดหมุนหอบเอาเศษอิฐให้โปรยปรายลงมาบนพื้น พลังกดดันที่ถาโถมลงมาน่าสะพรึงกลัวเป็นอันมาก

หอกที่ซัดลงมานั้นทำให้บรรดาขั้นนักพรตยุทธการหายใจไม่ออก

เจ้าขาวยังคงพุ่งไปข้างหน้าเพื่อสกัดการโจมตี แสงสีม่วงในดวงตากะพริบวาบ

จากนั้นมันก็วาดกระบี่ลงมา

วืด วืด!

ตูม ปัง!

เสียงระเบิดดังก้อง หอกรูปมังกรแหลกสลายกลายเป็นเศษซากเหมือนสะพานที่ทรุดทลายลง มังกรที่กำลังร้องโหยหวนอย่างดุร้ายถูกผ่าเป็นสองท่อนด้วยอานุภาพแห่งกระบี่

เปี้ยนฉางกงมือสั่น เขารู้สึกได้ว่าร่างทั้งร่างถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยรังสีสังหารที่ทรงพลังเหลือคณนา ร่างของเขาแข็งทื่อ รู้สึกเย็นวาบราวกับถูกจับโยนลงไปในบึงน้ำแข็ง

บัดซบที่สุด! นี่มันผีห่าจากนรกอเวจีขุมไหนกัน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด