ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 110 แผนการใหญ่
“รับรางวัลหรือ…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ข้าได้รับการให้ความสำคัญจากสำนักมากกว่าศิษย์ปกติ มีสิทธิพิเศษมากกว่า เวลาที่สำนักต้องการข้า ก็สมควรแล้วที่ข้าจะออกแรงช่วยเหลือ”
สือเถี่ยที่นั่งอยู่ชั้นล่างในตำแหน่งถัดจากหยวนเจิ้งเฟิงกล่าวว่า “เจ้ามีใจคิดเช่นนี้ก็ดีแล้ว แต่ทางสำนักแบ่งแยกเรื่องโทษทัณฑ์และรางวัลอย่างชัดเจน เมื่อสมควรบำเหน็จก็บำเหน็จ และจะไม่เอาเปรียบลูกศิษย์ทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอคำนับครั้งหนึ่ง “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ปู่ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ลุงใหญ่ขอรับ”
หยวนเจิ้งเฟิงพูดว่า “บำเหน็จจะเป็นอะไรนั่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้มาคุยเรื่องที่สำคัญกว่านี้กันก่อน”
สายตาของชายชราจริงจังขึ้นเล็กน้อย เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าได้ยินเยี่ยนตี๋พูดว่า เจ้าเล็งเป้าหมายไปที่เขานิมิตเมฆแห่งเขาไร้พรมแดนหรือ”
เขานิมิตเมฆตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของภูผาพิภพ ห่างไกลจากเขาไร้พรมแดนพอสมควร ทว่ากลับได้รับความสำคัญจากเขาไร้พรมแดนมาโดยตลอด
ภายในเขานิมิตเมฆผลิตแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีค่ามาก มีชื่อว่า ‘ศิลาวิญญาณลึกล้ำ’
ทั่วทั้งโลกแปดพิภพ มีเพียงเขาไร้พรมแดนและเขานิมิตเมฆ สองแห่งเท่านั้นที่มีของสิ่งนี้
พลังลมปราณหลักของเขาไร้พรมแดนมีชื่อว่า ‘พลังวิญญาณลึกล้ำ’ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเหมือนกับปราณบริสุทธิ์ของเขากว่างเฉิง และปราณสุริยะของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
ความเกี่ยวพันของพลังวิญญาณลึกล้ำและศิลาวิญญาณลึกล้ำ จะต้องไม่ใช่ความบังเอิญธรรมดาแน่นอน
อานุภาพของพลังวิญญาณลึกล้ำนั้นรุนแรงมหาศาล มีพลังที่แข็งแกร่งรุนแรงถึงที่สุด กระนั้นระดับความยากในการฝึกฝนก็สูงมากเช่นกัน
ในอดีต อาจารย์ปู่ผู้บุกเบิกสำนักเขาไร้พรมแดนค้นพบศิลาวิญญาณลึกล้ำเข้าโดยบังเอิญ และพบว่ามันสามารถช่วยเขาฝึกฝนพลังวิญญาณลึกล้ำได้ จึงยึดเขาลูกนั้นไว้ จากนั้นก็เปิดสำนักวรยุทธ์ขึ้นที่นั่น ซึ่งก็คือที่มาของสำนักเขาไร้พรมแดน
แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไป ศิลาวิญญาณลึกล้ำที่เขาไร้พรมแดนผลิตได้น้อยลงเรื่อยๆ โชคดีที่ภูผาพิภพยังมีเขานิมิตเมฆที่ยังมีการผลิตของล้ำค่านี้อยู่
ถึงกระนั้นจวบจนปัจจุบัน ศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขาไร้พรมแดนเองก็หมดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ส่วนแหล่งแร่ที่อยู่ที่เขานิมิตเมฆนับวันก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ใกล้จะหมดลงทุกที
ถึงจะไม่มีศิลาวิญญาณลึกล้ำแล้ว จอมยุทธ์ก็ยังคงสามารถฝึกฝนปราณวิญญาณลึกล้ำได้อยู่ดี ทว่าระดับความยากก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ระดับความก้าวหน้าในการฝึกฝนก็จะกลายเป็นช้าลงด้วย
เรื่องนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในความหนักใจที่สุดเรื่องหนึ่งของเขาไร้พรมแดน
หลายปีมานี้ เขาไร้พรมแดนทั้งเสาะหาสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำแห่งใหม่ พร้อมทั้งรวบรวมยอดฝีมือในสำนักมาปรับแก้วิชาพลังวิญญาณลึกล้ำไปพร้อมกัน
เรื่องแรกนั้นไม่มีความคืบหน้าใดๆ ส่วนเรื่องหลังแม้จะมีความคืบหน้า แต่ก็เป็นความคืบหน้าที่มีจำกัด
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยนจ้าวเกอหมายตาเขานิมิตเมฆอยู่ หยวนเจิ้งเฟิงและคนอื่นๆ ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าจริงจัง “ยังไม่กล้าฟันธงนักขอรับ จำเป็นต้องไปดูสถานที่จริงที่เขานิมิตเมฆก่อน ถึงจะสามารถตัดสินชี้ขาดได้ แต่ถึงอย่างไรที่นั่นก็เป็นโอกาสอันดีโอกาสหนึ่งขอรับ”
ชายหนุ่มหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองหยวนเจิ้งเฟิง และยังมองคนอื่นๆ ด้วย “ไม่สามารถขจัดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ออกจากการทดสอบแห่งจันทรากายได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
สำหรับคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ หยวนเจิ้งเฟิงและคนอื่นๆ ไม่ได้ถือโทษโกรธแต่อย่างใด ภายในแววตาถึงขั้นเผยความชื่นชมอยู่หลายส่วนอีก
ฟางจุ่นกล่าวว่า “เดิมทีคิดว่าจะร่วมมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นๆ กีดกันสตรีแห่งจันทราของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทราครั้งนี้ แต่หอคลื่นโหมและเขาไร้พรมแดนล้วนไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ จึงทำอะไรไม่ได้”
“สตรีแห่งจันทราของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จะยังคงเข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทราที่จะถึงนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย
ภายในสำนักเขาไร้พรมแดน ที่จริงแล้วมีปัญหาความเห็นไม่ลงรอยกันมาโดยตลอด
ภูผาพิภพก็ดูเหมือนจะรอคอยโอกาสอันเหมาะสมอยู่ จึงยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรนภานที นั่นก็คือเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกต อีกทั้งพันธมิตรอัศนีอัคคี นั่นก็คือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์เอาไว้
แต่ตัวพวกเขาเองไม่เคยที่จะละทิ้งการขยายอำนาจเลย คิดจะสับเปลี่ยนกันเป็นผู้นำ
ถ้าจะพัฒนาขยายตัว ก็ต้องมีเป้าหมายและทิศทาง จากพื้นที่ภูมิศาสตร์ของภูผาพิภพนั้น ทางเหนือและตะวันตกล้วนแต่เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเท่านั้น ฉะนั้นหากจะไปทางตะวันออกก็จะเจอกับตำหนักอัสนีสวรรค์ หากลงไปทางใต้ก็จะเจอกับเขากว่างเฉิง
สำหรับพวกเขาแล้ว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือเขากว่างเฉิงที่ยิ่งใหญ่เกินไปนั้น ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากเห็น ส่วนจะมีไมตรีต่อเขากว่างเฉิงดี หรือจะมีไมตรีต่อสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ดี ภายในของเขาไร้พรมแดนมีการถกเถียงกันมาโดยตลอด
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ศิษย์ได้สืบค้นจากคัมภีร์โบราณพบว่า ไม่ว่าจะเป็นปราณวิญญาณลึกล้ำหรือจะเป็นศิลาวิญญาณลึกล้ำ ต่างก็เป็นสิ่งที่มีอยู่ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ หลังจากนี้ศิษย์จะเดินทางไปที่เขานิมิตเมฆของภูผาพิภพ เพื่อศึกษาดูพื้นที่นี้อย่างจริงจัง อาจจะได้อะไรมาบ้าง”
การทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สาม หากมงกุฎจันทราตกไปอยู่ในมือของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเขากว่างเฉิงแล้ว ถ้าสามารถดึงเขาไร้พรมแดนให้มาเข้าพวกกับตนได้ เห็นได้ชัดว่าสำคัญอย่างยิ่ง
ส่วนจะเป็นการเลี้ยงเสือไล่หมาป่า ทำให้เขาไร้พรมแดนเติบโตจนกลายเป็นภัยหรือไม่นั้น เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าใดนัก เพราะภายในใจของเขามีแผนรับมืออยู่แล้ว
หญิงชราคนหนึ่งด้านซ้ายของหยวนเจิ้งเฟิงกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “อย่างไรเสียเจ้าก็สังหารหลานของพานป๋อไท่ แล้วยังมีส่วนสำคัญในสงครามถังตะวันออกครั้งนี้อีก มีความเป็นไปได้มากนักที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะจับตามองเจ้าอยู่ แม้ว่าครั้งนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะแพ้ราบคาบกลับไป แต่การจะลอบสังหารปรมาจารย์คนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด”
“หากยังอยู่ในนภาพิภพก็ว่าไปอย่าง แต่จะให้เจ้าไปภูผาพิภพเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยนัก ส่วนเรื่องเกี่ยวกับศิลาวิญญาณลึกล้ำของเขานิมิตเมฆ ให้คนอื่นไปแทนเจ้าไม่ได้หรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เป็นห่วงขอรับ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่ท่านผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ด้วย หากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะเขลาถึงขั้นยอมตกหลุมพรางถึงสองครั้งแล้วละก็ ครั้งนี้พวกเราก็ดึงคนของพวกเขาเอาไว้ดีหรือไม่ขอรับ”
หญิงชราผู้นั้นขมวดคิ้ว “จะซุ่มโจมตีอีกครั้งหรือ เจ้าอายุน้อยนิด คิดว่าตนสิ้นชีพไม่ได้หรืออย่างไร”
ฟางจุ่นกล่าวว่า “อย่างน้อยๆ ก่อนที่จะนำมงกุฎจันทรามาได้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงไม่กล้ากระทำการสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเขาก็กังวลว่าสำนักเราจะซุ่มโจมตีอีกเช่นครั้งเช่นกัน ต่อให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ชิงมงกุฎจันทรามาได้ แต่ในสถานการณ์ที่เขาไร้พรมแดนยังมีเจตจำนงไม่ชัดเจน พวกเขาก็คงไม่กล้ากระทำสิ่งใดในแผ่นดินภูผาพิภพเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการผลักเขาไร้พรมแดนให้มาอยู่ฝั่งพวกเรา”
“สิ่งที่เป็นภัยคุกคามจริงๆ ก็คือ ถ้าหากหวงกวงเลี่ยออกฌานครั้งนี้แล้ว เขาได้เลื่อนระดับขึ้นไปอีกขั้น เวลานั้นจึงจะเป็นเวลาที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะเอาคืนของจริง” เสียงของฟางจุ่นทุ้มต่ำเล็กน้อย “พอถึงตอนนั้น คิดว่าคงเป็นสงครามที่รุนแรงมากยิ่งกว่านี้ อาจจะเป็นสงครามเต็มรูปแบบเลยก็ว่าได้ ดังนั้น ตอนนี้จึงต้องทำการเตรียมการให้พร้อม เพื่อเพิ่มโอกาสชนะให้กับสำนักของเรา”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวว่า “ครั้งนี้เล่นงานสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไปไม่เบา นั่นก็เพื่อทำให้การเคลื่อนไหวต่อจากนี้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ใช่กลับยิ่งต้องดูหน้าดูหลังมากขึ้น”
“จ้าวเกอ หากเจ้าจะไปภูผาพิภพ นั่นก็ย่อมได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ห้ามเดินทางโดยลำพัง”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านอาจารย์ปู่ ข้าเข้าใจขอรับ”
หยวนเจิ้งเฟิงยิ้มพลางกล่าวว่า “เอาละ มาคุยเรื่องที่จ้าวเกอชอบฟังกันบ้างดีกว่า”
เขามองไปที่สือเถี่ย สือเถี่ยก็ผงกศีรษะ “ในช่วงกลางและท้ายของสงครามถังตะวันออก จ้าวเกอรู้ทันแผนการของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังยอมเอาตัวเองเข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อติดกับ”
สือเถี่ยหันศีรษะกลับไปมองเยี่ยนตี๋อยู่แวบหนึ่ง “คราวนี้พวกข้าได้บุกเข้าไปถึงอัคคีพิภพ อาวุธที่ยึดมาได้มีของเจ้าด้วยส่วนหนึ่ง ไว้เจ้าไปรับจากศิษย์น้องเยี่ยนทีหลังเองก็แล้วกัน”
เยี่ยนตี๋ยิ้ม “พวกเรายังไม่ทันถึงอัคคีพิภพ เจ้านี่ก็ถามหาแล้วละ”
หยวนเจิ้งเฟิงและคนอื่นๆ ต่างก็พากันหัวเราะ เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่อาย และไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
สือเถี่ยพูดต่อไปว่า “อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าช่วยชีวิตจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเอาไว้หลายครั้ง และยังช่วยเขายึดอำนาจการควบคุมค่ายกลเมืองฉากตะวันกลับมาปกป้องถังตะวันออกเต็มกำลัง ถังตะวันออกจึงไม่สูญสิ้นไปเพราะเหตุนี้ จึงสมควรได้รับบำเหน็จจากสำนัก”
“หลังจากนั้นยังหลอกล่อจนจับหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานเอาไว้ได้ นับว่าเป็นการอุทิศตนเพื่อการจัดการขุมกำลังเบื้องหลังของเขาในขั้นต่อไปอย่างมาก”
“ความดีความชอบสามเรื่องนี้ ความตั้งใจเดิมของสำนักแท้จริงแล้วจะให้อาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่งกับเจ้า” สือเถี่ยมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่ว่าตอนนี้เจ้าเองก็มีอาวุธวิญญาณอยู่แล้วอย่างน้อยสองชิ้น อีกทั้งสมบัติของเหยียนซวี่ก็ให้เจ้าเป็นผู้จัดการ เจ้าไม่ขาดแคลนอาวุธวิญญาณ แม้กระทั่งดูจะมีมากเกินแล้วด้วยซ้ำ”
จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ไม่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของอาวุธวิญญาณได้ แค่ขับเคลื่อนได้ชิ้นหนึ่งก็เกินตัวมากแล้ว มีมากเกินไปก็มีแต่ไว้ใช้สำรองเท่านั้น เพราะยากที่จะขับเคลื่อนพร้อมกันได้
เหมือนตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในหุบเขาวายุวิญญาณ เขาใช้เพียงกงจักรเพลิงสุริยะเท่านั้น ส่วนกระบี่วิญญาณมังกรมรกตจริงๆ แล้วใช้เพื่อสร้างค่ายกลย้อนกลับ
สือเถี่ยกล่าวว่า “ดังนั้นทางสำนักจึงตัดสินใจบำเหน็จเจ้าให้เข้าพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลน[1]!”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มทันที
………………..
[1] กิเลน เป็นสัตว์มงคลชนิดหนึ่งในเทพนิยายของจีน ตามตำนานจีนกล่าวว่ามีรูปร่างเหมือนกวาง แต่มีเขาเดียว หางเหมือนวัว หัวเป็นมังกร เท้ามีกีบเหมือนม้า
Related
คอมเม้นต์