ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 711 ท่านสู้ข้าชิง ท่านลวงข้าหลอก
ถึงแม้โชคจะหล่นใส่พวกหลัวจื้อเทา ทำให้พวกเขาเข้ามาในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬสำเร็จ แต่ว่าโจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักความมืดก็ยังคงนำอยู่ครึ่งก้าว
ตัวเขาถือธงวิญญาณ ต่อสู้กับหลัวจื้อเทา ส่วนร่างความมืดสถิตคว้ามือใส่ตะเกียงประกายกาฬ มืออีกข้างใช้กระบวนท่าสำนักความมืดโจมตีใส่หลัวจื้อเทา
หลัวจื้อเทาสีหน้าเย็นชา แยกสองมืออก ประคองดวงอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งและดวงจันทร์กระจ่างดวงหนึ่งขึ้นด้านบน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยและตกสลับกัน แสงสว่างไร้ประมาณสาดส่องสี่ทิศ
ที่ที่แสงสว่างไปถึง ความมืดสลายไป
อาทิตย์จันทร์ไขว้สลับ หยินหยางเปลี่ยนแปลง ด้านในมีพลังยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดของการกลับขั้วอยู่หลายส่วน เหมือนกับฟ้าดินถล่ม ไร้สิ่งใดกีดขวาง
เยี่ยนจ้าวเกอขณะมองภาพนี้ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ‘กงจักรสุริยันจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง!’
หลัวจื้อเทาเจ้าสำนักแสงสว่างที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ยังไม่สามารถแสดงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในนาทีนี้เขาก็เหมือนกับมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ติดตัวประดุจเทพ เหมือนกับผู้ปกครองฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่
โจวฮ่าวเซิงเองก็ไม่กล้าฝืนปะทะ ธงวิญญาณโบกไหว กลายเป็นหุบเหวความมืดไร้สิ้นสุด ยืดระยะห่างในการสลับที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ธงยาวที่เหมือนกับธงและหอกกางออกกลางอากาศ เป็นสีดำทั้งแถบ
หอกพันอนธการไร้แสง กระบวนท่าของสำนักความมืดถูกใช้ออกมา สภาวะหอกกลายเป็นโลกไร้แสงแถบหนึ่ง แทบจะยึดครองที่ว่างเอาไว้ฝ่ายเดียว
ทุกสิ่งที่ทะเลวงเข้ามาในแสงสว่างของโลกใบนี้ ต่างหายไปไม่เห็นร่องรอย
การโจมตีและร่างกายของศัตรูต่างก็ไม่คงอยู่ในโลกใบนี้เช่นกัน
โลกไร้แสง เหมือนกับหุบเหวที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเพื่อให้กลับสู่ดินแดนแห่งความมืดนิรันดร์
ทว่าสถานที่ที่หลัวจื้อเทาบังคับกงจักรสุริยันจันทราไปถึง ประกายแสงล้วนไร้ประมาณ เหมือนกับข้ามผ่านขีดจำกัดที่โลกไร้แสงใบนี้จะรองรับได้
ต่อให้แสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันพร่างพราวจะถูกกลืนกิน พวกมันก็จะโผล่มามากกว่าเดิม แสงสว่างหมุนวน ทำให้เขตแดนของมิติเวลาเลอะเลือน
หากมองจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ จะเห็นโลกแห่งแสงใบหนึ่ง เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง กดดันขอบเขตของโลกแห่งความมืดให้หดถอยไปทีละก้าว
ร่างความมืดสถิตใช้มือหนึ่งคว้าตะเกียงประกายกาฬ อีกมือหนึ่งฟันออกไปด้านหน้า
แสงสว่างมืดสลัวครึ่งสว่างครึ่งมืดก่อตัวขึ้นแต่ไม่ได้เจิดจ้ามากนัก กระนั้นประกายดาบที่มีความกดดันเต็มเปี่ยม ก็กำลังลดแสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ภายใต้การกระตุ้นของโจวฮ่าวเซิง มันทางหนึ่งรีบหลอมตะเกียงความมืด ทางหนึ่งลองอาศัยพลังแห่งตะเกียงประกายกาฬ ต่อสู้กับหลัวจื้อเทา
เห็นบนตะเกียงประกายกาฬมีลวดลายความมืดหลายสายลอยขึ้นมา พวกมันไม่มีความแวววาวแม้แต่น้อย แผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างดุเดือด ครั้งนี้ดูออกว่า ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ลอยตกสลับกันด้วยสภาวะยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์ยังคงโชติช่วงเช่นเดิม ส่วนดวงจันทร์กลับแข็งค้างในขณะที่สูญเสียความกลม
จันทร์กระจ่างเหมือนกับไม่อาจกลายเป็นจันทร์เพ็ญที่สมบูรณ์แบบได้อีก
มักมีข่าวลือว่า กงจักรจันทราในกงจักรสุริยันจันทราเคยได้รับความเสียหาย มีข้อบกพร่องหนึ่งที่ไม่อาจซ่อมแซม
ภาพตรงหน้าเหมือนกับพิสูจน์ถึงเรื่องนี้
เป็นเพราะเหตุนี้ ถึงแม้หลัวจื้อเทาจะไล่ต้อนทีละก้าว เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่โจวฮ่าวเซิงก็ยังฝืนป้องกันได้ด้วยการช่วยเหลือของร่างความมืดสถิต
หากถ่วงเวลาต่อ รอจนโจวฮ่าวเซิงหลอมเปลี่ยนตะเกียงประกายกาฬได้โดยสมบูรณ์ แม้ตะเกียงประกายกาฬจะได้รับความเสียหาย แต่สถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทันที
จอมยุทธ์สำนักความมืดที่เหลือ ต่างเข้าใกล้การต่อสู้ของสองเจ้าสำนักอย่างบ้าคลั่ง ทว่ายอดฝีมือสำนักแสงสว่างก็ไม่ยอมอยู่ด้านหลังเช่นกัน
ขณะที่สองฝ่ายสู้กัน ก็เห็นลวดลายอาคมสีดำบนผิวตะเกียงประกายกาฬยิ่งมายิ่งรวมตัว
เหมือนกับต้องการให้กำเนิดแสงสว่างพร่างพราวด้านในความมืดไร้ขอบเขต
ตะเกียงประกายกาฬกำลังจะถูกจุดขึ้นอีกครั้ง
จอมยุทธ์สำนักความมืดเห็นดังนั้น บนใบหน้าฉายแววโล่งใจ
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะชมเชยแม้แต่น้อย เขาทางหนึ่งเร่งการเปิดประตูศิลา ทางหนึ่งหรี่ตาสำรวจกงจักรจันทราที่อยู่ในกงจักรสุริยันจันทราอย่างละเอียด ยิ่งมองยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง
ในตอนที่จอมยุทธ์สำนักความมืดต่างโล่งใจ เยี่ยนจ้าวเกอพลันตวาดเตือน “ระวังถูกเขาหลอก กงจักรสุริยันจันทราได้รับการฟื้นฟูแล้ว!”
กลางอากาศที่ปั่นป่วน คนที่อยู่ในมิติที่แตกต่างกันต่าง ขณะที่พูดคุยกันก็ไม่แน่ว่าจะได้ยินเสียงของกันและกัน
แต่ว่าเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอกลับดังเข้าไปสู่หูของทุกคนอย่างชัดเจน
จอมยุทธ์สำนักความมืดได้ยินก็งงงัน
โจวฮ่าวเซิงใจเต้นรัว
หลัวจื้อเทาเจ้าสำนักแสงสว่างที่ตอนแรกใบหน้าไร้อารมณ์ อยู่ๆ กลับยิ้มขึ้นมา
แสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ขึ้นตกสลับกันเจิดจ้าขึ้นในทันใด!
จันทร์กระจ่างที่ก่อนหน้านี้ไม่สมบูรณ์ ในตอนนี้กลายเป็นจันทร์เต็มดวง สาดแสงหลายสายลงด้านล่าง
ขณะที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ผสานกัน พลังพลันเพิ่มขึ้น เหมือนกับเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณสมบัติหลายส่วน
โจวฮ่าวเซิงม่านตาหดตัวอย่างรวดเร็ว ‘กงจักรจันทราถูกซ่อมแซมแล้วจริงๆหรือ?!’
หลัวจื้อเทาชูสองฝ่ามือขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกัน จากนั้นก็ประกบกันกลางอากาศ ก่อนจะฟันไปด้านหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
แสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนวนสลับกัน กลายเป็นคมดาบน่าพรั่นพรึง ฟันลงเบื้องล่าง ทำลายโลกความมืดที่เกิดจากหอกพันอนธการไร้แสงของโจวฮ่าวเซิง!
จอมยุทธ์สำนักความมืดเห็นดังนั้นก็ตกใจหน้าถอดสี ‘กงจักรจันทราที่ไม่เคยได้รับการฟื้นฟูมาแต่ไหนแต่ไร เหตุใดจู่ๆ ถึงกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์?’
กงจักรสุริยันจันทราในตอนนี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง ตัวมันไร้ตำหนิใดอีก กลับคืนสู่ช่วงเวลาสุดยอดเฉกเช่นในอดีตอีกครั้ง!
มาตรว่าหลัวจื้อเทาจะไม่อาจกระตุ้นพลังของมันได้ทั้งหมด ทว่าความทรงพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ก็ไม่จำเป็นต้องสงสัย
เยี่ยนจ้าวเกอคิ้วขมวด การคาดคะเนอันเลวร้ายในใจก่อนหน้านี้กลายเป็นจริงแล้ว
มงกุฎจันทรา
สำนักแสงสว่างได้มงกุฎจันทราไปครอง แม้จะไม่อาจใช้ได้ดั่งใจนึก แต่ก็ยังคงใช้ประโยชน์จากมันได้
การเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของพลังของหลัวจื้อเทา อยู่นอกเหนือความคาดหมายของโจวฮ่าวเซิง เจ้าสำนักความมืดจึงถูกหลัวจื้อเทากดดันในทันที
ดีที่ได้รับคำเตือนจากเยี่ยนจ้าวเกอ เขาจึงบังคับร่างความมืดสถิตให้นำตะเกียงประกายกาฬถอยหลัง หลบหลีกการลอบโจมตีของลัวจื้อเทาแทบจะโดยสัญชาตญาณ
หลัวจื้อเทากวาดมองเยี่ยนจ้าวเกอกับโจวฮ่าวเซิงแวบหนึ่ง “เป็นการดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์”
ฝ่ามือโบกอีกครั้ง คมดาบไร้ประมาณที่เกิดจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ฟันลงมาใหม่
ท่าร่างของเขาเร็วกว่าโจวฮ่าวเซิง หากสภาวะหอกที่โจวฮ่าวเซิงใช้ตั้งตัวถูกทำลาย จนไม่อาจสะกดความเร็วของเขาได้อีก
ร่างความมืดสถิตฝืนป้องกัน ท่าดาบมหาแสงสว่างของหลัวจื้อเทากลับเป็นท่าลวง
คมดาบที่เป็นแสงไร้สิ้นสุดแยกจากหนึ่งเป็นสอง กลายเป็นหนึ่งอาทิตย์หนึ่งจันทร์ หนึ่งแสงทองหนึ่งแสงเงินกลางอากาศ
แสงอาทิตย์สีทองมืดลง กลายเป็นอาทิตย์มืดสีดำ แสงจันทร์สีเงินยิ่งเย็นเยียบขึ้น กลายเป็นจันทร์ยะเยือกสีฟ้า
สองสิ่งบิดตัวรอบหนึ่งกลางอากาศ พลันหยุดร่างความมืดสถิตกับตะเกียงประกายกาฬไว้
แสงและความมืดสลับสับเปลี่ยน เกิดการประสานกันกับตะเกียงประกายกาฬ
หลัวจื้อเทาวูบไหวท่าร่างของตัวเอง เร็วเหมือนกับกระแสไฟฟ้า พริบตาเดียวก็มาถึงด้านหน้าร่างความมืดสถิต ก่อนจะโจมตีด้วยฝ่ามือหนึ่ง
ร่างความมืดสถิตถึงอย่างไรก็เป็นหุ่นเชิด ระดับพลังแม้จะไปถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก แต่ก็ไม่อาจสู้ยอดฝีมือที่ห่างจากขั้นสะพานเซียนเพียงก้าวเดียวอย่างหลัวจื้อเทาได้
ฝ่ามือแรก ทั้งสองฝ่ายใช้แข็งปะทะแข็ง ร่างความมืดสถิตยังฝืนรับไว้ได้
แต่ว่ากระบวนท่าที่สอง กระบวนท่าของหลัวจื้อเทาเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างความมืดสถิตกลับตามความเร็วไม่ทัน โดนฝ่ามือของหลัวจื้อเทาได้รับบาดเจ็บหนัก!
โจวฮ่าวเซิงพุ่งเข้าไปโจมตีใส่ด้านหลังของหลัวจื้อเทาด้วยพลังทั้งหมดท่ามกลางเสียงตวาด หมายจู่โจมจุดอ่อน
หลัวจื้อเทากลับไม่หมุนตัว บนร่างเขามีลำแสงหลายสายพรั่งพรูขึ้นมา กลายเป็นเกราะอ่อนสีทอง แสงสว่างไร้ประมาณเหมือนคงอยู่ชั่วนิรันดร์
เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางชิ้นหนึ่งที่ช่วยเขาป้องกันการโจมตีของโจวฮ่าวเซิง!
……………….
คอมเม้นต์