ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 690 ไหนเลยจะให้ท่านกลับดำเป็นขาว?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี ตอนที่ 690 ไหนเลยจะให้ท่านกลับดำเป็นขาว? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เยี่ยนจ้าวเกอมองคังฮูหยินและคังจิ่นหยวนสองแม่ลูก จากนั้นก็มองคังผิง อดยิ้มขึ้นไม่ได้ “มากันทั้งตระกูลจริงๆ”

ตอนเห็นพวกคังฮูหยินและฉีเหว่ยครั้งแรก เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจอยู่บ้าง

ตนแม้ว่าจะถูกส่งมายังเกาะจิ่งชิง อยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกล แต่ถึงอย่างไรก็โดยสารเรือนภาร่อนวายุมา

พวกคังฮูหยินมาถึงที่นี่รวดเร็วถึงเพียงนี้ อยู่เหนือความคาดหมายไปบ้าง นี่หมายความว่าหลังจากการต่อสู้ที่เกาะชินเหอและเกาะเทียนอิ้นในตอนนั้นจบลง คนพวกนี้ก็รีบมาที่นี่ทันที

กระนั้นเมื่อมองเยี่ยซิน เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจ

คนของประมุขตงหนานจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ทะเลหวงเจีย ย่อมทำให้พวกเขาสนใจ

ในสายตาของคังจิ่นหยวนเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความคับข้องใจ เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง ส่วนฉีเหว่ยใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่าแลดูเคร่งขรึมถึงขีดสุด

ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ คังผิงที่เหมือนสงบนิ่งมาโดยตลอด

เมื่อถูกสายตาของอีกฝ่ายจับจ้อง เยี่ยนจ้าวเกอพลันรู้สึกจิตใจเหมือนกับสับสนเล็กน้อย ตรงหน้าปรากฏภาพประหลาดมากมาย

เหมือนกับมองสรรพสิ่งค่อยๆ เปลี่ยนไปภายใต้การไหลของเวลา

ตนเหมือนกับติดอยู่ในกระแสเวลา ยากจะดึงสมาธิกลับมา ค่อยๆ ถูกกาลเวลาที่เหมือนกับกระแสน้ำกลืนกิน เปลี่ยนเป็นชินชา

‘คนผู้นี้ฝึกฝนคัมภีร์นภากาลเวลาจนมีความสำเร็จหลายส่วนจริงๆ ด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอระวังตัว แอบใช้ความสามารถของคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดโดยไม่แสดงสีหน้า

จิตใจเขากระจ่าง คนเหมือนคืนสู่ความว่างเปล่า ไม่อาจใช้เวลามานิยามได้อีก

ไร้ด้านหน้าไร้ด้านหลัง ไร้เริ่มต้นไร้สิ้นสุด หายไปในกระแสเวลา

ในดวงตาอันสงบนิ่งของคังผิงฉายประกายอันน่าตื่นตระหนกออกมาในทันใด เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง กลับเห็นสายตาของอีกฝ่ายไร้อารมณ์ใดๆ สงบนิ่งยิ่งกว่าเขา

เจิ้งหมิงแค่นเสียงคำหนึ่ง แสงอัสดงรอบๆ เรือนภาร่อนวายุพลันเจิดจ้าขึ้นกว่าเดิม แทบจะจับตัวกันกลายเป็นของแข็ง

บนผิวเรือมีธารแสงนับไม่ถ้วนไหลเชี่ยว กลายเป็นลวดลายอาคมมากมายลอยขึ้นมา ประกอบกันเป็นม่านแสง ขวางกั้นสายตาของคังผิง

เจิ้งหมิงถามอย่างเย็นชา “ท่านคังคิดจะฆ่าคนบนเรือนภาร่อนวายุหรือ?”

เฉินจื้อเหลียงสีหน้าถมึงทึง ฝ่ายเยี่ยซินประหลาดใจเหลือประมาณ ส่วนเหวินลั่วเสียกับไป๋จื่อหมิงต่างตื่นตระหนก

คังผิงผู้นี้ไม่เพียงมีพลังและระดับสูงส่งเท่านั้น ฝีมือยังอยู่เหนือความหมาย แปลกประหลาดไม่อาจหยั่งคาด

เพียงแค่เคลื่อนไหว ก็ข้ามการป้องกันของเรือนภาร่อนวายุ เกือบฆ่าคนไปแล้ว

แสงจากของวิเศษคุ้มกันบนเรือนภาร่อนวายุเมื่อครู่ไม่ได้ถูกกระตุ้นถึงขีดสุดจริงๆ แต่ก็แข็งแกร่งมาก

แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นยังไม่อาจทำได้ ต่อให้ต้องการ จะมีสักกี่คนที่จะทำได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้?

คังผิงมองเรือนภาร่อนวายุที่ถูกแสงอัสดงครอบคลุมไว้โดยสิ้นเชิงเหมือนกับลูกกลมแสงขนาดยักษ์ สายตาสงบนิ่งอีกครั้ง ไม่มีแววประหลาดใจแม้แต่น้อย

เขาตอบอย่างราบเรียบ “ขอแจ้งให้ท่านทั้งสองรู้ว่า เด็กน้อยแซ่เยี่ยนผู้นี้ได้สังหารศิษย์พี่ร่วมสำนักของข้า เกือบจะทำลายชีวิตบุตรของข้า ข้าต้องการให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล”

เจิ้งหมิงกล่าวอย่างเย็นชา “ระหว่างพวกท่านมีแค้นต้องชำรับ ข้าไม่ขอก้าวก่าย แต่สหายเยี่ยนผู้นี้ขณะนี้อยู่บนเรือ ถือเป็นแขกของตงหนาน หากท่านคังลงมือข้ามเรือนภาร่อนวายุ ถือว่าเลยเถิดเกินไป”

คังฮูหยินกล่าวเสียงเบาขึ้นด้านข้าง “เมื่อครู่สามีข้าวู่วามไปบ้าง ได้โปรดอภัยให้ด้วย เพียงแต่ความคับข้องของสามีข้ากลับไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัว”

“ค่ายกลที่รบกวนใยดินได้แม้จะมีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งหรือสอง ก่อนหน้านี้เหตุใดท่านจึงคิดว่าเป็นค่ายกลบูชาฟ้าเล่า?”

“คาดว่าคงจะเป็นเพราะการยุแยงของเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้”

นางกล่าวอยางเยือกเย็น “พวกเราไม่ได้อยากคาดเดาส่งเดช แต่เป็นเพราะเคยเห็นเด็กน้อยผู้นี้มีของวิเศษอย่างผลึกปอดแดนทะเล เครื่องหอมบรรจุฟ้า ดินกำเนิดจักรภพ ของเหล่านี้เป็นของที่เอาไว้วางค่ายกลบูชาฟ้า เขาคิดจะทำอะไร พวกเราก็อยากรู้เช่นกัน”

“ร่องรอยและแผนของเขาถูกเปิดโปง จึงฆ่าศิษย์ในสำนักของเรา ตอนนี้วกกลับมาแว้งกัด ปิดบังเจตนาของตัวเอง ขอให้ท่านพิจารณาด้วย”

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงที่อยู่บนเรือสบตากัน

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางส่ายหน้า สีหน้าไม่ยินดียินร้าย

เฉินจื้อเหลียงมองเยี่ยซิน คิดเอ่ยปากถามบางอย่าง กลับสั่นศีรษะไม่กล่าวอะไรอีก

ด้วยความแตกต่างด้านระดับพลังของทั้งสองฝ่าย ต่อให้คังผิงคิดทำอะไร เยี่ยซินไม่มีทางรู้

ต่อให้ก่อนหน้านี้ที่นี่จะเป็นค่ายกลบูชาฟ้า ในสถานการณ์ที่คนมีแผนการคิดเล่นงานคนไร้แผนการ สิ่งที่เขามีคือวิธีที่ทำให้เยี่ยซินคิดว่านั่นเป็นค่ายกลต้นปฐพีกำเนิด

เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงปวดศีรษะเล็กน้อย

ด้านในหุบเขามีแต่ความว่างเปล่า ค่ายกลก่อนหน้าหายไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนไม่มีหลักฐาน สถานการณ์ในตอนนี้กลายเป็นการฉีกหน้าระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องช่วยเหลือเยี่ยซิน ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ พวกเจิ้งหมิงแม้ในใจจะเต็มไปด้วยข้อสงสัย กลับไม่อาจสืบสาวมากเกินไป

ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกคังผิง เจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงตอนนี้ไม่อาจเข้าข้างฝ่ายไหนได้

เรื่องที่เยี่ยซินรายงานเมื่อครู่ ทำให้ผู้เป็นอาจารย์กับผู้เป็นอาจารย์ลุงอย่างพวกตนปวดศีรษะยิ่ง

สถานการณ์เหมือนจะวุ่นวายและยุ่งเหยิงกว่าเดิมแล้ว

ทางด้านเขตเหยียนเทียนทิศใต้มีแอบเข้ามา วางแผนคิดร้าย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเยี่ยซินเป็นศิษย์สายตรงของลูกศิษย์แห่งประมุขตงหนาน ยังคงคิดลงมือสังหาร แผนการย่อมไม่ธรรมดา

หากพูดในอีกมุมหนึ่ง ถึงขั้นน่ากังวลกว่าเรื่องค่ายกลบูชาฟ้าเสียอีก

เจิ้งหมิงหันมามองเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ต่อจากนี้สหายเยี่ยนเตรียมไปที่ใด? พวกเราร่วมทางกันสักพักเถอะ”

ขณะมองอัจฉริยะหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้ เจิ้งหมิงยังเกิดความรู้สึกนิยมผู้มีความสามารถ คิดจะช่วยคุ้มครอง

ถ้าหากปล่อยปละละเลย ยอมให้พวกคังผิงแก้แค้น เจิ้งหมิงรู้สึกว่าต่อให้คนหนุ่มผู้นี้มีความสามารถขนาดไหน ก็ต้องตกตายที่นี่

ถึงอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างระหว่างระดับมากเกินไป

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงความหวังดีของเจิ้งหมิง พยักหน้ายิ้มขอบคุณ

แต่ว่าเขาไม่คิดจะจากไปเช่นนี้

“ขอให้ท่านทั้งสองช่วยข้าอีกแรง ความจริงของเรื่องราวไหนเลยจะปิดบังได้ง่ายๆ เช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ต่อยหมัดใส่ค่ายกลที่อยู่บนเรือนภาร่อนวายุ

เจิ้งหมิงดวงตาเป็นประกาย รู้สึกได้ว่าค่ายกลปฐพีหวนคืนที่ตนสร้างไว้บนศีรษะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ความน่าอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เจิ้งหมิงมีความรู้สึกได้เปิดหูเปิดตา

ค่ายกลปฐพีหวนคืนเป็นเขาวางไว้ ในด้านวิถีแห่งค่ายกลตัวเขาเองก็มีความสามารถไม่ธรรมดา หลังจากใคร่ครวญอย่างละเอียดก็เริ่มรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเเกอคิดทำอะไร

หลังจากลังเลเล็กน้อย เจิ้งหมิงหมิงก็ปล่อยให้เยี่ยนจ้าวเกอกระทำต่อ อีกทั้งยังช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง

บนค่ายกลปฐพีหวนคืนมีธารแสงหลายสายพุ่งขึ้นฟ้า หลุดจากเรือนภาร่อนวายุ สาดไปที่หุบเขาเบื้องล่าง เกิดเป็นละอองแสงระยิบระยับ

ฉีเหว่ยเห็นดังนั้น บนใบหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง “รีบห้ามเขา!”

เพิ่งพูดออกไปค่อยรู้ว่าทำไม่ได้ นั่นเท่ากับเป็นการสารภาพออกมาเอง

ละอองแสงคลุมหุบเขา ในหุบเขาค่อยๆ ปรากฏภาพมายาขึ้น

ด้านในเงาแสง ค่ายกลที่ยิ่งใหญ่และลี้ลับอันหนึ่งหมุนวน แท่นบูชาแท่นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางค่ายกล

เฉินจื้อเหลียงเห็นภาพนี้ พึมพำกับตัวเอง “นี่มีใช่รูปร่างของค่ายกลต้นปฐพีกำเนิด แท่นบูชานั้นใช้เพื่อบูชามารดาแห่งแผนดินชัดๆ…”

ละอองแสงคืนสภาพค่ายกลที่เคยอยู่มาก่อนในหุบเขา ถึงแม้จะเป็นภาพมายา กลับเหมือนเงาแสงเหลือร่องรอยไว้

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกว้าง “ไหนเลยจะให้พวกท่านกลับดำเป็นขาว?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด