ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 21: ข้าจัดการเขาได้อีกครา!
อู่หมิงเหลียงกระอักเลือดออกมา แรงกระแทกรุนแรงดั่งกระสุนปืนใหญ่ทำให้เขากระเด็นชนเข้ากับพื้นด้านล่างลานประลองอย่างแรง ช่วงเวลานั้นเองเหล่าศิษย์ชั้นนอกที่ชมการประลองต่างตกตะลึง นี่มันต่างกับสิ่งที่พวกเขาคิดโดยสิ้นเชิง
พวกเขาคิดว่าอู่หมิงเหลียงจะเอาชนะเซี่ยงเส้าหยุนได้อย่างง่ายได้เพราะเขาเป็นถึงศิษย์ผู้ที่เป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับแรก กลับต้องพ่ายแพ้ด้วยสามกระบวนท่าเท่านั้น เรื่องทั้งหมดนั้นช่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนัก!
“นี่ข้าตาบอดหรือไรกัน? อู่หมิงเหลียงถูกเตะออกมาจากลานประลองงั้นรึ!”
“คงจะเป็นเช่นนั้นแล ข้าก็เห็นมันเหมือนกัน! อู่หมิงเหลียงอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“เจ้ารู้อะไรไหม? หมัดที่อู่หมิงเหลียงต่อยออกไปนั้นมันรุนแรงถึงกว่าห้าร้อยกิโลกรัมเชียวนะ! ไม่มีผู้ใดสามารถรับหมัดของอู่หมิงเหลียงได้เช่นนี้มาก่อน! อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เซี่ยงเส้าหยุนแข็งแกร่งมาก!”
“เขาเป็นถึงผู้มีห้าดวงดาวสถิต! จึงอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งขึ้นมากทั้งที่เข้ามาอยู่ที่แห่งนี้เพียงสิบวันเท่านั้น!”
เหล่าศิษย์ชั้นนอกต่างพากันคลุ้มคลั่ง ความเข้าใจในตัวเซี่ยงเส้าหยุนนั้นได้เปลี่ยนไป ไร้ซึ่งการดูหมิ่นเหยียดหยามอีกต่อไปและยังเผยแววตาชื่นชมขณะที่มองไปยังเบื้องหน้า
“ข้าบอกแล้วจะเอาชนะเจ้าด้วยสามกระบวนท่าและก็ทำมันจนได้!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิพร้อมมองไปยังอู่หมิงเหลียงจากที่ห่างไกล
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! เหตุใดกัน ข้า อู่หมิงเหลียงจึงพ่ายแพ้แก่เด็กเหลือขอเช่นเจ้ากัน? นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง!” อู่หมิงเหลียงคำรามขณะที่ขบฟันเนื่องจากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ ในขณะที่จ้องอย่างเชือดเฉือนไปยังเซี่ยงเส้าหยุน เขาก็พุ่งตัวไปบนอากาศและชักดาบประจำตระกูลอู่ออกมาจากหลัง พร้อมฟันอย่างบ้าคลั่งไปยังเด็กหนุ่ม
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว!” ผู้ดูแลตำหนักที่รับชมสิ่งที่อู่หมิงเหลียงกำลังจะกระทำต่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่สำคัญหรอก เพราะข้าเอาชนะได้แล้วครั้งหนึ่งและข้าก็จะจัดการเขาได้อีกครั้ง!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะถอยออกไปอย่างใจเย็น
“ข้าประมาทไป อย่างไรเสียผู้ที่จะพ่ายแพ้ในรอบถัดไปต้องเป็นเจ้า!” อู่หมิงเหลียงร้องเสียงหลงอย่างบ้าคลั่ง ดาบในมือเฉือนผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดใบมีดอากาศมากมายพุ่งไปยังเซี่ยงเส้าหยุน
วิชาดาบระดับสอง ตัดผ่านศิลา เฉกเช่นนามของมัน เพียงเสี้ยวดาบเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หินหนักห้าร้อยกิโลกรัมต้องแหลกเป็นผุยผง อู่หมิงเหลียงได้ฝึกฝนวิชาดาบตั้งแต่ยังเยาว์วัย ดังนั้นจึงสามารถดึงศักยภาพของวิชาดาบออกมาได้ถึงห้าในสิบ และมอบความแข็งแกร่งให้กับตนอย่างที่วิชาระดับหนึ่งไม่อาจเทียบเคียง
เซี่ยงเส้าหยุนหลบคมดาบที่พุ่งตรงมายังตนเอง มีหลายคราที่โดนฟัน และเสื้อผ้าโดนเชือดเฉือนทะลุไปถึงผิวหนัง ทำให้เลือดไหลออกมา
ช่างควรค่าแก่การเป็นถึงดาบระดับสองและวิชาดาบระดับสองเสียจริง!” เซี่ยงเส้าหยุนเห็นพ้องในใจขณะรู้ซึ้งถึงความคมของใบมีด
เซี่ยงเส้าหยุนถูกผลักให้ถอยหลังตลอดเวลาและพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสตอบโต้
“ข้าจะดูว่าเจ้าทนได้สักกี่น้ำกัน! เจ้าพ่ายแพ้แล้ว!” ความมั่นใจของอู่หมิงเหลียงกลับคืนมาและได้ตะโกนขึ้น มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา คมดาบได้บินไปยังเซี่ยงเส้าหยุนคมแล้วคมเล่า การฟาดฟันอย่างต่อเนื่องทำให้เซี่ยงเส้าหยุนหลบไปถึงขอบลานประลอง อู่หมิงเหลียงนั้นต้องการบีบบังคับให้เขาต้องออกจากลานประลองในคราเดียว
ในที่สุด ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนก็จดจ่อกับคมดาบ ทำให้ตอนนี้สามารถกำหนดวิถีแต่ละดาบของอู่หมิงเหลียงได้ นี่เป็นเหตุว่าทำไมตนจึงถอยห่างตลอดเวลา เพราะจำเป็นต้องเข้าใจถึงการเคลื่อนไหวของอู่หมิงเหลียงก่อนจึงจะสามารถโต้กลับได้
ส่วนล่างของร่างกายเขานั่นเอง เซี่ยงเส้าหยุนสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของอู่หมิงเหลียงได้ ก่อนจะส่งฝ่ามือพุ่งเข้าใส่ “ทำลาย!”
วิทยายุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ฝ่ามือแยกเมฆา
เป็นวิทยายุทธ์ที่เหล่าศิษย์ชั้นนอกทั้งหมดสามารถฝึกฝนได้จากโถงวิทยายุทธ์ เซี่ยงเส้าหยุนได้เรียนรู้ทั้งสี่วิชา มีเพียงวิชาดาบเท่านั้นที่ศิษย์ส่วนใหญ่จะละเลยการฝึก ฝ่ามือแยกเมฆานั้นมีพลังที่เหนือกว่าหมัดพลังปราณและลูกเตะวายุหมุน หนึ่งฝ่ามือนั้นสามารถแยกเมฆได้ วิชานี้เป็นกระบวนท่าที่มีพลังทำลายล้างสูง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
พลั่ก!
“อ๊ากกกก!”
อู่หมิงเหลียงกระเด็นไปไกลเพราะเซี่ยงเส้าหยุน นอกจากนี้จุดที่เซี่ยงเส้าหยุนโจมตีใส่ยังเป็นจุดที่โดนลูกเตะก่อนหน้าอีกด้วย ก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์
เซี่ยงเส้าหยุนอัดการโจมตีอย่างรุนแรงพร้อมวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด และปล่อยลูกเตะวายุหมุนไปยังดาบในมือของอู่หมิงเหลียง เมื่อลูกเตะโดนดาบของอู่หมิงเหลียงแล้ว จากนั้นจึงเตะครั้งที่สองไปยังหน้าของอู่หมิงเหลียง
“นี่สำหรับการทำให้ผู้อื่นไม่ยอมให้ข้าได้แย่งชิงอาหาร!”
“นี่สำหรับปล่อยให้สมุนโง่เง่าของเจ้ากลั่นแกล้งข้า”
“นี่สำหรับเจ้าที่บังอาจยั่วยุข้า และนี่สำหรับการที่เจ้าอวดเก่งใส่ข้า!”
เซี่ยงเส้าหยุนระบายอารมณ์ทั้งหมดของตน เตะไปยังใบหน้าของอู่หมิงเหลียงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี แม้อู่หมิงเหลียงถูกทุบตีจนบอบช้ำอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้ที่มาชมการประลองต่างหวาดหวั่นกับภาพน่าเหลือเชื่อตรงหน้า หากพวกเขาถูกโจมตีแบบนี้ที่ใบหน้าของตน เช่นนั้นก็เลวร้ายแล้ว
โดยเฉพาะกับเหล่าสมุนของอู่หมิงเหลียง พวกเขาต่างเกรงกลัวเซี่ยงเส้าหยุนหากต้องตกเป็นเป้าหมายต่อไปในภายภาคหน้า ภายในสิ่งปลูกสร้างที่ห่างไกล สองผู้อาวุโสเผยสายตาหน่ายเหนื่อยไปยังลานประลอง
“ศิษย์น้องฉางเหอ ศิษย์ที่เจ้ารับเข้ามานั้นมีอนาคตที่ไร้ขอบเขตคอยอยู่ภายภาคหน้า!” ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวกับผู้ที่เยาว์วัยกว่าตน ทั้งสองท่านนี้คือผู้อาวุโสที่สิบสี่แห่งตำหนักยุทธ์และศิษย์พี่ของเซี่ยงเส้าหยุน จื่อฉางเหอนั่นเอง
จื่อฉางเหอหัวเราะเบา ๆ และกล่าว “ข้าไม่คู่ควรจะเป็นอาจารย์ของเขา เพียงแค่รับเข้ามาเป็นศิษย์ในนามอาจารย์เท่านั้นเอง อย่างไรเสียเจ้าเด็กนี่ช่างทำได้ดีเกินความคาดหมายของข้าเสียจริง ในสิบวันนี้เขาก้าวกระโดดขึ้นไปถึงสองระดับและขึ้นไปยังระดับพื้นฐานขั้นเจ็ดจนได้ นี่เป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง”
ผู้อาวุโสที่สิบสี่ยกยอเซี่ยงเส้าหยุน “เขานั้นทำได้เกินกว่าที่จะเป็นพรสวรรค์แล้ว! เขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ และยังสามารถเอาชนะผู้ที่มีขั้นเหนือกว่าถึงสองขั้นได้อย่างง่ายดาย! เขาอาจจะน่าทึ่งกว่าศิษย์ส่วนตัวของท่านเจ้าตำหนักก็เป็นได้!”
“พวกเขาควรจะจับคู่กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้” จื่อฉางเหอตอบหลังจากกล่าวคำสั้น “พอเถอะ ไปยังหุบเขาร้อยอสูรกันดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้เกิดเหตุการณ์บางอย่าง อาจจะเป็นการปรากฏของวัตถุวิญญาณก็เป็นได้! เราจะต้องปกป้องเด็กเหล่านี้”
“เจ้าจะไม่สนใจศิษย์น้องผู้นี้อีกต่อไปแล้วหรือ?” ผู้อาวุโสที่สิบสี่อุทานด้วยความประหลาดใจ
“ข้าจะให้เขาอยู่สวนชั้นนอกเพียงครึ่งปีเพื่อทำให้ความอวดเก่งนั้นจางหายไปบ้าง หากผ่านไปครึ่งปีแล้วข้าจะมอบของสองสามสิ่งให้ก่อนจะส่งมอบเขาไปยังนครขอบนภาเพื่อให้ไปพบอาจารย์ที่ข้าเคารพเป็นการส่วนตัว” จื่อฉางเหอกล่าวแผนของตนออกมา
“เป็นเช่นนั้นเอง หยกที่ไม่ผ่านการเจียระไนเป็นเพียงเครื่องมือไร้ประโยชน์ วิธีการที่เจ้ากระทำนั้นมีประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับผู้อาวุโสคนอื่น!” ผู้อาวุโสที่สิบสี่ตอบกลับ
ในขณะเดียวกัน เซี่ยงเส้าหยุนได้หยุนการโจมตีใส่อู่หมิงเหลียงในที่สุด ใบหน้าของอู่หมิงเหลียงนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดกลัวต่อผู้ที่เห็นนัก
“นี่เป็นเพียงพลังเล็กน้อยเท่านั้น เจ้ายังกล้าที่จะสั่งให้ศิษย์ชั้นนอกทั้งหมด ต่อต้านข้าอยู่อีกหรือไม่? เจ้าควรกลับเข้าไปอยู่ในครรภ์มารดาสักร้อยปีก่อนจะออกมา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวน้ำเสียงแสดงถึงการดูถูกเผยออกมา
ดวงตาที่ครึ่งเป็นครึ่งตายของอู่หมิงเหลียงนั้นมองไปยังเซี่ยงเส้าหยุนขณะที่พูดด้วยความยากลำบาก “เจ้า กล้าทุบตีข้างั้นรึ? พี่ชายทั้งสองของข้าจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบเขาก็ได้สิ้นสติไปเสียแล้ว เหล่าฝูงชนที่เฝ้าดูต่างก็ไม่เชื่อสายตาตนเอง เซี่ยงเส้าหยุนนั้นใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยในการต่อสู้ราวกับหมูที่กำลังบิน
ผู้ดูแลได้วิ่งเข้ามาและนำนิ้วมือไปวางใต้จมูกของอู่หมิงเหลียง และพบว่าเขายังหายใจอยู่จึงได้โล่งใจก่อนจะประกาศ “ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้คือเซี่ยงเส้าหยุน!”
“ฮะฮ่า! ข้ารู้ว่าลูกพี่จะต้องชนะ! ท่านชนะแล้วลูกพี่! ในอนาคตท่านจะต้องดูแลข้าอย่างดี เข้าใจมั้ย?” เซี่ยหลิวฮุยตื่นเต้นที่สุดในหมู่ผู้ชมขณะนี้กำลังตะโกนและกระโดดไปรอบ ๆ
เหล่าศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงเขามีเส้นสีดำปูดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะพึมพำกับตนเอง “เจ้าหน้าด้านเอ้ย! เจ้าเองไม่ใช่รึที่เคยกล่าวว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะต้องพ่ายแพ้หมดรูปน่ะ?”
ในอีกมุมหนึ่งของลานประลอง ดวงตาของลู่เสี่ยวฉิงเผยประกายงดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์
คอมเม้นต์