Perfect Superstar – ตอนที่ 124 ย้อนกระแสสังคม
ตอนที่ 124 ย้อนกระแสสังคม
วันที่ 14 เดือนสิงหาคม รายการทัวร์แข่งขันรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ที่เมืองเทียนฝู่จบลง
ในกลุ่มนักร้องที่เข้าแข่งขันในรายการทั้งหมดสิบคน มีสามคนที่ถูกคัดออกและหนึ่งในนั้นคือหลินหลาง
โดยไม่กังวล ลู่เฉินชนะผู้เข้าแข่งขันอีกครั้ง และเดินทางแข่งขันต่อในระดับประเทศต่อไป
กฎการแข่งขัน ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ถูกกำหนดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เนื่องจากการแข่งขันอันดุเดือด ทำให้หลังจากจบการแข่งขันที่หางโจว ผู้เข้าแข่งขัน 10 อันดับแรกในเขตปักกิ่ง เหลือเพียงลู่เฉิน มู่เสี่ยวชู จางจวิ้นสามคนเท่านั้น
ด้วยกฎดังกล่าวส่งผลเสียต่อผู้เข้าแข่งขันในเขตพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตปักกิ่ง
เพราะหากพวกเขาต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็น 10 อันดับแรกของประเทศเพื่อเข้ารอบการแข่งขันชิงแชมป์พวกเขาจะต้องร้องเพลงเอาชนะผู้ท้าชิงจากอีก 6 พื้นที่ หากพวกเขาแพ้การแข่งขันพวกเขาจะเสียโอกาส ไม่มีทางได้กลับมา
แต่หากจะพูดถึงอีกมุม โดยทฤษฎีแล้วผู้แข่งขันจากเขตปักกิ่งก็จะได้จำนวนในการออกอากาศมากที่สุด การแข่งขันรายการทัวร์ที่อย่างดุเดือดที่พึ่งไปแข่งมา จะเป็นการทดสอบความมุ่งมั่นและความอดทนอย่างแท้จริง ขอเพียงมุ่งมั่นก็จะได้รับความนิยมสะสมเพิ่มขึ้น
อีกอย่างการแข่งขันรายการทัวร์นั้นก็มีรางวัล เมื่อชนะในแต่ละรอบจะได้รับเงินห้าหมื่น ลู่เฉิน มู่เสี่ยวชูและจางจวิ้นหวาผ่านการแข่งที่ เซิ่งจิง ฮู่ไห่ หางโจวและเทียนฝู่ มา ต่างก็ได้รับเงินรางวัลมาแล้วกว่าสองแสน
นับเงินรางวัลที่ผู้เข้ารอบ 10 คนจากเขตปักกิ่งได้รับแล้ว ลู่เฉินได้รับรางวัลหลังหักภาษีไปแล้วกว่าสามแสน
พวกเข้าแข่งที่ถูกจัดอยู่ในพื้นที่รอบหลังถึงจะสามารถออมแรงรอคอยผู้แข่งขันและก็เสียโอกาสที่จะได้ช่วงชิงเงินรางวัลไม่น้อยเลย ได้อย่างเสียอย่างตัวเลือกไหนที่ดีที่สุด ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสิทธิส่วนบุคคลแล้ว
เชื่อว่าเมื่อถึง ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ซีซันสอง เริ่มต้นขึ้นในปีหน้า การเลือกพื้นที่ยังไงจะต้องเป็นปัญหาใหญ่
และในรายการทัวร์แข่งขันแต่ละรอบนั้น ลู่เฉินก็เป็นผู้เข้าแข่งขันที่สะดุดตาที่สุดในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเพลงที่เขานำมาแข่งขันนั้นล้วนเป็นเพลงของตัวเอง ไม่มีการใช้เพลงเลียนแบบ!
การใช้เพลงของตัวเองล้วนๆ นั้นยังพอรับได้ แต่ที่น่ากลัวคือทุกเพลงของลู่เฉินนั้นรักษามาตรฐานไว้สูงมาก
ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วอย่าง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ลำพังแค่เขาขึ้นแสดง ‘เธอผู้เป็นเพื่อร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘บินให้สูงขึ้น’ ‘ธุลีรักในสายลม’ และ ‘ดอกไม้เหล่านั้น’ ก็ล้วนแล้วแต่ถูกยกให้เป็นผลงานชั้นเลิศและคลาสสิค
เพลงต้นฉบับที่โดดเด่นเหล่านี้ได้รับความชื่นชอบจากผู้ชมจำนวนมากและแฟนเพลงก็เพิ่มขึ้นทุกวัน
ในบล็อก ในฟอรัม ในลิงก์… แฟนคลับมากมายต่างยกย่องให้ลู่เฉินคือนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นใหม่
ในแวดวงดนตรีป็อปและวงการบันเทิงเริ่มมีคนพูดคุยถึงผลงานของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
บางคนถึงกับร้องก้องว่างานสร้างสรรค์ภายในประเทศกำลังกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง และการปรากฏตัวของลู๋เฉินคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด!
ดังนั้นเรตติ้งของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จึงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานกลายเป็นรายการที่จืดชืดไร้สีสันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศเร็วกว่าเมื่อเทียบกับ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แต่เรตติ้งของรายการก็อยู่ที่เพียงประมาณ 3% มาหลายสัปดาห์แล้ว
มีคนล้อเลียนว่า ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ แท้จริงอยู่ในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แล้ว ถึงแม้รายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองจะมีนักร้องเสียงดีอยู่หลายคนแต่ทั้งสองฝ่ายรับบทผิด
ในเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อหลังจากการแข่งขันที่เทียนฝู่จบลง แฟนคลับของลู่เฉินมากถึงห้าล้านกว่าคน
ในฐานะคนหน้าใหม่ไม่มีชื่อเสียงอย่างลู่เฉิน เมื่อประสบความสำเร็จและมีอนาคตสดใส ได้รับคำชื่นชมจากแฟนคลับมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนบางกลุ่มต้องอิจฉาแทบคลั่ง
เป็นผลให้การย้อนกระแสสังคมปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
วันที่ 8 เดือน สิงหาคม การแข่งขันรายการทัวร์เขตเซินไห่ รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ วันที่สองจบลง
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มจู่ๆ ก็มีบทความในบล็อกที่ถูกส่งต่อเป็นจำนวนมากและแพร่หลายในเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อ!
หัวข้อของบล็อกนั้นคือ เรื่องของฉันกับเพลงในฤดูใบไม้ผลิ ชื่อสมาชิก ‘เหล่าไห่นักร้องพเนจร’
บล็อกเกอร์ที่เพิ่งลงทะเบียนเขียนไว้ในบทความ เขาเป็นนักดนตรีที่เร่ร่อนอยู่ในเมืองหลวงมากว่า 20 ปี ตอนอายุ 19 ปีก็จากบ้านมาไกลเพื่อความก้าวหน้าในเมืองหลวง ตามความฝันทางด้านดนตรีของตัวเอง
แต่ทว่าความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย เขาถูกความฝันทำร้ายจนต้องเจ็บปวด มองไม่เห็นความหวังใดๆ
20 ปีมานี้ เหล่าไห่เคยร้องเพลงในผับ เคยร้องเพลงตามทางเดินใต้ดิน เคยร้องเพลงตามลานประชาชน เพื่อหาเลี้ยงชีพ เคยแม้กระทั่งต้องทำงานใช้แรงงานชั่วคราวอยู่บ่อยครั้ง เพื่อจะได้มีกินในแต่ละวันอย่างไม่ได้หยุดหย่อน
แต่เขาก็ไม่เคยล้มเลิกความฝันและต่อสู้บนเส้นทางแห่งดนตรี
เหล่าไห่แต่งเพลงไว้มากมาย อาจเป็นเพราะการขาดความสามารถ ผลงานของเขาจึงไม่ได้รับความสนใจมาโดยตลอด แต่มีเพลงหนึ่งที่เขาชอบมากที่สุด เขาเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่ามันมีคุณค่า
ผลงานเพลงนี้มีชื่อว่า ‘ฤดูใบไม้ผลิ’ ใช้เวลาหลายปีในการแต่งและแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังไม่มีร่างฉบับสุดท้าย แม้แต่เนื้อร้องก็ยังแต่งไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นจึงยังไม่ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์
แต่เขาก็เคยโชว์ต้นฉบับให้เพื่อนๆ หลายคนได้ดู ทุกคนต่างบอกว่าเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ดีมากๆ
เขาจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าไห่คิดไม่ถึงและไม่แม้แต่จะฝันคือ เมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดนตรีที่คุ้นหูมากขณะที่เขานั่งอยู่ในบาร์ จึงได้รู้ว่าบทเพลงนั้นชื่อ ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ซึ่งกำลังโด่งดังและมีคนนำไปเลียนแบบเป็นจำนวนมาก
เพลงนี้และผลงานของเขา นอกจากเนื้อเพลงแล้ว ทำนองเพลงนั้นก็เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ!
เหล่าไห่ในตอนนั้น รู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตกใจตัวแข็งทื่อไปหมด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
เหล่าไห่ไม่กล้าที่จะเชื่อความจริงนี้เลย
เขาไม่สามารถระบายความคับข้องใจของเขาได้ ทำได้แค่ปรับทุกข์กับเพื่อนของเขาเท่านั้น
แต่เพื่อนๆ ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ได้ถูกคนอื่นจดลิขสิทธิ์ไปเสียแล้ว เพียงพูดออกไปโดยไม่มีหลักฐาน จะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามันเป็นผลงานของตัวเอง?
เพราะอย่างนั้นทำใจเถอะ ไม่จำเป็นต้องโวยวายไปทั่ว ทุกคนมีแต่จะบอกว่านายก็แค่อิจฉาเขาเท่านั้น
เหล่าไห่รู้ดีว่าเพื่อน ๆ ของเขาทำเพื่อตัวเขาเอง เขาที่เป็นเพียงแค่ศิลปินหลงกรุงในเมืองหลวงที่ไม่มีอำนาจ ไม่มีเงิน ไร้ชื่อเสียง จะมีคุณสมบัติอะไรไปต่อกรกับคนอื่น การยอมแพ้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
แต่เขาไม่เต็มใจ ไม่อยากจะยอมแพ้
ดังนั้นเขาจึงสมัครบัญชีในบล็อกเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อและเล่าเรื่องราวของเขา
เหล่าไห่ไม่ขอให้ใครเชื่อ เพียงแค่ต้องการได้รับความยุติธรรมที่พึงได้!
บทความนี้เป็นบทความที่ยาวมากและเนื้อหาที่ดึงดูดใจ ใช้ภาษาอย่างชำนาญพูดถึงนักร้องวัยกลางคนที่ตกต่ำถึงจุดต่ำสุดซึ่งกำลังดิ้นรนได้อย่างสมจริงเห็นภาพ นำเสนอต่อหน้าทุกคน
เรื่องราวที่บอกเล่านั้นทำให้คนที่พบเห็นต่างเต็มไปด้วยความรู้สึกแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม!
ในตอนท้ายของบล็อกนี้ เหล่าไห่ยังแนบรูปถ่ายของต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ และมีร่องรอยการแก้ไขมากมาย ยังสามารถดูออกได้อย่างชัดเจนถึงตัวโน้ตถี่ยิบเหล่านั้น
ในฐานะบล็อกเกอร์หน้าใหม่ที่ไม่มีแฟนคลับ บล็อกโพสต์ของเหล่าไห่นักร้องพเนจรจึงไม่มีใครติดตามในตอนแรก แต่ไม่นานได้รับการรีโพสต์อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีคนในวงการที่ได้รับสถานะระดับ V ใหญ่เป็นทางการและคนดังมากมายแท็กเขาอีกด้วย
ที่น่ามหัศจรรย์มากก็คือ จากนั้นจำนวนครั้งในการแชร์มีมากถึงหลักหมื่นภายในไม่กี่ชั่วโมง มีผู้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราการคลิกต่อจำนวนการเข้าไปดูและจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น!
เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่ม โพสต์นี้อยู่ในรายการยอดนิยมของหน้าแรกของเว็บไซต์หลางเฉาป๋อเค่อแล้ว
มีการแชร์มากกว่าหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นครั้ง และกว่าสามแสนห้าหมื่นความคิดเห็น อีกทั้งห้าแสนกว่าไลค์!
ในคอมเม้นท์มีคนจำนวนมากสนับสนุนเจ้าของบล็อก เห็นใจในสิ่งที่เขาต้องเจอ และสนับสนุนให้เขาฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเขา
แต่ก็มีไม่น้อยที่สงสัยเกี่ยวกับความจริงของเรื่องราวและคิดว่ามันเป็นข่าวสร้างกระแส
ถึงแม้ว่าบทความนี้จะไม่ได้ระบุชื่อแซ่ แต่ก็ชี้นำชัดเจนมาก ดังนั้นหลังจากที่เป็นประเด็นร้อนแรงแล้ว บัญชีของลู่เฉินก็ถูกถล่มอย่างหนักเลยทีเดียว
ผู้ใช้งานเหล่านั้นที่ไม่รู้ความจริงต่างพากันกล่าวหาว่าลู่เฉินขโมยความคิดของเหล่าไห่ เรียกได้ว่าไร้ยางอาย
มีคนร้องขอให้ลู่เฉินชดใช้คำขอโทษให้เหล่าไห่และคืนเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ให้แก่อีกฝ่าย
และมีบางคนร้องขอให้ลู่เฉินออกจากวงการบันเทิงไป!
ลู่เฉินในตอนก่อนหน้าที่เข้าร่วมรายการ ’ขับร้องให้ก้องจีน’ ยังคงเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เขาเป็นดาวรุ่งที่ได้รับคำชมและเกียรติยศมากมายนับไม่ถ้วน
หากเปรียบเทียบกับเหล่าไห่นักร้องพเนจรก็น่าสงสารเหลือทน เป็นธรรมชาติที่จะทำให้คนรู้สึกเห็นใจเขา
คนที่ด่าทอลู่เฉิน พวกเขาไม่ได้เข้าใจในความจริงของเรื่องนี้ และไม่สนใจในความจริง
พวกเขาสะเทือนใจกับเรื่องราวของเหล่าไห่ รู้สึกรังเกียจลู่เฉินเหมือนประสบกับเรื่องนั้นมาด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงได้พากันรุมโจมตีลู่เฉินในทันที และใช้เหตุนี้เพื่อระบายอารมณ์ของพวกเขา
มีบางคนไปถึงสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกลุ่มผู้จัดรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ บล็อกของถานหงและเฉินเฟยเอ๋อร์
ขอให้แบนลู่เฉิน!
และบล็อกเกอร์ที่มีชื่อเสียงบางคนยังคงราดน้ำมันบนกองไฟให้เรื่องนี้
มีคนในวงการบางคนที่ได้รับการรับรองสถานะ V ได้ออกบทความมาประณามว่า นี่คือสาเหตุที่วงการเพลงป๊อปในประเทศเสียหาย การลอกเลียนผลงานคนอื่นกลายเป็นเรื่องทั่วไปที่ไร้ขีดจำกัดที่ต่ำที่สุด ทำให้คนที่มีพรสวรรค์จริงๆ ไม่มีทางได้ลืมตาอ้าปาก
เขาเรียกร้องอย่างรุนแรงให้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเป็นฝ่ายแบนลู่เฉิน ไม่อนุญาตให้คนที่ขโมยความคิดคนอื่นได้เฉิดฉายอยู่บนเวที
เหมือนเป็นการยืนยันว่าลู่เฉินขโมยผลงานของเหล่าไห่!
ในมุมมองในทิศทางเดียวกัน ในบล็อกของคนในวงการที่ได้รับสถานะระดับ V ใหญ่และ V เล็กไม่น้อย ได้โพสต์และเกิดเป็นกระแสต่อต้านลู่เฉิน ซึ่งเทรนด์นี้ก็ได้ลุกลามไปถึงลิงก์ฟอรัมและแม้แต่ในกลุ่มเฟยซวิ่น
ดูเหมือนลู่เฉินจะเป็นลูกหมาตกน้ำที่ทุกคนเกลียดชัง ความผิดฐานขโมยความคิดของคนอื่นกลายเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว!
แต่ในขณะที่มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ความจริง ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่แยกแยะได้ทั้งหมด
บล็อกเกอร์ใหม่ที่เพิ่งเปิดบัญชี นอกจากรูปถ่ายไม่กี่ใบและบทความที่กินใจแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่อ้างอิงได้จริงเลยจู่ๆ ก็สร้างกระแสใหญ่โตได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้
ถ้าจะบอกว่าเบื้องหลังไม่มีใครบงการอยู่เลย ก็คงจะเป็นการดูถูกอัจฉริยภาพกัน!
บัญชีการตลาด V ใหญ่ที่แอคทีฟเหล่านั้น มีใครบ้างไม่รู้จัก ใครให้ผลประโยชน์ก็ไปหาคนนั้น!
เพียงแต่มองเห็นความไม่ชอบมาพากลก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะออกหน้าเป็นเดือดเป็นร้อนแทนลู่เฉิน
ช่วงนี้ลู่เฉินเองก็เพิ่งจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อไม่นานมานี้เขาทำให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานต้องขุ่นเคือง และทำให้หลายคนในวงการต้องขายหน้า
อาจเพราะเห็นคนอื่นมีความทุกข์แล้วมีความสุข หรือมีศัตรูคู่แค้นร่วมกัน จึงมีคนไม่น้อยเลือกที่จะดูอยู่เฉยๆ และบางคนอาจจะผลักเบาๆ ดีใจที่ได้เห็นลู่เฉินต้องสะดุดหกล้มตีลังกาในครั้งนี้!
วงการบันเทิงก็เป็นเช่นนี้ ลู่เฉินไม่มีเส้นสายและคนหนุนหลัง มีชื่อเสียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับใช้ในการไต่เต้าที่สุด
ทุกคนต่างรอดู การย้อนกระแสสังคมในสถานการณ์อันโหดร้ายเช่นนี้ เขาจะรับมือกับมันอย่างไร!
…………………………
คอมเม้นต์