ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 92 ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี ตอนที่ 92 ตอนนี้เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยจิ่ง ผู้ที่กำลังทำท่าเหมือนจะจับคนมากินทั้งเป็น

หลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินคำถามของตนแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างที่เดิมทีค่อยๆ สูญเสียสติไป ก็เริ่มปรากฏอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนขึ้น

ทั้งโกรธแค้น เสียใจ ไม่ยินยอม อาวรณ์ เกลียดชัง ระอา ความรู้สึกผิดต่างๆ รวมเข้าด้วยกัน

ทว่าความรู้สึกเหล่านี้ กลับถูกความโกรธกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว

เยี่ยจิ่งกัดฟันกรอด จ้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่ละสายตา ทว่าเขากลับไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่กล่าวซ้ำไปซ้ำมาว่า “เพราะเจ้า…เพราะเจ้า…ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเจ้า!”

เหยียนซวี่ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็ยังคงมีสีหน้าคงเดิม ทว่าส่วนลึกของแววตายากที่ปกปิดความรู้สึกผิดหวัง “คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”

หลังจากที่หาตัวเยี่ยจิ่งพบก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด เพียงแต่บอกกับอีกฝ่ายว่าเขาสามารถช่วยแก้แค้นได้

ทว่าเยี่ยจิ่งจำเป็นต้องร่วมมือกับเขา

หานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานก็มาเพราะมีเยี่ยจิ่งเป็นตัวล่อ กระนั้นการที่หานเซิ่งลงมือ ก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเหยียนซวี่

หากเยี่ยนจ้าวเกอสิ้นชีพในเงื้อมมือของหานเซิ่ง จากนั้นหานเซิ่งก็ถูกยอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงโจมตีสังหาร นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในความคิดของเหยียนซวี่

ถ้าหากจำเป็นต้องลงมือสังหารเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตัวเอง เยี่ยจิ่งก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ทว่าดูจากตอนนี้แล้ว เยี่ยจิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งๆ ที่ชี้แนะอีกฝ่ายไปแล้วว่าให้โยนความผิดเรื่องการตายของหลินอวี้เสาไปให้เยี่ยนจ้าวเกอ…

ถึงกระนั้นเยี่ยจิ่งที่ถูกโทสะเข้าครอบงำ กลับไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดี

ในความคิดของเขา เหตุใดจึงต้องใส่ร้ายป้ายสีเล่า

ทุกสิ่งอย่างในวันนี้ เดิมทีก็ล้วนเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่สร้างขึ้น!

เหยียนซวี่มองเยี่ยจิ่ง ในใจกำลังส่ายหน้า

คนที่ไร้สติจะถูกโน้มน้าวได้ง่าย ทว่าขณะเดียวกันก็สูญเสียการควบคุมได้ง่ายเช่นกัน ทำให้เกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายบางอย่าง

ท่านผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออก ตอนนี้รู้สึกได้อย่างลึกซึ้งถึงความปวดหัวของการมีสมาชิกสุดห่วย

สือเถี่ยมองดูท่าทีของเยี่ยจิ่ง แอบส่ายหน้าอยู่ในใจเช่นกัน

ด้วยผลกระทบจากวิชาสร้างร่างกายขึ้นอีกครั้ง อารมณ์ของเยี่ยจิ่งเปลี่ยนแปลงไปไม่คงที่อย่างมาก ใจร้อน โมโหได้ง่าย ยากที่รักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้

เขาไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหุบเหวปราการมังกรในวันนั้นเลยจริงๆ หรือ?

ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเพียงแค่ไม่ยอมเชื่อมากกว่า

ท้ายที่สุดก็คือไม่ยอมรับ คิดว่าตนเองไม่ควรประสบกับเคราะห์ร้ายอย่างไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังเป็นการประสบเคราะห์ร้ายต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกออีกด้วย

การประสบเคราะห์ร้ายต้องมีคนคิดทำร้ายเขาอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากเยี่ยนจ้าวเกอที่แต่ไหนแต่ไรก็พัวพันกันมาก่อนอยู่แล้ว จะยังมีคนที่เหมาะสมมากกว่านี้อีกหรือ

คิดจากมุมมองหนึ่งแล้ว ความจริงก็เหมือนการโกรธแล้วพาล หาที่ระบายอารมณ์

เมื่อมาถึงตอนท้ายก็รู้สึกว่าตนในฐานะที่เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ไม่มีทางจะก้มหัวให้ผู้ร้ายอย่างเด็ดขาด จะต้องเรียกร้องความยุติธรรมของตนให้จงได้ และนำเคราะห์ร้ายที่ตนประสบมาทั้งหมดคืนให้กับอริของตน

เพียงแต่ว่าในระหว่างที่คอยโน้มน้าวสะกดจิตตนเองไม่หยุดยั้งนั้น อารมณ์ของเยี่ยจิงก็ยิ่งไม่คงที่มากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งความร้อนรนในใจเพิ่มมากขึ้นเท่าไร ไอสังหารภายในใจก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

จากที่เขาคิดว่าตนเป็นผู้เคราะห์ร้าย ก็ค่อยๆ กลายเป็นคนที่พาลโมโหใส่ผู้อื่นทีละนิด อีกทั้งยังไม่เกรงกลัว ไร้ซึ่งเหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ

น้อยครั้งนักที่สือเถี่ยจะเกิดความรู้สึกเสียใจภายหลัง ทว่าตอนนี้เขาเองก็เริ่มกังขาว่าคนที่ตนมองเห็นในตอนนั้น ผู้ที่ตั้งใจจะรับเป็นศิษย์หลังจากการประลองทดสอบ ใช่เยี่ยจิ่งที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จริงหรือ

หลังจากที่ได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ ปฏิกิริยาของเยี่ยจิ่งทั้งหมด ล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของเขา แน่นอนว่าเขามองออก ‘เป็นเพราะเจ้า’ ที่เยี่ยจิ่งเอ่ยออกมาเป็นเพราะความโกรธแค้น ไม่ใช่การยืนยันว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั้นสังหารคน

เยี่ยจิ่งจ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ลดละ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “หากไม่ใช่เพราะถูกเจ้าล่อลวง อวี้เสาจะไม่ไปกับข้าได้เช่นไร!”

เยี่ยนจ้าวเกอก้าวไปตรงหน้าของอีกฝ่าย แล้วก้มมองเขา “ไม่ไปกับเจ้า ก็เลยไม่มีทางจะให้นางไปกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ผู้ใดยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเจ้า ก็เป็นศัตรูของข้า!” เยี่ยจิ่งเปล่งเสียงฮึดฮัด ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ สติและความรู้สึกตัวเลือนหายไปอีกครั้ง

ครั้นได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็มองเยี่ยจิ่งอีก ทว่าน้ำเสียงของเขาสงบนิ่งนัก พอจะทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก “เยี่ยม เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมชดใช้ให้ศิษย์น้องหลินด้วยชีวิตเถอะ”

“เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยถึงนาง หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะเจ้า ทุกสิ่งในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!” เยี่ยจิ่งตะโกนด้วยความโกรธ

ชายหนุ่มกลับไม่ได้สนใจเขาอีก เพียงแต่มองไปที่เหยียนซวี่แทน “เยี่ยจิ่งใช้วิชาฝ่ามือดุสิตไม่เป็นหรอก”

“ถึงแม้ว่าวิชาที่เขาฝึกอยู่ในตอนนี้จะแปลกประหลาดมาก และพลังที่ได้มาจะมีพลังเพลิงอยู่ด้วยก็ตาม แต่นั่นก็แตกต่างจากฝ่ามือดุสิต”

“ท่านผู้อาวุโสเหยียน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้พบศพศิษย์น้องหลินเป็นคนแรก ข้าจึงอยากขอคำแนะนำว่า รอยแผลฝ่ามือดุสิตบนร่างของศิษย์น้องหลินเป็นฝีมือของผู้ใด”

สายตาของสือเถี่ยก็มองไปที่เหยียนซวี่เช่นเดียวกัน

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอและสือเถี่ยจดจ้องอยู่ครู่หนึ่ง เหยียนซวี่ก็ช้อนสายตาขึ้นมองพวกเขา แววตานิ่งสงบยิ่ง “เป็นฝีมือข้าเอง”

เขากล่าวอย่างช้าๆ ว่า “การแย่งชิงของท่านผู้อาวุโสเยี่ยนกับท่านผู้อาวุโสฟางนับวันยิ่งดุเดือดมากยิ่งขึ้น ข้าเกิดผีสิงเข้าชั่วขณะหนึ่ง จึงคิดใช้เยี่ยนจ้าวเกอโจมตีท่านผู้อาวุโสเยี่ยน”

“หากความผิดของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นความจริง นอกจากท่านผู้อาวุโสเยี่ยนจะขายหน้าแล้ว ยังเสียชื่อเสียงเพราะการเลี้ยงบุตรไม่เป็นอีกด้วย”

“คนเช่นนี้จะสามารถรับช่วงตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างไร”

เหยียนซวี่พูดอย่างสงบต่อไปว่า “และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ความรู้สึกของท่านเจ้าสำนัก ท่านผู้อาวุโสสือ รวมถึงยอดฝีมือระดับสูงของสำนักที่มีต่อสองพ่อลูกตระกูลเยี่ยน ก็จะยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”

“เส้นทางการขึ้นครองตำแหน่งของท่านผู้อาวุโสฟางก็จะราบรื่นขึ้นมาก”

“บำเหน็จรางวัลในภายหลัง ข้าก็จะได้รับประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน”

“นี่คือความโลภอันนำมาซึ่งการทำร้าย เป็นความผิดประการแรก”

“นอกจากนั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอผู้ซึ่งเป็นชนรุ่นหลัง ต่อปากต่อคำกับข้าอยู่หลายครั้ง ทำให้ข้าเก็บงำความโกรธเอาไว้เต็มท้อง หากไม่ปลดปล่อยก็อึดอัด จึงตั้งใจทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก เพื่อสั่งสอนเขาสักหน่อย”

“นี่คือความโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจนำมาซึ่งการทำร้าย เป็นความผิดประการที่สอง”

น้ำเสียงของเหยียนซวี่เรียบสงบไร้อารมณ์ “ข้าในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคุมการณ์ กลับกระทำความผิดมากมายนัก จึงยินดีออกจากตำแหน่ง แล้วกลับตำหนักอาญาไปรับโทษ”

“ไม่ว่าทางสำนักจะตัดสินโทษเช่นไร ข้าก็ล้วนไม่มีข้อคัดค้านใดๆ”

“บัดนี้ทางสำนักและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นศัตรูกัน ข้าไม่กล้าทนอยู่ต่อที่ถังตะวันออกอีกต่อไป จึงขอความกรุณาให้ข้าเดินทางไปยังเกาะนภาใต้ที่ซึ่งมีการปะทะกันกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด เพื่อจับและสังหารศัตรู”

“หากได้นำชีวิตแก่เฒ่านี้ไปทิ้งไว้ที่นั่น ก็คงถือได้ว่าเป็นการชดใช้ในความผิดครั้งนี้ หวังว่าท่านผู้อาวุโสสือจะอนุญาต”

สือเถี่ยมองเขานิ่งๆ ไม่รับปากว่าอนุญาตหรือไม่ แม้กระทั่งไม่เอ่ยคำกล่าวใดออกมา

เยี่ยนจ้าวเกอมองเหยียนซวี่ แล้วเปิดปากถามขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโสเหยียน เท่านี้เองหรือขอรับ”

เหยียนซวี่กล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “ข้ายอมรับความผิดทุกอย่างต่อหน้าชนรุ่นหลังอย่างเจ้าแล้ว เสียหน้าจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ แล้วยังจะมีสิ่งใดที่ต้องปิดบังอีกหรือ”

ชายหนุ่มแสยะยิ้ม แววตามีความเย็นเยียบอยู่บ้าง “ความสามารถในการหยิบจับเรื่องใหญ่ละทิ้งเรื่องเล็กของท่านผู้อาวุโสเหยียนนี่ ช่างเป็นสิ่งที่ข้าควรแก่การศึกษายิ่งนัก”

“แต่ว่าข้าอยากจะขอคำแนะนำจากท่านเสียหน่อย ร่องรอยของข้าและพวกท่านผู้อาวุโสสวี เหตุใดจึงตกไปอยู่ในมือของพวกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้หรือ”

สีหน้าของเหยียนซวี่ไม่เปลี่ยนไป “ข้าเองก็สงสัยในจุดนี้มากเช่นกัน”

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้ากำลังจะสื่อว่าข้าจงใจเปิดเผยกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ วางแผนยืมมือคนอื่นสังหารเจ้าย่างนั้นหรือ”

“ข้ายอมรับว่าเรื่องของเจ้า ข้าก็ใจแคบไปอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่คิดจะเอาชีวิตของเจ้าหรอกนะ ข้าไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น”

“ส่วนการที่ข้ามาปรากฎตัวที่นี่ เมื่อครู่ก็ได้กล่าวไปแล้ว ว่ารีบมาเพื่อเป็นกำลังเสริม”

เหยียนซวี่มองเยี่ยนจ้าวเกอ “การที่เจ้าบอกว่าข้าจ้องจะทำร้ายชีวิตของเจ้า นี่เป็นกล่าวอ้างใส่ร้ายให้โทษกับข้าจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเยาะ “หลักฐานแน่ชัดมัดตัว ไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงจะเป็นเรื่องจริง”

สือเถี่ยมองเหยียนซวี่ พลางส่ายหัวไปมาช้าๆ “ท่านผู้อาวุโสเหยียน เห็นข้าปรากฏตัวที่นี่ ท่านยังจะหวังพึ่งโชคอีกหรือ”

สีหน้าของเหยียนซวี่ไม่เปลี่ยนไป ทว่ากลับรู้สึกหนักใจยิ่งนัก

สือเถี่ยเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีกเช่นกัน เพียงแต่นำทุกคนลอดผ่านเมฆหมอก บินผ่านแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ไม่นานนักก็มาถึงสวนแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ลงไปเบื้องล่าง

เมื่อเห็นสวนแห่งนี้ สีหน้าของเหยียนซวี่ก็พลันสลดเล็กน้อยทันที

ด้านนอกสวนมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ ซึ่งเป็นชายชราที่ดูมีกำลังวังชา

ซึ่งนั่นก็คือผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะตะวันออก ที่เมื่อครึ่งปีก่อนมาเยือนถังตะวันออกเพราะเรื่องของเยี่ยนจ้าวเกอ

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาก้มลงคำนับสือเถี่ยครั้งหนึ่ง “ท่านผู้อาวุโสระดับหนึ่ง ในตอนที่พวกเรามาถึง อีกฝ่ายกำลังจะฆ่าปิดปาก มีสองคนที่ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ขอรับ”

“แต่คนอื่นๆ สามารถควบคุมเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว หลังจากไต่สวนเบื้องต้น ก็พอจะยืนยันได้แล้วว่าเหยียนซวี่มีความผิดฐานคบค้าสมาคมกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และเปิดเผยร่องรอยของศิษย์สำนักเราขอรับ”

เมื่อสือเถี่ยลอยตัวลงถึงพื้น เขาก็หันกลับไปมองเหยียนซวี่ “ตอนนี้ เจ้ายังมีอะไรพูดอีกหรือไม่”

………….

Related

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด