ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – ตอนที่ 234 เถ้าแก่ปู้ผู้แสนเย็นชาคนนั้นหายไปไหนกัน
การบรรลุเป็นขั้นเทพแห่งสงครามเป็นอย่างไรกันนะ
หลายต่อหลายคนสงสัยใคร่รู้เป็นอันมาก เนื่องจากนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แน่นอนว่าจ่านคง เปี้ยนฉางกง และขั้นเทพแห่งสงครามคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจอะไร แต่เซียวเหมิง อูอวิ๋นไป๋ และขั้นนักพรตยุทธการคนอื่นๆ ต่างพากันชะเง้อคอมองด้วยความอยากรู้เป็นล้นพ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะได้เคล็ดลับแห่งการตื่นรู้อะไรกลับมาบ้างจากการสังเกตการบรรลุขั้นปราณของหนี่หยัน
ท้ายที่สุดแล้ว การบรรลุขั้นปราณนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้ฝึกตน แม้ตาแก่ขี้เมาจะเป๋ไปเป๋มาเพราะสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็ง แต่ก็ยังมีสติมากพอที่จะระลึกถึงความจริงข้อนี้ ชายชราขยับตัวมาอยู่ข้างๆ หนี่หยันทันที
“พวกเจ้าทุกคนจงฟังให้ดี การบรรลุขั้นปราณถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากในชีวิตผู้ฝึกตน หากเดินหมากพลาดแม้แต่น้อยอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เกินจะรับไหว จิตหรือวิญญาณอาจบิดเบี้ยวไปเลยก็เป็นได้ ทุกคนควรระลึกถึงความจริงข้อนี้เอาไว้ให้ดี ตาแก่คนนี้อยากขอร้องให้ทั้งร้านเหลือแค่ข้ากับเจ้าหนูสักพัก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดกับนาง” ใบหน้าของชายชราขี้เมาแดงก่ำ เขาเรอออกมาพร้อมกลิ่นสุราคลุ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ปู้ฟางหันไปมองชายชราด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตาแก่นี่เป็นคนเดียวที่ไม่สลบไปภายในหนึ่งจอก
ทุกคนในที่แห่งนี้มีเหตุผลพอตัว แม้พวกเขาจะอยากรู้ว่าการบรรลุเป็นขั้นเทพแห่งสงครามจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็เห็นพ้องต้องกันว่าหากถูกขัดจังหวะ อาจเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงถึงชีวิตอย่างจิตหรือวิญญาณบิดเบี้ยวตามมาได้
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้ฝึกตนหลายคนต้องหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อบรรลุขั้นปราณ
บรรดาฝูงชนเริ่มกระจายตัวออกจากร้านไป ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง อีกทั้งยังหันกลับมามองขณะกำลังก้าวเท้าออกจากร้านด้วย
“ทุกคนโปรดเข้าใจสถานการณ์ยากลำบากของข้าด้วยนะ” ชายชราขี้เมาพูดขณะมองไปยังฝูงชน
ปู้ฟางลูบคางพลางมองตามฝูงชนที่กำลังเดินจากไป ก่อนจะเปิดปากพูด “ไม่ต้องรู้สึกผิดหวังไปหรอก หากพวกเจ้าสามารถหาผลตื่นรู้ทางห้าสายมาได้ในอนาคต ก็นำมาที่ร้านได้ ข้าจะทำประตูมังกรทะยานให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของปู้ฟาง จ่านคงและเปี้ยนฉางกงมองชายหนุ่มด้วยสายตามีความหมาย
ประตูมังกรทะยานนั้นช่วยให้ขั้นนักพรตยุทธการระดับเจ็ดบรรลุเป็นขั้นเทพแห่งสงครามระดับแปดได้ ทั้งยังมีฤทธิ์มากกว่าการกินผลตื่นรู้ทางห้าสายเปล่าๆ อีกด้วย เถ้าแก่ของร้านเล็กๆ แห่งนี้สมควรได้รับความสนใจจากสาธารณะชนมากขึ้นกว่านี้ในอนาคต
แถมไพ่ตายของร้ายเล็กๆ แห่งนี้ยังน่าสะพรึงกลัวมากด้วย อสูรเวทในตำนานในรูปลักษณ์สุนัขตัวน้อย หุ่นเชิดที่แสนแข็งแกร่ง และพ่อครัวฝีมือฉกาจหาตัวจับยาก ควรค่าแก่การจับตามองอย่างที่สุด
พอบรรดาฝูงชนเริ่มสลายตัว ในร้านก็กลับมาโล่งอีกครั้ง
ชายชราเดินเอามือไพล่หลังมาหยุดอยู่ด้านข้างปูฟาง จากนั้นก็คว้าเก้าอี้มานั่ง
เขาหันไปมองหนี่หยันที่กำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การบรรลุขั้นปราณ แล้วก็หันมองปู้ฟาง หรี่ตาลงพลางสูดลมหายใจเข้าลึก
“เถ้าแก่ปู้ สุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งนั้นเป็นสุราชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สุราของข้าก็จัดว่าไม่เลวเช่นกัน นี่คือลมหายใจมังกรของข้า เถ้าแก่ปู้อยากลองชิมดูสักหน่อยไหม”
ตาแก่ขี้เมายกมือขึ้นด้วยท่าทางผ่าเผยจากนั้นก็เพ่งสมาธิ ลำแสงสว่างวาบขึ้นในมือพร้อมน้ำเต้าสีม่วงที่ปรากฏขึ้น
ปู้ฟางชะงักไปทันทีก่อนพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “ลมหายใจมังกรเช่นนั้นรึ”
ชายชราคนนี้เป็นเจ้าของลมหายใจมังกรรึ หรือจะเป็นคนเดียวกับที่หนี่หยันเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นผู้คิดค้นลมหายใจมังกรขึ้นมา
ปู้ฟางมองน้ำเต้าสีม่วงด้วยสายตาตื่นเต้น น้ำเต้านั้นไม่ได้ใหญ่แต่กลับมีแสงสว่างเรืองรองอาบไล้อยู่ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
“ใช่แล้ว นี่คือลมหายใจมังกรที่ข้าทำขึ้นมาด้วยตนเองอย่างยากลำบาก” ชายชราขี้เมาหัวเราะ โบกไม้โบกมืออย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็ส่งน้ำเต้าสีม่วงให้ลอยไปหาปู้ฟาง
ชายหนุ่มรับน้ำเต้าได้อย่างง่ายดาย แต่สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป เนื่องจากต้องออกแรงถือน้ำเต้าเอาไว้ให้มั่นพอสมควรเลยทีเดียว
น้ำเต้านี้หน้าตาดูบอบบางเบาหวิว แต่ความจริงกลับมีน้ำหนักพอตัว
ปู้ฟางเปิดฝาน้ำเต้าออก พลันกลิ่นสุราหอมเข้มก็พุ่งออกมา เหมือนอสรพิษตัวน้อยที่เลื้อยเข้ามาพันเกี่ยวกับจมูกของเขาไม่มีผิด
ปู้ฟางอดเลียริมฝีปากไม่ได้เมื่อได้กลิ่นสุราเข้มข้น
เขายิ้มด้วยความสนอกสนใจ จากนั้นก็ยกน้ำเต้าขึ้นพร้อมแสดงท่าทางเป็นมิตรให้ชายชรา แล้วรีบกระดกน้ำเต้าขึ้นดื่มทันที
อึก อึก!
ลมหายใจมังกรไหลออกจากน้ำเต้ามาเข้าปาก ความรู้สึกจัดจ้านรุนแรงทำให้ใบหน้าของปู้ฟางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง
เพียงจิบเดียวลงท้องก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างลุกเป็นไฟ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าลำคอถูกน้ำร้อนลวก จนทำให้รูขุมขนทุกรูในร่างกายเปิดกว้าง
ราวกับว่าหากผ่อนลมหายใจออกตอนนี้ เขาจะพ่นไฟออกมาได้เหมือนมังกรอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกร้อนผ่าวแหลมคมนี้ยากนักที่จะลืมเลือนได้
“ลมหายใจมังกร จิบเดียวก็ราวกับจะพ่นไฟได้ นี่เป็นสุราชั้นเลิศที่สุดที่ข้าเคยลิ้มลองมาทีเดียว!” ปู้ฟางที่ใบหน้าแดงก่ำแลบลิ้นออกมาขณะเอ่ยปากชม
หลังจากที่ความรู้สึกเผาไหม้ในช่องท้องเบาบางลงแล้ว เขาก็รู้สึกว่าเหมือนมีลมอ่อนโยนของฤดูใบไม้ผลิพัดโชยกลับมาทำให้ทุกอย่างมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ก่อกำเนิดเป็นรสหวานที่ชวนให้หลงใหลเมามาย
หลังจากความรู้สึกชาที่ลิ้นจางหายไป ปู้ฟางก็อดเลียริมฝีปากไม่ได้ เขายังไม่อยากแยกจากรสชาติที่สุราชนิดนี้ทิ้งเอาไว้ในปาก ลมหายใจมังกรนั้นช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทำให้ปู้ฟางนึกถึงประสบการณ์การดื่มสุราจีนฤทธิ์แรงในชีวิตก่อน แต่ลมหายใจมังกรมีรสชาติที่ประณีตลุ่มลึกกว่าสุราจีนที่เคยลิ้มลองมาเป็นไหนๆ
“ฮ่าๆๆ! ลมหายใจมังกรเป็นผลลัพธ์ของการศึกษาคุณสมบัติสุราชั้นเลิศมากมายหลายชนิด แต่น่าเสียดายที่…ถึงอย่างไรก็ยังเทียบชั้นสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งของเถ้าแก่ปู้ไม่ได้” ตาแก่ขี้เมาลูบน้ำเต้าสีม่วงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ทันทีที่หันกลับมามองปู้ฟาง ความมั่นใจนั้นก็เหือดหายไป
เขาใช้เวลานานหลายต่อหลายปีในการคิดค้นสุราชนิดนี้ แต่เถ้าแก่ปู้กลับสามารถกลั่นสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งขึ้นมาได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้…แน่นอนว่าเขารู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบเลยทีเดียว
ปู้ฟางยิ้มเผล่ ฤทธิ์สุราพุ่งขึ้นสมอง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจที่มีแต่กลิ่นเหล้าออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าครัวไป แล้วกลับมาพร้อมสุราหัวใจหยกเยือกแข็งหนึ่งเหยือก ปู้ฟางวางจอกสองจอกลงบนโต๊ะ จอกหนึ่งไว้ตรงหน้าชายชรา อีกจอกไว้ตรงหน้าตัวเอง จากนั้นก็รินสุราลงจอกทั้งสองก่อนเอ่ยตอบ “แม้สุรานี้จะเทียบชั้นสุราตื่นรู้เพลิงน้ำแข็งหรือลมหายใจมังกรไม่ได้ แต่ก็ยังจัดว่ามีคุณภาพเยี่ยมยอด หลังจากที่ได้ชิมลมหายใจมังกรของท่าน ข้าก็รู้สึกได้ทันทีว่าหากได้ดื่มกับมิตรคู่ใจแล้ว พันจอกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อย มาเถิด ชนแก้ว”
หา ชนแก้วรึ
ชายชราทำตามปู้ฟางโดยไม่รู้ตัว เขายกจอกของตนขึ้นมาชนกับจอกของชายหนุ่ม จากนั้นปู้ฟางก็เงยหน้ากระดกสุราหมดจอก พลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ดวงตาของชายชราเป็นประกายพร้อมกระดกหมดจอกเช่นเดียวกับชายหนุ่ม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น
หากได้ดื่มกับมิตรคู่ใจแล้ว พันจอกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อย ถูกต้องที่สุด!
ชายชราและชายหนุ่มชนแก้วกันอีกหลายต่อหลายยกไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนจะกลายเป็นมิตรรักกันไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้
ส่วนหนี่หยันก็เดินทางมาถึงจุดสำคัญของการบรรลุแล้ว พลังปราณเที่ยงแท้ระเบิดออกจากร่างของนางเข้าโอบล้อมร่างกายเอาไว้
แอ๊ด…
ราวกับหนี่หยันได้เปิดประตูบานยักษ์อันแสนคร่ำคร่าออก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยพลังปราณมหาศาลที่ทำให้นางราวกับลอกคราบเป็นคนใหม่ได้ ดวงตาของนางปิดสนิทขณะที่มหาสมุทรพลังปราณที่อยู่รอบกายเริ่มเต้นเร่า
เกราะสวยองอาจสมเป็นวีรสตรีก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างที่แก่นปราณ โอบล้อมไปด้วยม่านหมอกแสนลึกลับ ชุดเกราะนั้นเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า
ที่ผิวเกราะมีก้อนเมฆรูปทรงประหลาดจางๆ ดูสวยงามแปลกตา
ปัง!!
ท้ายที่สุดหญิงสาวก็ลืมตาขึ้น พายุหมุนพลังปราณบนศีรษะค่อยๆ สลายหายไป
และแล้วนางก็บรรลุขั้นปราณได้อย่างราบรื่น
ม่านขนตาของหนี่หยันกระพือเล็กน้อย นางเผยอริมฝีปากออก ผ่อนลมหายใจที่ขจัดเอามลทินในร่างกายออกมา
กริ๊ก!
เสียงจอกกระเบื้องชนกันดังกังวานในอากาศ หนี่หยันที่เพิ่งบรรลุขั้นปราณมาสดๆ ร้อนๆ เงยหน้าขึ้นมองหาต้นตอของเสียง จากนั้นก็เห็นภาพแสนประหลาดที่ทำให้ม่านตาต้องหดแคบลง
นางมองเห็นชายชราหน้าแดงก่ำกำลังกอดคอชายหนุ่มคนหนึ่งเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง ทั้งสองเอาใบหน้ามาแนบกัน ชายชราผู้นั้นกำลังหัวเราะร่าเหมือนคนบ้า
คนทั้งคู่ชนจอกสุราในมือเข้าหากันพลางเงยหน้าขึ้นกระดกสุราหมดจอก
“จะว่าไปเถ้าแก่ปู้ ตาแก่คนนี้หงุดหงิดเกินจะกล่าว! ข้าเกลียดตนเองเหลือเกินที่ไม่ได้เจอเจ้าเร็วกว่านี้ หากได้ดื่มกับมิตรคู่ใจแล้ว พันจอกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อย แต่สำหรับเราสองแล้ว ข้าว่าหมื่นจอกก็ไม่พอ มาเถิด ชนแก้ว!”
สีหน้าของปู้ฟางยังคงดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนเดิม แต่ปากของเขากลับยิ้มกว้าง ใบหน้าแดงก่ำของชายหนุ่มบ่งบอกความในใจอย่างชัดเจน
หนี่หยันตกใจจนไปต่อไม่ถูก เถ้าแก่ปู้…กำลังยิ้มรึ
ผีบ้าอะไรกันนี่!
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นปู้ฟางยิ้ม แต่รอยยิ้มแรกของเขากลับมอบให้บุรุษด้วยกัน…ภาพของเถ้าแก่ปู้ผู้แสนเย็นชาสง่าผ่าเผยในใจนางถึงกับพังทลายลงมาเหมือนหน้าผาถล่ม!
เจ้าคุยกับตาแก่นี่อย่างออกรสออกชาติถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เบื่อจนไม่มีอะไรทำแล้วหรือ
“อ้าว เจ้าหนู บรรลุแล้วรึ มานี่สิ มาให้ข้าแนะนำเถ้าแก่ปู้ให้เจ้ารู้จัก ตั้งแต่วันนี้ไปข้านับเถ้าแก่ปู้เป็นน้องชายข้าแล้ว! หากเจ้าเจอเขาในอนาคต เอิ๊ก ก็อย่าลืมเรียกเขาว่าท่านอาปู้ล่ะ!” ใบหน้าของตาแก่ขี้เมาแดงก่ำขณะประกาศฉายาใหม่ของปู้ฟางให้หนี่หยันฟังอย่างมีความสุข
ปู้ฟางมองหน้าหนี่หยันแล้วยิ้มออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มเองก็แดงเป็นลูกตำลึงไม่ต่างกัน
หนี่หยันมองทั้งสองด้วยสายตาว่างเปล่า ท่านอาปู้…บ้าอะไรกันนี่ ตาแก่ขี้เมาเอ๋ย เจ้ามีหน้าที่คุ้มกันข้าให้พ้นจากอันตราย แต่กลับไปนับญาติหาอาคนใหม่ให้ข้าเสียได้
คอมเม้นต์