ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 487 อยากดื่มน้ำ ไม่อยากแบกหาม

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี ตอนที่ 487 อยากดื่มน้ำ ไม่อยากแบกหาม อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บนทะเลตะวันออกยังคงเต็มไปด้วยควันไฟ

ตรงประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมระหว่างทะเลชั้นนอกกับโลกปีศาจอัคคี ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์กับยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีกำลังเปิดสงครามที่ดุเดือดเลือดพล่าน

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจอัคคีจำนวนมากป้องกันประตูทางเชื่อมเขตแดน โดยมีมหาราชันปีศาจอัคคีเป็นผู้นำอย่างสุดชีวิต

ใกล้ๆ กับประตูทางเชื่อม ฟ้าดินถูกครอบอยู่ในแสงสีขาว เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ หวงกวงเลี่ย และซ่งอู๋เลี่ยง สี่ผู้ยิ่งใหญ่ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์เผ่ามนุษย์ ใช้ค่ายกลเทพไท่อี่ถล่มทลายกดดันปีศาจอัคคีด้วยความรุนแรง ราวกับจะพลิกภูเขาจมสมทุร ต้องการตีให้พวกมันถอยร่นไปพร้อมกับพลังกัดกร่อนจากโลกปีศาจอัคคี

เมิ่งหัวนใช้มงกุฎจันทรา และผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลิน ต่างก็อาศัยค่ายกลเทพไท่อี่ถล่มทลาย คอยช่วยเหลือและโจมตีปีศาจอัคคีอยู่ด้านข้าง

พื้นที่อื่นในทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก ก็มีการสู้รบอย่างดุเดือดดำเนินอยู่เช่นกัน

จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่น รวมถึงลูกศิษย์ของปราชญ์ภาพวาดแห่งเกาะภาพวาด รุมสังหารปีศาจอัคคีที่ไม่ได้ติดตามพวกราชันปีศาจอัคคีกลับสู่ประตูทางเชื่อมในปฐพีพิภพ

ในบรรดาปีศาจอัคคีที่โจมตีโลกแปดพิภพเหล่านี้ มียอดฝีมือเช่นจ้าวปีศาจอัคคีอยู่ด้วย พวกมันถูกกระตุ้นต่อมนิสัยดุร้าย เปิดการต่อสู้กับจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์อย่างดุเดือด

กลางท้องฟ้ามีประกายกระบี่สุกสกาวสว่างแวบขึ้น สังหารปีศาจอัคคีตัวหนึ่งทิ้ง

ครั้นประกายกระบี่หายไป ก็ปรากฏเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง นางมีใบหน้างดงามราวกับภาพวาด และมีบุคลิกดุดัน

นางก้มศีรษะไปมอง เห็นเงาคนสองคนบนผิวทะเล ที่กำลังฆ่าปีศาจอัคคีที่มีระดับค่อนข้างต่ำจำนวนหนึ่ง

เห็นดังนั้น นางก็พยักหน้าเล็กน้อย “อวิ๋นเซิง หลิวหัว”

เงาร่างที่อยู่บนผิวทะเลก็คือสตรีแห่งจันทราสองคนของเขากว่างเฉิง เฟิงอวิ๋นเซิงและอวิ่นหลิวหัว พวกนางทำความเคารพสตรีที่อยู่กลางอากาศพร้อมกัน “ท่านอาจารย์”

ฟู่เอินซูเหาะร่างลงมา สายตามองที่อิ่นหลิวหัว “หลิวหัว เจ้าแน่ใจนะ ว่าคนที่เจ้าเจอคือหวงเจี๋ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

อิ่นหลิวหัวตอบว่า “ก่อนหน้านี้ศิษย์เคยเห็นแค่ภาพเหมือนเงาแสงของเขาเท่านั้น ครั้งนี้เห็นคนแต่ไกล หลังจากรู้สึกว่าเหมือนคุณชายจรัสแสง ศิษย์ก็รีบหลบทันที แต่น่าจะไม่ผิดพลาด”

นางรู้สึกกังวล “ท่านอาจารย์ พวกเราอยู่ห่างกันมาก เขาเองก็ไม่ได้มองมาทางข้า น่าจะไม่มีปัญหากระมัง?”

ฟู่เอินซูได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับอิ่นหลิวหัว “ตามปกติแล้ว หลิวหังเจ้ายังไม่เคยถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นพบเห็น น่าจะไม่มีใครรู้จัก”

“แต่ระวังตัวไว้ก่อน ต่อจากนี้ห้ามเคลื่อนไหวเองอีก”

อิ่นหลิวหัวรีบตอบ “เจ้าค่ะ อาจารย์”

ฟู่เอินซูพยักหน้า พลางครุ่นคิดในใจว่า ควรจะส่งเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวกลับสำนักก่อนดีหรือไม่

ขณะที่คิดอยู่นั่นเอง คลื่นอัคคีที่กำลังม้วนพัดเบื้องหน้าก็มีปีซาจอัคคีโจมตีมาอีก

นางทำได้แต่หยุดคิด จัดการศัตรูเบื้องหน้าก่อน

ยอดฝีมือที่อยู่ในกลุ่มปีศาจอัคคีถูกนางสังหาร มีปีศาจอัคคีบางส่วนที่มีระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ เทียบได้กับพลังของจอมยุทธ์ปรมาจารย์เผ่ามนุษย์จำนวนหนึ่ง กลายเป็นปลาหลุดจากตาข่าย เฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวพุ่งเข้าไปรับช่วงต่อ

ฟู่เอินซูตั้งใจมอง อดขมวดคิ้วไม่ได้

หลังจากจัดการปีศาจอัคคีตรงหน้าเสร็จแล้ว ฟู่เอินซูก็กลาวขึ้น “หลิวหัว การฝึกในยามปกติของเจ้าจำเป็นต้องใช้ความพยายามด้วย”

อิ่นหลิวหัวตอบอ้ำอึ้ง “เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์”

เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็ถอนใจ ใช้ปราณจิตรากระซิบกับฟู่เอินสู่ ‘ท่านอาจารย์ ให้เวลาศิษย์น้องอิ่นสักหน่อยเถอะ’

ฟู่เอินซูมองนาง ‘การเรียนที่ข้าจัดสรรให้นางในตอนนี้ต่ำกว่ามาตรฐานของเจ้ามากแล้ว แต่นางยังแอบเกียจคร้านอยู่อีก’

‘ข้าดูออก ว่าเด็กผู้นี้เหมือนกับลูกข่าง ต้องดึงเชือกถึงจะยอมหมุน หากให้บทเรียนนางเยอะ นางพยายามอย่างเต็มที่ก็ได้เพียงเจ็ดแปดส่วน หากให้บทเรียนนางน้อย นางกลับเกียจคร้าน ยังคงทำแค่แปดส่วน’

‘หากข้าจับตาดู นางจะพยายามขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่เกินสองวัน นิสัยเก่าๆ ก็กลับมา คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ?’

นางกล่าวไปกล่าวมา ชักจะรู้สึกโมโหขึ้น ‘ครั้งนี้กลับสำนัก ต้องยกระดับการเรียนของนางขึ้น เช่นนี้นางถึงจะได้พยายามบ้าง’

เฟิงอวิ๋นเซิงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า ‘ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องอิ่นเพิ่งเข้าสำนักได้ไม่นาน ก็ถูกชุบเลี้ยงให้เป็นสตรีแห่งจันทรา อีกทั้งยังต้องการให้นางพัฒนาในเวลาอันสั้น ไล่ตามให้ทันข้ากับเมิ่งหว่าน แต่ว่าพวกเรา…ไม่มีใครเคยถามเลยว่าความปรารถนากับเป้าหมายของนางคืออะไร’

พลังฝึกปรือและพลังของเฟิงอวิ๋นเซิงเหนือกว่าอิ่นหลิวหัวมากเกินไป ส่วนอิ่นหลิวหัวในตอนนี้ก็ไม่ได้แสดงศักยภาพที่ส่งผลคุกคามเฟิงอวิ๋นเซิงได้ ดังนั้นคำพูดของเฟิงอวิ๋นเซิงจึงไม่ถึงกับทำให้ฟู่เอินซูเกิดความคิดเชื่อมโยงเป็นอย่างอื่น

ฟู่เอินซูขมวดคิ้ว ‘ปัญหาของนางอยู่ที่ชอบความสุขสบาย แต่เกลียดการออกแรง ยามฝึกฝนก็ไม่ตั้งใจ ต่อให้มิใช่สตรีแห่งจันทรา ในฐานะของจอมยุทธ์คนหนึ่งก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน’

เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจเสียงหนึ่ง

ฟู่เอินซูแค่นเสียง ‘หลิวหัวเป็นจอมยุทธพเนจรมาก่อน จอมยุทธ์พเนจรมีทรัพยากรน้อย แต่เต็มไปด้วยอันตราย หากมีโอกาสต้องคว้าไว้ด้วยตัวเอง ทั่วไปแล้วนางน่าจะมีความระแวดระวัง และความทะเยอทะยานมากกว่าลูกศิษย์ที่อยู่ในสำนักใหญ่ๆ’

นางพูดไปพูดมา ในหัวสมองพลันปรากฏคำพูดก่อนหน้านี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ‘บางทีศิษย์น้องหลิวหัวอยากจะใช้ชีวิตผ่อนคลายลงหน่อยก็ได้…’

ฟู่เอินซูขมวดคิ้ว จมสู่ห้วงคิด หันไปมองอิ่นหลิวหัวที่อยู่อีกทาง

การสนทนาระหว่างคนทั้งสองเป็นการกระซิบ อิ่นหลิวหัวที่ไม่ได้ยินเนื้อหา ตอนนี้สัมผัสได้ถึงสายตาของฟู่เอินซู นางอดงงงันไม่ได้ “ท่านอาจารย์?”

ฟู่เอินซูนิ่งงันอยู่นาน สุดท้ายก็ถอนใจครั้งหนึ่ง สายตาที่มองไปยังอิ่นหลิวหัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

ครั้นเห็นสีหน้าของอาจารย์เมตตาขึ้น จิตใจของอิ่นหลิวหัวก็ผ่อนคลายลง

นางกังวลอยู่ในใจว่าฟู่เอินซูจะรู้สึกผิดหวังต่อตัวนาง

การปฏิบัติที่สำนักมีต่อศิษย์ร่วมสำนัก นางเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับมากที่สุด ถึงขั้นเหนือกว่าลูกศิษย์สายตรงคนอื่นอย่างสวีเฟยและลู่เวิ่นด้วยซ้ำ

คนที่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับนางยังมีผู้ใดอีก?

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ทุกคนล้วนทราบว่าเขาเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางคนรุ่นเยาว์ ของโลกแปดพิภพในปัจจุบัน

พูดให้ถูกต้องก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รับการเสนอทรัพยากรจากสำนักอีกแล้ว แต่ตัวเขากลายเป็นหนึ่งในคนที่มอบทรัพยากรให้สำนักแทน แตกต่างกับพวกอิ่นหลิวหัว

สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิง ไม่ต้องพูดเหตุผลให้มากความ

ส่วนอิงหลงถูก็ได้ทำลายสถิติของเยี่ยนตี๋ เป็นปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกแปดพิภพหลังจากมหาภัยพิบัติ

ตอนนี้เขาอายุเพียงสิบห้าปี ก็เป็นคนเดียวในโลกนี้ที่อยู่ในขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายแล้ว แทบจะลิขิตไว้แล้วว่าเขาจะทำลายสถิติเป็นมหาปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของเยี่ยนตี๋ไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ก็ไม่มีอีก

ซือคงจิงที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกัน มีศักยภาพในด้านวรยุทธ์และระดับความมุมานะเหนือกว่าหลิวหัว แต่ว่าทรัพยากรกับการปฏิบัติที่ได้กลับสู้นางไม่ได้

อิ่นหลิวหัวรู้แก่ใจดี สิ่งเหล่านี้มิใช่เพราะว่าตนเองมีความสามารถโดดเด่น หรือสร้างคุณูปการให้แก่สำนักมากมาย

แต่เป็นเพียงเพราะว่า นางมีร่างแห่งจันทราอันแสนพิเศษ

ดังนั้นนางถึงได้รับทรัพยากรและการปฏิบัติที่ดีที่สุด ทางหนึ่งก็มีชีวิตที่สุขสงบจนถึงตอนนี้

ถ้าหากสำนักไม่เลี้ยงดูนางเช่นสตรีแห่งจันทราอีกต่อไป ยังไม่ต้องพูดว่านางจะรักษาสถานะศิษย์สายตรงของเขากว่างเฉิงได้หรือไม่ ในการเสนอทรัพยากรทุกด้านย่อมต้องลดลงไปมาก

การไล่ตามเฟิงอวิ๋นเซิง แย่งชิงมงกุฎจันทรา ในตอนที่อิ่นหลิวหัวเพิ่งจะเข้าสำนักก็อยากจะทำเช่นกัน แต่ตอนนี้ความคิดนั้นเบาบางลงไปมาก

สำหรับนางแล้ว นั่นมิใช่เป้าหมายอีกต่อไป แต่ว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้นางได้รับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิต รวมถึงสวัสดิการที่พิเศษในตอนนี้

ถึงแม้ว่าจะมีอาจารย์ที่เข้มงวดคอยจับผิด จนน่าหนักใจไปบ้าง แต่ข้อได้เปรียบที่ได้มาจากการทดสอบแห่งจันทรา กับร่างแห่งจันทราของตัวเอง ทำให้นางพึงพอใจจนมิอาจตัดใจ

พูดถึงด้านพรสวรรค์ทางวรยุทธ์ นางยังนับว่าโดดเด่น แต่เพราะนิสัยเฉยชาสะเพร่า ก็ทำให้พรสวรรค์นั้นเสียของไปบ้าง

นางในตอนนี้ถึงแม้จะไม่โดดเด่นในหมู่ลูกศิษย์สายตรง แต่ก็มิได้รองอยู่ใต้เท้าใคร ปัจจัยส่วนใหญ่ก็มีมากมายเป็นเป็นภูเขาเลากา

ถ้าหากขาดสิ่งเหล่านี้ วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แค่คิดดูอิ่นหลิวหัวก็รู้สึกระวนกระวายแล้ว

ตอนนี้ขณะที่ฟู่เอิ้นซูมีสีหน้าอ่อนโยน อิ่นหลิวหัวก็ถอนใจคำหนึ่ง ‘ครั้งนี้น่าจะผ่านด่านแล้วกระมัง?’

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด